นายกฯดีเดย์วันจ่ายตรุษจีน แจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 3 ล้านคน มั่นใจอัดฉีดรอบนี้อีก 3 หมื่นล้าน กระตุ้น ศก. ช่วยบรรเทาทุกข์แบ่งเบาภาระประชาชนอ้อนแฟนคลับขอกำลังใจให้รัฐบาล “เผ่าภูมิ” ย้ำเฟส 3 มาแน่ไตรมาส 2 ช่วง เม.ย.-มิ.ย. เตรียมไว้แล้ว 1.6 แสนล้าน ปธ.วิปรัฐบาลชี้แจกตรงตรุษจีนพอดีไม่ผิดกฎหมาย “นายใหญ่-อิ๊งค์-โอ๊ค” ทำบุญเปิดที่ทำการ พท.ใหม่ “ลูกชายเนวิน” หอบดอกไม้ร่วมยินดี นายกฯอวยพรตรุษจีน “กง-ซี-ฟา-ไฉ” “จุลพันธ์” แจงกฤษฎีกาคอนเซปต์เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พปชร.ค้านแหลกเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ “เสรีฯ” ป้อนข้อมูล ป.ป.ช.จับพิรุธ “ทักษิณ” ป่วยทิพย์ “วิสุทธิ์” โบ้ยเหตุเกิดสมัย รบ. “ลุงตู่” สว.พันธุ์ใหม่ฉะ กกต.จัดเลือกตั้ง อบจ.เงียบกริบ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กดปุ่มคิกออฟโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้สูงอายุ (แจกเงิน 1 หมื่นบาทเฟส 2) ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ 3 ล้านคน เชื่อการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 3 หมื่นล้านบาทรอบนี้ จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย บรรเทาทุกข์แบ่งเบาภาระให้แก่ประชาชน ส่วนเฟส 3 มาแน่ช่วงไตรมาส 2

พท.ทำบุญเปิดที่ทำการใหม่

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต พรรคเพื่อไทยจัดพิธีทำบุญเปิดที่ทำการพรรคใหม่อย่างเป็นทางการ มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาด้วยรถยนต์พอร์ช ทะเบียน จจ 267 ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใส สวมเสื้อเชิ้ตสีเหลืองและสูทสีกรมท่า มีบรรดารัฐมนตรี สส.และสมาชิกพรรค รอให้การต้อนรับ ต่อมาเวลา 07.50 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในชุดสูทสีแดง เดินทางมาถึงพร้อมนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี ก่อนเข้าไปสวมกอดและหอมแก้มนายทักษิณ จากนั้นเวลา 07.55 น. นายทักษิณ น.ส.แพทองธาร นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย และนายปิฎก รวมถึงแกนนำและ สส.พรรคเพื่อไทย อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมทำพิธีไหว้ศาลพระภูมิชัยมงคลบริเวณด้านหน้าอาคารพรรค

...

“ลูกเนวิน” หอบดอกไม้ร่วมยินดี

ต่อมานายทักษิณ น.ส.แพทองธาร และคณะ ร่วมในพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ โดยนิมนต์ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และพระสงฆ์จากวัดต่างๆ รวม 9 รูป มาทำพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ หลังเสร็จพิธี พระพรหมสิทธิเจิมป้ายและประพรมน้ำมนต์ที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นนายทักษิณและ น.ส.แพทองธาร ขึ้นไปเยี่ยมชมบริเวณด้านบน ก่อนลงมาถ่ายภาพร่วมกันบริเวณด้านหน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) บุตรชายนายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณพรรค ภท. เป็นตัวแทนพรรค มามอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในการเปิดที่ทำการพรรคแห่งใหม่ด้วย

“อิ๊งค์” อวยพรตรุษจีน “กง–ซี–ฟา–ไฉ”

