ลมหายใจการเมืองไม่มีหยุดนิ่งฉันใด นักการเมืองก็ต้องดิ้นสู้กันไปอย่างไม่รู้จบจนกว่าจะเลิกราหรือเห็นท่าไม่ไหวแล้ว การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเมื่อวันที่ 1 ก.พ.68 ที่ผ่านมา ที่มีรูปลักษณ์ต่างไปจากเดิมๆ คือการเมืองระดับชาติได้ลงมาร่วมกระบวนอย่างเต็มตัว
ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งคึกคักไม่เงียบเหงา
เพราะแต่ละพรรคโดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย-ภูมิใจไทย- ประชาชน ต่างรู้ดีว่าการเลือกตั้งใหญ่ครั้งต่อไปนั้น
จะเชื่อมโยงระหว่างระดับชาติกับระดับท้องถิ่นอย่างแยกไม่ออก
ผลการเลือกตั้งที่ออกมาปรากฏว่า “เพื่อไทย” ยังครองความเป็นที่ 1 จาก 47 จังหวัด
“ภูมิใจไทย” มาที่ 2
“ประชาชน” ได้มาเพียง 1 ที่นั่ง แต่ก็ดีเกินคาดเพราะที่ผ่านมาไม่ได้เลยสักเก้าอี้คือที่จังหวัดลำพูน แต่ในจังหวัดที่ส่งผู้สมัคร
ได้ที่ 2 เป็นส่วนใหญ่พูดง่ายๆว่าหายใจรดต้นคออันดับ 1 ที่เบียดกันอย่างสูสี เพราะคะแนนไล่เลี่ยและสลับกันขึ้นนำ แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้โดยเฉพาะจังหวัดที่คาดหวังไว้สูง
ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ “เพื่อไทย” ผู้ช่วยหาเสียง “ทักษิณ ชินวัตร” ขึ้นไปหาเสียงถึง 2 ครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจ
เพราะ “กลัวแพ้” จะต้องเสียหน้าซ้ำ...
ปรากฏว่าชนะได้แต่คะแนนไม่ห่างกันมากนักก็รอดตัวไป
แต่จังหวัดเป้าหมายในภาคเหนืออย่างเชียงรายและลำพูน
“เพื่อไทย” แพ้
เท่ากับจะบอกว่า “ทักษิณ” น่าจะหมดความขลังไปมาก
เพราะจังหวัดที่เดินทางไปปราศรัยช่วยหาเสียงแพ้ครึ่ง-ชนะครึ่ง
ได้เท่าทุนเท่านั้น!
โดยเฉพาะที่ศรีสะเกษซึ่ง “ทักษิณ” ไปสร้างวีรกรรมขย่ม “ไล่หนูตีงูเห่า” เพื่อหวังชนะ “ภูมิใจไทย” ให้ได้ ปรากฏแพ้ราบคาบแบบสู้ไม่ได้
...
หลังการเลือกตั้งสดๆร้อนๆ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เดินทางไปแสดงความยินดีที่ชนะการเลือกตั้งได้
มีการมอบปี๊บจากกองเชียร์ให้ “อนุทิน” เอาไว้คลุมหัว ใครที่พ่ายแพ้และหยามหมิ่นเอาไว้ก็คงเสียดแทงใจดำ “ทักษิณ” ที่คุยข่มเอาไว้
การเลือกตั้งในภาคใต้ผลออกมาค่อนข้างไปทาง “บ้านใหญ่” ที่กวาดเรียบ ไม่ต่างไปจากภาครวมทั้งหมดของประเทศ
“บ้านใหญ่” ยังครองใจประชาชนได้เปรียบกว่า “บ้านใหม่” อย่างชัดเจน
ที่ปักษ์ใต้นั้นยังมีบางจังหวัดที่ผู้ไปใช้สิทธิทำให้บัตรเสีย
ไม่รู้คะแนนให้ใคร พรรคไหน เนื่องจากสภาพการเมืองกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนแต่ยังไม่เปลี่ยน
เพราะประชาชนเบื่อของเก่า แต่ยังไม่มีของใหม่ที่พึงใจให้เลือกก็เลยไม่เลือกใครพรรคไหน แม้ส่วนใหญ่ยังเลือก “บ้านใหญ่” ก็ตาม
ที่ว่ามานี้น่าจะเป็นภาพรวมของการเมือง ณ ปัจจุบัน!
จากนี้ไปการเมืองจะเข้าสู่ทางตรงอย่างที่ “ทักษิณ” บอกว่า
ไม่ต้องการเป็นรัฐบาลพรรคเดียว เพราะเป็นรัฐบาลผสมแล้วเกิดปัญหา
ทำให้การทำงานช้า เล่นเล่ห์เหลี่ยม เป็นอีแอบ ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน
ที่สุดก็คงพุ่งเป้าไปที่ “ภูมิใจไทย” ที่คอยขวางเกือบทุกเรื่อง
จากผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้นแวดวงการเมืองบอกว่า คู่แข่งสำคัญของ “เพื่อไทย” และ “ทักษิณ” คือ “สีน้ำเงิน” ไม่ใช่ “สีส้ม” แล้ว
เพราะจำนวนนายก อบจ.ที่ได้มานั้นสูสีไม่ต่างกันมาก การเลือกตั้งครั้งต่อไปจะต้องเจอกันระหว่าง “แดง” กับ “น้ำเงิน” อย่างแน่นอน
การร่วมรัฐบาลของ 2 พรรคใหญ่ก็ต้องนับถอยหลังได้เลย!
“สายล่อฟ้า”
คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม