กกต.ปิดยอดเลือกตั้งนายก อบจ. คนมาใช้สิทธิ 58.45 เปอร์เซ็นต์ ลดจากปี 63 ราว 4 เปอร์เซ็นต์ บัตรเสีย 5.69 เปอร์เซ็นต์ ขยับ แซงหน้า จ.ลำพูน ครองแชมป์สูงสุด 73.43 เปอร์เซ็นต์ “แสวง” ชักแม่น้ำยันจัดเข้าคูหาวันเสาร์ถูกแล้ว เผย 180 เรื่องร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งรอสอบสวน “แพทองธาร” พอใจผลงาน อวยผู้ช่วยหาเสียงลุยคุ้มค่าจ้าง สว.ฉะสะท้อนประชาธิปไตยถดถอย จี้กาบัตรวันอาทิตย์-เลือกตั้งออนไลน์ สมช.ส่ง กต.ประสานเมียนมาปมตัดไฟแก๊งคอลฯ มอบข้อมูล กฟภ.ไปเจรจาคู่สัญญาวางมาตรการเหมาะสม กฟภ.จ่อลงพื้นที่ก่อนตั้งแท่นชง ครม. “อนุทิน” ให้ สมช.ล็อกเป้าพื้นที่กระทำผิดพร้อมสับสวิตช์ ลั่นเรื่องนี้จำเป็นต้องถึงมือนายกฯ “อันวาร์” หารือ “ทักษิณ” ชื่นมื่น “อิ๊งค์” เผยพ่อเน้นคุยเรื่องเมียนมา สื่อมาเลย์ตีข่าววงหารือหลายประเด็นสำคัญและคริปโตเคอร์เรนซี
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปผลการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยการ เลือกตั้งนายก อบจ.มีผู้มีสิทธิ 27,991,587 คน มาใช้สิทธิ 16,362,185 คน หรือ 58.45 เปอร์เซ็นต์ ลดลง จากการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์
กกต.เผยยอดใช้สิทธิ อบจ. 58.45%
เมื่อเวลา 09.30น. วันที่ 3 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่า ในส่วนของการเลือกตั้ง นายก อบจ.มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน มาใช้สิทธิ 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าลดลง จากการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ โดยในจำนวนเป็นบัตรดี 14,272,694 ใบ คิดเป็น 87.23 เปอร์เซ็นต์ ส่วนบัตรเสีย 931,290 ใบ คิดเป็น 5.69 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเกือบจะเท่ากับปี 2563 ที่มี บัตรเสียอยู่ที่ 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัคร ผู้ใด 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ.มี 47,124,842 คน มาใช้ สิทธิ 26,418,754 คน คิดเป็น 56.06 เปอร์เซ็นต์ เป็นบัตรดี 23,131,324 ใบ คิดเป็น 87.56 เปอร์เซ็นต์ บัตรเสีย 1,488,086 ใบ คิดเป็น 5.63 เปอร์เซ็นต์ และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,799,344 ใบ คิดเป็น 6.81 เปอร์เซ็นต์
...
คนลำพูนตื่นตัวสุดกาบัตร 73.43%
นายแสวงกล่าวต่อว่า ขณะที่จังหวัดที่มีผู้มาใช้ สิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ. และนายก อบจ. มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.ลำพูน คิดเป็น 73.43 เปอร์เซ็นต์ 2.นครนายก 73 เปอร์เซ็นต์ 3.พัทลุง 72.56 เปอร์เซ็นต์ 4.นราธิวาส 68.42 เปอร์เซ็นต์ และ 5.มุกดาหาร 68.03 เปอร์เซ็นต์ จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแค่สมาชิก อบจ.ใน 29 จังหวัด มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.พะเยา 61.68 เปอร์เซ็นต์ 2.เลย 58.04 เปอร์เซ็นต์ 3.เพชรบุรี 57.44 เปอร์เซ็นต์ 4.ยโสธร คิดเป็น 56.72 เปอร์เซ็นต์ 5.ชัยนาท 56.63 เปอร์เซ็นต์
ชักแม่น้ำอ้าง ลต.วันเสาร์ถูกแล้ว
นายแสวงกล่าวอีกว่า จากข้อมูลมีผู้ออกมาใช้ สิทธิน้อย ไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้อาจเป็นเพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์หรือไม่ เคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดข้อกฎหมายต้องเลือกภายใน 45 วัน และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นพบว่ามี 6 จังหวัด ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ส่งรายงานผลคะแนนและหีบบัตรเกินเวลา 24 นาฬิกาของวันที่ 1 ก.พ. สะท้อนว่าสิ่งที่ได้ตัดสินใจเลือกตั้ง วันเสาร์เป็นเรื่องถูกต้อง เราคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ครั้งนี้เกิดเหตุมี กปน.เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างส่งหีบบัตร ขอแสดงความเสียใจและ กกต.จะดูแลตามสิทธิที่ กปน.ควรได้รับ การกำหนดวันเลือกตั้งต้องตัดสินใจบนพื้นฐาน ที่ไม่กดดันการทำงานของผู้ปฏิบัติงานด้วย และการกำหนดวันเลือกตั้ง เป็นวันเสาร์ไม่ได้กระทบต่อการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะผู้สมัครทุกคนแข่งขันอย่างเท่าเทียม ภายใต้กติกาเดียวกัน อีกทั้งจำนวนผู้ออกมา ใช้สิทธิน้อยกว่าการจัดเลือกตั้งปี 63 เพียง 4% แต่ถ้าเทียบการจัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์คราวนี้ กับครั้งเลือกตั้งนายก อบจ. 29 จังหวัด ไปก่อนหน้านี้ ที่จัดวันอาทิตย์ ถือว่าครั้งนี้ดีกว่า
แจงบัตรเสียไม่ต่างจากเดิม
นายแสวงกล่าวว่า จำนวนบัตรเสียยืนยันว่า ไม่ต่างจากปี 2563 บัตรเสียจากการเลือกนายก อบจ. เท่ากับปี 2563 ขณะที่บัตรเสียจากการเลือกสมาชิกอบจ.ครั้งนี้ มีน้อยกว่าเมื่อครั้งปี 63 อยู่ที่ 7.63 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลพบว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจาก ตัวระบบเอง ที่ทำให้มีเบอร์ผู้สมัครนายก อบจ. กับสมาชิก อบจ.ที่ส่งในนามพรรค อาจทำให้มีจำนวนผู้สมัครไม่เท่า บางจังหวัดเลือกตั้งเฉพาะสมาชิก อบจ. บางจังหวัด เลือกตั้งทั้ง 2 ประเภท ทำให้ประชาชนอาจสับสน ลงคะแนนช่องที่ไม่มีผู้สมัคร มองได้ว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้บัตรเสีย และยังมีการแบ่งเขตใหม่จึงทำให้
ประชาชนสับสน ที่ตั้งใจทำให้เป็นบัตรเสียมีส่วนน้อย ส่วนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใครมีจำนวนมาก ทาง กกต.คงไปตอบแทนประชาชนไม่ได้ น่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกของประชาชนต่อผู้สมัครในเขตนั้นๆ
4 เขต 4 จว.ต้องเลือก สจ.ใหม่
นายแสวงกล่าวว่า ครั้งนี้สมาชิก อบจ.ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนตามกฎหมายกำหนด 3 เขต คือได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใด คือจ.สุพรรณบุรี อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1 ตรัง อ.เมืองตรัง เขตเลือกตั้งที่ 2 และชุมพร อ.สวี เขตเลือกตั้งที่ 4 และมีอีก 1 เขตไม่มีผู้สมัคร เนื่องจากถูกตัดสิทธิไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คือ จ.ชัยนาท อ.วัดสิงห์ เขตเลือกตั้งที่ 1 ทั้ง 4 จังหวัดนี้ต้องเลือกตั้งใหม่ โดย ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดต้องประกาศให้เลือกตั้งใหม่ภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง และรับสมัครใหม่ในเขตเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันที่ประกาศให้เลือกตั้งใหม่ และยังพบว่า มี 4-5 จังหวัดที่พบจำนวนบัตรกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงกัน จังหวัดต้องพิจารณาและเสนอมาที่ กกต.ว่าสมควรให้มีนับคะแนนใหม่หรือลงคะแนนเลือกตั้งใหม่
มีร้องเรียนทุจริต ลต. 180 เรื่อง
เมื่อถามว่าที่พรรค ปชน.จะเสนอให้นับคะแนนเลือกนายก อบจ.ที่ จ.เชียงใหม่ และสมุทรปราการ เนื่องจากเห็นว่ามีบัตรเสียเยอะ นายแสวงกล่าวว่า การนับคะแนนใหม่มีหลักเกณฑ์อยู่ เช่น ระหว่างนับคะแนนมีการทักท้วงและทำบันทึกไว้หรือไม่ ต้องไปพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ ส่วนเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง ทั้งที่ปรากฏทางสื่อช่องทางต่างๆ อยู่ระหว่างดำเนินการของสำนักงาน ล่าสุดมีเรื่องร้องเรียน 180 เรื่อง
“แพทองธาร” พอใจผลเลือกตั้ง อบจ.
เมื่อเวลา 10.35 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมผลการเลือกตั้งนายกอบจ.ว่า พอใจ เพราะความจริงเห็นมาตั้งแต่แรกๆที่เริ่มกำหนดวันเลือกตั้ง ทุกคนลุยช่วยกันเต็มที่ ช่วงเช้าวันที่ 3 ก.พ.ส่งข้อความไปไลน์กรุ๊ป สส.เพื่อไทย อันไหนที่เราไม่ได้ ต้องปรับปรุงอย่างไร เลือกตั้งทุกครั้ง สส.หรือทุกคนในพรรคมีบทเรียนจากการเลือกตั้งทุกครั้ง ประชาชนพอเลือกตั้งผ่านๆไปกี่ครั้งได้เรียนรู้เทรนด์มากขึ้นเยอะ เมื่อถามว่าได้ 10 จังหวัดจาก 16 จังหวัดถือว่าตรงตามเป้าหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ถือว่าดีเลย จริงๆอยากได้ทั้งหมด ได้แค่นี้ถือว่าดีมากๆแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องมาวิเคราะห์ว่าชนะเพราะอะไรไม่ได้เพราะอะไร เราต้องดูว่าจะปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมได้ไหม การสื่อสารประชาชนเข้าใจหรือไม่ ต้องวิเคราะห์กันทั้งหมด เดี๋ยวเข้าพรรคต้องคุยกับ สส.ด้วย
อวยผู้ช่วยหาเสียงทำงานคุ้มค่าจ้าง
เมื่อถามว่า พื้นที่ จ.เชียงรายกับลำพูน ที่ตั้งเป้าไว้แต่กลับแพ้ น.ส.แพทองธารกล่าวว่าเสียดายที่ไม่ได้ แต่อยากได้และอยากให้ได้ทุกพื้นที่ เพราะจะได้ทำงาน ช่วยเหลือประชาชน แน่นอนว่าบอกไปแล้วว่าพื้นที่ไหนที่ไม่ได้ ยังต้องทำงานให้ประชาชนอยู่ อาจไม่ได้มากเท่าที่ควรกับคนที่ได้ ไม่ให้ขาดเรื่องการทำพื้นที่ เมื่อถามต่อว่า ได้คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร ผู้ช่วยหาเสียงว่าเราต้องปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อเตรียมพร้อมสนามเลือกตั้งใหญ่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คุยทุกวัน คุยกับผู้ช่วยหาเสียงทุกวัน เมื่อถามว่า ผู้ช่วยหาเสียงแฮปปี้หรือไม่กับการเลือกตั้งรอบนี้ น.ส.แพทองธารตอบว่า แน่นอน นายทักษิณไม่ได้หาเสียงแบบนี้ 17-18 ปีแล้ว ในอดีตเคยทำอยู่แล้ว แต่เป็นอดีตที่ไกล กลับมาทำตอนนี้ความจริงเป็นห่วงเหมือนกัน เวลาไปหลายเวที เพราะอายุเยอะ ท่านทำเต็มที่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงถือว่าคุ้มสตางค์ที่จ่าย เมื่อถามอีกว่า การหาเสียงออกแนวดุเดือดต้องปรับรูปแบบหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นช่วงเวลาช่วงแรกที่ลงพื้นที่หาเสียง ต้องการอธิบายอะไรให้ประชาชนเข้าใจ เมื่อเวลาผ่านไปประชาชนเข้าใจสเต็ปแรกแล้ว ครั้งต่อไปถ้าไม่ได้มีประเด็นที่มันร้อน หรือต้องหาเสียงดุเดือด คงต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ หรือไม่เป็นคาแรกเตอร์นั้นไปเลย
พท.ป้อง “ทักษิณ” ไม่ได้มนต์เสื่อม
ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวว่า พรรค พท.พอใจระดับหนึ่ง ได้เก้าอี้นายก อบจ.เป็นส่วนใหญ่ มีบางจังหวัดอาจพลาดไป บางคนพูดว่านายทักษิณไปช่วยหาเสียงแล้ว ทำไมไม่ได้ทั้งหมด ถ้าได้หมดพวกตนไม่มีที่อยู่แล้ว แย่งมาลงพรรค พท. เมื่อถามว่าการพลาดเป้า เพราะนายทักษิณเสื่อมมนต์ขลังหรือไม่ นายวิสุทธิ์ตอบว่า ได้ขนาดนี้ถือว่าขลังอยู่ ได้ขนาดนี้พอใจ มนต์ไม่ได้เสื่อม มีคนศรัทธานายทักษิณมาก เราเชื่อมั่นนายทักษิณ ส่วนกระแสข่าวหลังนายทักษิณกลับจากมาเลเซีย จะเรียก สส.คุยเรื่องแพ้เลือกตั้ง อบจ.ไม่เคยเห็น สส.คนใดที่นายทักษิณเรียกพบ อาจเจอที่บ้าน ทานข้าวปกติ ไม่เรียกประชุมพรรค ถ้าจะเรียกประชุมพรรคเป็นหน้าที่ตน คงเป็นการปล่อยข่าวให้เข้าองค์ประกอบบางอย่าง รู้ทันอยู่สภาฯมานาน
หารือ สว.เปิดทางผ่านแก้ รธน.
นายวิสุทธิ์ในฐานะประธานกรรมการประสานงาน พรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ยังกล่าวว่า ในวันที่ 5 ก.พ. จะประชุมวิปรัฐบาล หารือระเบียบวาระเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะเป็นวันที่ 13-14 ก.พ. จุดยืนพรรค พท. ยืนยันการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 พรรค พท.กับ สว.มีการพูดคุยกันอยู่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จะพูดว่า สว.ไม่ให้ความร่วมมือไม่ได้ หลายคนอยากให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ยืนยันมีทางออก ไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ ในขั้นรับหลักการเราหวังให้ผ่าน แต่ต้องฟังเหตุผล สว. ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติของประชาธิปไตย
“ธรรมนัส” โชว์ว่าที่นายก อบจ.ในสังกัด
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน พรรคกล้าธรรม (กธ.) มีการประชุมใหญ่สามัญของพรรค เพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ 32 คน มีนางนฤมล รมว.เกษตรฯ เป็นหัวหน้าพรรค นายไผ่ ลิกค์ เป็นเลขาธิการพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสได้นำ 3 ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ที่พรรค กธ.สนับสนุนมาแสดงตัวต่อที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรค ได้แก่ นายอับดุลลักษณ์ สะอิง ผู้สมัครนายก อบจ.นราธิวาส และ 2 ว่าที่นายก อบจ.ที่ชนะการเลือกตั้ง คือนายเจษฎา ว่าที่นายก อบจ.สมุทรสงคราม นางศรัณยา สุวรรณพรหม ว่าที่นายก อบจ.หนองบัวลำภู ทั้งหมดสวมเสื้อพรรค กธ. ขณะที่นางณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ว่าที่นายก อบจ.ปราจีนบุรี พรรค พท. มาปรากฏตัวเพื่อขอบคุณที่ ร.อ.ธรรมนัสสนับสนุนจนชนะการเลือกตั้ง แล้วเดินทางกลับทันที
อย่าสับสนยัน “เจษฎา” สกัด กธ.
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ที่ จ.หนองบัวลำภู เราล้มแชมป์เก่าได้ จ.สมุทรสงคราม ตนกับ สส.หลายคนไปปฏิบัติการลับๆประชุมผู้นำท้องถิ่นจนชนะอย่างไม่คาดคิด หลายพรรคไปเคลมว่าเป็นของเขาจริงๆแล้วชัยชนะเป็นของพรรค กธ.และนายเจษฎา ญาณประภาศิริ ว่าที่นายก อบจ.สมุทรสงคราม จะมาสวมเสื้อพรรค กธ.ด้วย ครั้งนี้ กธ.สนับสนุน 4 จังหวัด คือ หนองบัวลำภู สมุทรสงคราม สุราษฎร์ธานีและ จ.นราธิวาส ส่วน จ.ปราจีนบุรี ตนดูแลนางณภาภัช ภรรยาอดีต สจ.โต้ง เหมือนน้องสาวแม้ลงในนามพรรค พท.ทีมงานที่ไปช่วยจนชนะคือทีมงานตน มีนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรค ภท. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. และทีมงานพรรค พท.ช่วยกัน ส่วนนายก อบจ.นราธิวาส นายอับดุลลักษณ์ได้มากว่า 177,000 คะแนน ถ้าไม่มีปัจจัยอื่นมาเบียดบังไม่มีพลาด ที่ จ.สมุทรสงคราม หลายคนสับสนว่านายเจษฎา อยู่ รทสช. หรือ กธ.ยืนยันเป็นสมาชิกพรรค กธ.และ สจ.ที่ได้รับการเลือกตั้ง สจ.ยกจังหวัด ทั้งที่ จ.นราธิวาส ชัยภูมิ พะเยา กำแพงเพชร กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู
“สจ.จอย” ขอบคุณ “ผู้กองนัส” หนุน
ขณะที่ น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน ว่าที่นายก อบจ.ปราจีนบุรี เปิดเผยว่า มาขอบคุณ ร.อ.ธรรมนัสช่วยเหลือดูแลมาตลอดจนได้รับเลือกเป็นนายก อบจ. อนาคตจะมาช่วยงานพรรค กธ.หรือไม่ ตอนนี้สังกัดพรรค พท. ต้องทำงานให้พรรคก่อน เดี๋ยวรอให้ครบวาระการทำงาน 4 ปีก่อนค่อยว่ากัน เมื่อถามว่า ต้องช่วยผู้สมัคร สส.ในการเลือกตั้งปี 70 ด้วยหรือไม่ น.ส.ณภาภัชกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเรียนปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนพรรคยังไม่ได้คุยกันเลย
สว.ฉะเลือก อบจ.โชว์ ปชต.ถดถอย
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. ในฐานะโฆษกคณะอนุกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ใน กมธ.พัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงถึงผลการเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ว่า สะท้อนความถดถอยทางประชาธิปไตย เพราะพบปัญหาหลายประเด็น เช่น จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าเป้าหมาย และน้อยกว่าการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 เพราะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งแค่ 58.45% ลดลงจากเดิม 4% บางจังหวัดมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่ถึง 50% การจัดเลือกตั้งตรงกับวันเสาร์ส่งผลให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยลง ขณะเดียวกันมีบัตรเสีย 5.69% หรือ 931,290 ใบถือว่าเยอะ จากที่กำหนดบัตรเสียไม่เกิน 3% บางจังหวัดมีบัตรเสีย 6-7% นอกจากนี้รายงานผลการเลือกตั้ง อบจ.ล่าช้า ไม่เห็นคะแนนจาก กกต. แต่เห็นจากหน่วยงานอื่น เป็นความด้อยประสิทธิภาพ รวมถึงเสียงร่ำลือการซื้อเสียง ปรากฏภาพแบงก์ร้อยมัดเรียงในกล่องหลายกล่อง มีแม้กระทั่งเบอร์ผู้สมัครพร้อมกับเงินแบงก์พันที่ถืออยู่ในมือ ไม่แน่ใจจะเชื่อมโยงให้ กกต.ตรวจสอบทุจริตซื้อเสียงได้หรือไม่
แนะกาบัตรวันอาทิตย์–ลต.ออนไลน์
น.ส.นันทนากล่าวว่า อนุ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ มีแนวทางเสนอแก้ปัญหาคือ 1.นายก อบจ.ที่ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ 90 วัน จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ในสมัยถัดมา 2.กกต.ต้องกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ 3.กกต.ต้องจัดให้เลือกตั้งล่วงหน้า 4.กกต.ต้องจัดเลือกตั้งแบบออนไลน์หรือไปรษณีย์ 5.กรณีบัตรเสียมากกว่าช่องห่างระหว่างผู้ได้อันดับ 1 กับอันดับ 2 ควรมีอำนาจเปิดหีบนับคะแนนใหม่ เพราะมีผลต่อการแพ้ชนะ 6.กกต.ต้องตรวจสอบซื้อเสียง เอาผิดอย่างรวดเร็วเข้มข้น
สมช.ส่ง กต.ประสานปมตัดไฟ
อีกเรื่อง เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นประธานการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประมวลข้อมูลด้านความมั่นคง เพื่อส่งให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เกี่ยวกับการตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีตัวแทนกระทรวงมหาดไทย กฟภ. กองทัพและหน่วยงานด้านการข่าวเข้าร่วม จากนั้นเวลา 10.40 น. นายฉัตรชัยแถลงว่า การได้กลั่นกรองข้อมูลด้านความมั่นคงที่เชื่อถือได้ให้รอบคอบ ที่ประชุมมีข้อมูลที่จะส่งให้กระทรวงมหาดไทย 6 ข้อตามเงื่อนไขกฎหมายและสัญญา อาทิ ข้อมูลความมั่นคงพื้นที่ตั้งจุดต่างๆที่เชื่อได้ว่ามีหลักฐานระดับหนึ่งเกี่ยวพันกับอาชญากรข้ามชาติ อาจเชื่อมโยงกับ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทสัมปทานที่เป็นกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบ่อนกาสิโน และพบว่ามีความต้องการขอใช้ไฟเพิ่มขึ้นผิดปกติ
ให้ข้อมูล กฟภ.ไปเจรจาคู่สัญญา
นายฉัตรชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติอีก 3 เรื่อง 1.สมช.จะประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงให้ กฟภ.ประกอบการพิจารณา 2.ให้ กฟภ.นำข้อมูลไปเจรจากับบริษัทคู่สัญญา เพื่อกำหนดมาตรการที่เหมาะสม รวมถึงมีคณะทำงานร่วมจากฝั่งไทยและเมียนมาเข้าไปดูพื้นที่ร่วมกันว่าจุดไหนมีปัญหา และ 3.ให้กระทรวงการต่างประเทศประสานกับรัฐบาลเมียนมาไปกำชับบริษัทคู่สัญญาที่รัฐบาลเมียนมาอนุมัติให้มาสัมปทานกับ กฟภ. เพื่อให้รัฐบาลเมียนมาตรวจสอบการใช้ไฟไม่เหมาะสม โดยจะส่งข้อมูลให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ประธานสภาความมั่นคงต่อไป เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
ปัดไม่โยนกลองแค่ต่างคนต่างมีหน้าที่
เมื่อถามว่าขณะนี้หมดขั้นตอนของ สมช. หรือไม่ ต่อไปจะได้ไม่ต้องโยนกันไปมา นายฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ไม่ได้โยนกันไปมา ต่างคนต่างมีหน้าที่ ข้อกฎหมายและกระบวนการเป็นเรื่องสำคัญ ที่เคยถามว่าใครมีอำนาจในการตัดไฟ ก็คือต้องดูข้อกฎหาย ส่วน กฟภ.จะตัดไฟหรือไม่ก็ต้องรอผลจากมติที่ประชุมในวันนี้ ว่าไปเจรจาแล้วได้ผลอย่างไร เมื่อถามว่าข้อมูลที่ประชุมในวันนี้เพียงพอที่จะตัดไฟได้หรือไม่ เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า ในกระบวนการต้องไปถามคู่สัญญาด้วย มีคณะกรรมการ ที่ตั้งไปตรวจสอบให้เกิดความชัดเจน
กฟภ.รอเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.
เมื่อถามอีกว่าจะใช้ระยะเวลาตัดไฟเท่าไหร่ นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่าการ กฟภ. กล่าวว่า หากผิดกฎหมายก็ตัดได้ แต่ต้องรอบคอบ เมื่อถามว่า การตรวจสอบเห็นได้ชัดหรือไม่ว่ามีการนำไฟฟ้าไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้องตามสัญญา นายประสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงไปพื้นที่ แต่อยู่ระหว่างเตรียมลงไปตรวจสอบพื้นที่จริง เมื่อถามต่อว่ามีโอกาสจะกระทบกับความมั่นคงและจะเสนอต่อ ครม.ให้มีมติงดการจ่ายไฟก่อนหรือไม่ นายประสิทธิ์กล่าวว่า ต้องดูจากหลักฐานทั้งหมดแล้วมารวบรวม เมื่อถามต่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะจบที่ กฟภ.ตัดสินใจใช่หรือไม่ นายประสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าเป็นการงดจ่ายไฟระดับประเทศ ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.
ท่องคาถายึดตามสัญญาเป็นหลัก
เมื่อถามว่าอำนาจการตัดไฟอยู่ที่ กฟภ.หรือต้องนำเข้าที่ประชุม ครม. นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ต้องดูมติ ครม. เพราะตอนที่อนุญาตให้ขายไฟ มีมติ ครม. เพราะ ฉะนั้นการที่จะงดขายต้องไปดูว่าตอนอนุญาตมีเงื่อนไขอย่างไร มีการพูดถึงเรื่องความมั่นคงทำให้ต้องพ่วงกับ สมช. ดังนั้น เรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศจะต้องถามทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศและ สมช. เพื่อนำมาประกอบว่าผิดตามเงื่อนไขหรือไม่ หากพบสามารถบังคับตามเงื่อนไขได้ทันที ดังนั้น การจะตัดไฟได้ต้องยึดตามสัญญา
มท.1 รอ สมช.ล็อกเป้าก่อนสับสวิตช์
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี กฟภ.เข้าร่วมประชุมกับ สมช.ประมวลข้อมูลด้านความมั่นคงหยุดจ่ายไฟตามแนวชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน หลัง กฟภ.ลงพื้นที่ก่อนชงเสนอเข้า ครม.ว่า ได้รับทราบแล้ว มท.เป็นผู้ร้องขอไปเองให้ สมช.ช่วยยืนยันแหล่งกระทำผิด ไปทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ถ้ามีจริงพร้อมตัดจ่ายไฟ สมช.ต้องยืนยันมาก่อน โดย สมช.ไม่มีการแจ้งว่าจะส่งเป็นความเห็นมาให้ ถึงแม้เป็นเพียงความเห็น มท.พร้อมดำเนินการทันที เพราะไม่ได้สนับสนุนการกระทำผิดอยู่แล้ว เมื่อถามว่าขั้นตอนพื้นที่ก่อนนำเข้า ครม.ล่าช้าไปหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า การขายไฟมีสัญญาหากทำความเสียหายให้ไทยไม่สามารถจ่ายไฟต่อไปได้ แต่ต้องยื่นหนังสือทวงถาม ทุกหน่วยงานก็เร่ง เชื่อกระทรวงการต่างประเทศ คงแจ้งไปยังเมียนมาว่าหากมีการกระทำผิดจริงต้องเตรียมตัวไว้ ประเทศเพื่อนบ้านต้องหาแหล่งพลังงานมาทดแทน
ย้ำเรื่องนี้ต้องถึงมือ “นายกฯอิ๊งค์”
นายอนุทินกล่าวต่อว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องถึงมือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ขณะนี้รอเพียงหน่วยงานที่ไปทำข้อตกลงแจ้งกลับมา มีการตอบสนองขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดยืนยันกลับมาว่าได้มีการกระทำผิด ต้องรอการตรวจสอบจาก สมช.เจ้าภาพมีการประชุมไปแล้ว ได้มีข้อสั่งการมา เราพร้อมปฏิบัติตาม แต่ถ้าบอกว่าไม่มีต้องจบ ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว เมื่อถามว่า กฟภ.จะลงพื้นที่ไปยังจุดจ่ายไฟ นายอนุทินตอบว่า กฟภ.ทำเกินหน้าที่ที่จะลงไปตรวจว่าใครทำผิดหรือไม่ทำผิด เพราะเป็นหน่วยงานรับปฏิบัติ แต่ไม่เป็นไร หากลงพื้นที่แล้วพบว่ามีการกระทำผิดนำข้อมูลของ กฟภ.มาย้ำอีกที
คาดประกาศใช้ พ.ร.ก.ไซเบอร์
ที่รัฐสภามีการประชุมวุฒิสภา มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามของนายสุทนต์ กล้าการขาย สว.ถามความคืบหน้าแก้ไขร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อปราบปรามการหลอกลวงทางโซเชียล ที่ผ่าน ครม.โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดีอี ชี้แจงว่า อยู่ระหว่างคณะกรรมการกฤษฎีกาดูรายละเอียดเล็กน้อย คาดว่าจะประกาศลงราชกิจจา นุเบกษาภายในเดือน ก.พ.นี้ สาระสำคัญให้ธนาคารรายงานข้อมูลการเงินต่อ ปปง.เพื่อให้การคืนเงินแก่ผู้เสียหายทำได้รวดเร็ว และมีกำหนดโทษผู้ซื้อขาย หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ให้สถาบันการเงิน ผู้ประกอบการโทรคมนาคม สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชน หากไม่ระมัดระวังต่อการดูแลระบบที่ปลอดภัยให้สถาบันการเงินร่วมคืนเงินผู้เสียหาย
ดีอีโอ่ยอดต้มตุ๋นออนไลน์ลด 40%
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ปัญหาซิมม้า กระทรวงดีอีตรวจสอบการถือครอง และมีมาตรการให้ศูนย์บริการโทรศัพท์ และ กสทช.ให้ผู้ถือครองซิมจำนวนมากมาชี้แจงและตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ที่เกิน 100 สายต่อวัน มีเหตุผลใด หากไม่มีเหตุผลเพียงพอจะระงับซิมโทรศัพท์ ขณะนี้ยอดความเสียหายการหลอกลวงออนไลน์ลดลง 40% ยังคงต้องทำงานหนัก เพื่อบูรณาการทำงานต่อไป
สว.สาธิตใช้เอไออภิปรายแทน
ต่อมาเวลา 14.00 น. การประชุมวุฒิสภามีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม พิจารณาญัตติที่วุฒิสภาขอให้หาแนวทางป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตที่นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว.เสนอ สมาชิกอภิปรายเห็นพ้องว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนต้องรีบแก้ปัญหา จึงเสนอแนวทางทั้งปรับปรุงกฎหมาย เพิ่มโทษผู้ประกอบการ ตัดน้ำตัดไฟประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่นายนพดล อินนา สว.นำคลิปเสียงจัดทำด้วยระบบเอไอมาเปิดแทนเสียงตัวเองอภิปรายห้องประชุมเป็นครั้งแรก ชี้เอไอทำได้เหมือนตัวจริงได้ทั้งภาพและเสียงนำมาใช้หลอกลวงประชาชนได้ เรียกเสียงฮือฮาจากที่ประชุม และระบุว่าแยกไม่ออกตัวจริงตัวปลอม ถ้าภาครัฐประกาศสงครามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่เทียบเท่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คงไม่ใช่เรื่องง่ายเขาเก่งกว่าเรา หลังจากที่สมาชิกอภิปรายครบถ้วนทุกคนแล้ว ที่ประชุมมีมติให้นำข้อเสนอแนะต่างๆเสนอให้รัฐบาลรับทราบต่อไป
“อันวาร์” โชว์รูปถก “ทักษิณ” ชื่นมื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 2 ก.พ. นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ พร้อมข้อความระบุว่า การประชุมที่มีประสิทธิผลกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯของไทย เป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เราได้หารือในประเด็นสำคัญหลายเรื่อง รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา และสถานะปัจจุบันของการพัฒนาของสกุลเงินคริปโต เคอร์เรนซี เป็นต้น ต่อมาช่วงอาหารค่ำ เราได้สนทนาต่อ มีนายจอร์จ โยว อดีต รมว.ต่างประเทศของสิงคโปร์ เข้าร่วมด้วย ถือเป็นการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกของนายทักษิณหลังกลับประเทศไทย ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้เดินทางออกนอกประเทศได้ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.
“อิ๊งค์” เผยพ่อเน้นเรื่องเมียนมา
เมื่อเวลา 10.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ไปประเทศมาเลเซียพบปะนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ว่า เป็นการคุยเรื่องความร่วมมือต่างๆ ที่สองประเทศสนับสนุนกันได้ ที่ได้คุยโทรศัพท์กับนายทักษิณสั้นๆ กัน
เมื่อคืนการพูดคุยเน้นเรื่องเมียนมา นายอันวาร์เป็นประธานอาเซียนการดูแลช่วยเหลือเมียนมาเป็นเรื่องที่สำคัญของอาเซียนมากๆ ในการประชุมในอาเซียนทุกครั้ง จะได้รับการยืนยันว่าอยากให้เมียนมาสงบสุข และในเมียนมาเองเขาอยากให้สงบสุขเช่นกัน การคุยกันแบบนี้ทำให้เกิดประโยชน์กับภาครวมของอาเซียน และพัฒนาเรื่องอื่นได้อีก ไม่ว่าเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่ได้มาคุยกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือกัน และมีอีกหลายเรื่อง แต่การไปรอบนี้มีการพูดคุยเรื่องเมียนมาเยอะหน่อย เห็นนายทักษิณอัปเดตมาอย่างนั้น
สื่อมาเลย์ตีข่าวมีหารือคริปโตฯ
วันเดียวกัน สำนักข่าวมาเลเซีย เช่น เบอร์นามา เดอะสตาร์ และมาเลย์เมล รายงานการหารือระหว่างนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน โดยผู้นำมาเลเซียได้เผยแพร่รูปผ่านและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่าได้หารือร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไทยและที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของประธานอาเซียน โดยได้แลกเปลี่ยนหลายประเด็นที่สำคัญ รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา และพัฒนาการของสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี หลังจากนั้นได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกันและพูดคุยกับนายจอร์จ โยว อดีต รมว.ต่างประเทศของสิงคโปร์
นายกฯ เมินเสียงปรามาสผู้นำหญิง
เมื่อเวลา 18.30 น.ที่ศูนย์การค้า ICON SIAM น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงาน “Go Thailand 2025 : Women Run the World” 45 ปี ฐานเศรษฐกิจ จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ น.ส.แพทองธารกล่าวตอนหนึ่งว่า ซีอีโอผู้หญิงของประเทศมีมากเป็นอันดับสามของโลก ใน ครม.ที่บอกว่าเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แต่ไม่เยอะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อาชีพต่างๆ ไม่จำเป็นต้องจำกัดเรื่องเพศ ดีใจที่ประเทศเปิดรับเรื่องสมรสเท่าเทียม และในฐานะเป็นทั้งคุณแม่ ลูกสาว ภรรยา มีหลายบทบาท และต้องสร้างความเข้มแข็งให้คนในครอบครัว ให้ลูก การมายืนตรงนี้ด้วยความเป็นผู้หญิงโดนปรามาสมากมาย เรื่องเสื้อผ้าหน้าผม แต่ไม่ใช่มาตรวัดความรู้ความสามารถ เป็นรูปลักษณ์ภายนอกแต่ละคน ถ้าสอนลูกอยากให้เห็นค่าของตัวเอง ให้โตขึ้นมาบนพื้นฐานรักตัวเองมากพอ เพื่อส่งความรักต่อให้คนอื่นได้
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่