วันเดียวกันเวลา 07.34 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ โพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอความยาว 1.48 นาที ผ่านเฟซบุ๊ก และทวีตข้อความผ่าน x อวยพรเนื่องในเทศกาลตรุษจีน 2568 ระบุว่า “ซิน-เหนียน-ไคว่-เล่อ สวัสดีปีใหม่พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนทุกคน เนื่องในโอกาสวันตรุษจีนปี 2568 ดิฉันขอส่งความรักและความปรารถนาดีมายังชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวจีน ทั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศ เทศกาลตรุษจีน เป็นช่วงเวลาพิเศษที่สมาชิกในครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้ากัน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการเข้าสู่ปีใหม่ เป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ตลอดทั้งปีมีแต่สิ่งดีๆเข้ามา เทศกาลสำคัญนี้ยังแสดงถึงสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและความผูกพันที่ชาวไทยและชาวจีนมีต่อกันมายาวนาน หวังให้ความสัมพันธ์นี้ดำรงอยู่แนบแน่น เกิดประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศไม่รู้จบ ในโอกาสนี้ดิฉันขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข คิดและหวังในสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา กิจการรุ่งเรือง มั่งคั่ง ร่ำรวย และขอให้ทุกท่านได้ใช้เวลาในช่วงเทศกาลตรุษจีนเติมเต็มความสุข เติมเต็มพลังกาย และพลังใจ ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อร่วมสร้างสรรค์ประเทศไทยของเราให้เป็นประเทศแห่งโอกาสที่จับต้องได้ เป็นประเทศที่ทุกคนสามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ และเป็นประเทศที่คนไทยทุกคนมีกิน มีใช้ มีเกียรติ และมีศักดิ์ศรีอย่างเท่าเทียมกัน กง-ซี-ฟา-ไฉ ค่ะ”

นายกฯคิกออฟแจกเงินหมื่นเฟส 2

จากนั้นเวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯเป็นประธานเปิดตัว (Kick Off) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้สูงอายุ โดยมีคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ เราทำกันมาต่อเนื่องทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ ที่ผ่านมามีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ มอบเงิน 1 หมื่นบาทให้กับประชาชนกว่า 14.45 ล้านคน ในเฟสแรก วันนี้เป็นเฟสสอง คือ การแจกเงินหมื่นให้กับผู้สูงอายุ เป็นนโยบายที่ประชาชนรอคอย ครั้งที่แล้วได้รับผลตอบรับกลับมามากมาย เศรษฐกิจถูกกระตุ้น บางคนนำเงินมารวมกันในครอบครัว ต่อยอดธุรกิจหารายได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นความสำเร็จรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจไป 1 รอบ วันนี้จะมีการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านบัญชีพร้อมเพย์ 3 ล้านคน ระบบเศรษฐกิจไทยจะเติมเงินกว่า 30,000 ล้านบาทในวันนี้ หวังว่าจะสามารถช่วยประชาชนบรรเทาทุกข์ แบ่งเบาภาระได้หลายอย่าง ขอให้ทุกคนที่รับไปได้ใช้กันอย่างเต็มที่และสบายใจ สำหรับเฟสต่อไปขอให้สื่อมวลชนรอฟัง

อ้อนแฟนคลับขอกำลังใจรัฐบาล

ต่อมา น.ส.แพทองธารรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านคลิปวิดีโอที่ประชาชนกล่าวขอบคุณรัฐบาลที่ยังนึกถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีรายได้และไม่ได้ทำงาน บอกเป็นเสียงเดียวกันจะนำเงินที่ได้ไปใช้ประโยชน์ เช่น ซื้อของอุปโภคบริโภค เป็นทุนต่อยอดการค้าขาย ก่อนที่ น.ส.แพทองธารจะวิดีโอคอลพูดคุยกับป้าจันผู้สูงอายุที่ได้เงิน 1 หมื่นบาท เป็นแม่ค้าขายไข่ไก่ที่ตลาดเคหะทุ่งสองห้อง ป้าจันระบุว่า ดีใจที่ได้เงิน 1 หมื่นบาท จะนำไปต่อยอดร้านขายไข่ และจะนำไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยนายกฯกล่าวว่า ดีใจกับป้าด้วย เชื่อว่าร้านที่ป้าจันไปซื้อของจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้น ขอให้ป้าให้กำลังใจรัฐบาลด้วย ป้าจันจึงตอบว่า ป้าให้กำลังใจรัฐบาลชุดนี้มาก ขอบคุณนายกฯ ขอบคุณรัฐบาลชุดนี้ ที่ดูแลประชาชนได้อย่างดี

เงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ไตรมาส 2

ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงว่า วันนี้รัฐบาลโอนเงิน 30,200 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ตรงกับวันจ่ายช่วงเทศกาลตรุษจีน เป็นการใส่เงินในช่วงที่ถูกต้อง หากโอนเงินไม่สำเร็จจะโอนซ้ำให้ผู้ที่ได้รับสิทธิอีก 3 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 28 เดือน ก.พ. วันที่ 28 เดือน มี.ค. และวันที่ 28 เดือน เม.ย. ส่วนการแจกเงินหมื่นเฟส 3 จะอยู่ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 ในช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เตรียมเม็ดเงินไว้กว่า 1.6 แสนล้านบาท เป็นการดำเนินการผ่านระบบแอปพลิเคชันที่เป็นการแจกเงินดิจิทัลและสมาร์ทคอนแทกต์ที่เป็นระบบบล็อกเชนอยู่เป็นระบบเบื้องหลัง ก่อนหน้านี้ทำความเข้าใจกับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐแล้ว ส่วนการแจกเงินให้กับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน จะได้ความชัดเจนเรื่องไทม์ไลน์และขั้นตอนภายใน 2 สัปดาห์นี้ จะแถลงให้ทราบเร็วๆนี้ กลุ่มนี้คาดว่าประมาณไม่เกิน 1 ล้านคน

ตรงตรุษจีนพอดีไม่ผิดกฎหมาย

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส. พรรคเพื่อไทย และประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุถึงนโยบายแจกเงินหมื่นของรัฐบาลจะถึงมือผู้สูงอายุช่วงตรุษจีน อาจเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้หรือไม่ว่า เงินหมื่นผู้สูงอายุ ไม่ใช่ออกเฉพาะช่วงนี้ เป็นเป้าหมายรัฐบาลวางแผนไว้นานแล้ว พูดไว้หลายเดือน ไม่ใช่นายทักษิณไปสั่งให้จ่าย แต่เป็นนโยบายรัฐบาล ทุกคนทราบมาตลอดว่า วันที่ 27 ม.ค.จะได้เงินหมื่นผู้สูงอายุ รัฐบาลเตรียมการมานานแล้วเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่อาจนำไปสู่การร้องเรียนหาเสียงเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น นายวิสุทธิ์ตอบว่า นักร้องมีทั่วไปเป็นปกติ อยากร้องก็ร้องไป เรื่องนี้ไม่ใช่ไปสัญญาว่าจะให้ เป็นที่ทราบอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ไม่ใช่โกหกหลอกลวงประชาชน

สรุปยอดโอนวันแรก 2.82 ล้านราย

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง สรุปยอดการโอนเงิน 1 หมื่นบาทเฟส 2 ให้แก่ผู้สูงอายุสำเร็จ 2.82 ล้านราย โอนไม่สำเร็จ 200,520 ราย จากยอดทั้งหมด 3.02 ล้านราย สาเหตุของการโอนไม่สำเร็จเนื่องจากไม่ผูกพร้อมเพย์ด้วยหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนกับบัญชีธนาคารเงินฝาก และอยู่ระหว่างการติดต่อธนาคารที่มีบัญชีเงินฝาก ดังนั้นขอให้ผู้สูงอายุที่ยังไม่ได้รับเงิน ให้รีบไปติดต่อธนาคารเพื่อผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยหมายเลขบัตรประชาชน เพื่อรับเงินโอนซ้ำรอบแรกวันที่ 28 ก.พ.นี้ และหากยังไม่ได้อีก จะมีการโอนซ้ำอีก 2 ครั้ง คือ 28 มี.ค. และ 28 เม.ย. หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว ถือว่าสละสิทธิไม่รับเงิน 1 หมื่นบาท

คลังแจงเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ

ช่วงสายที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ เชิญกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง ตัวแทนของฝ่ายบริหารที่เข้าประชุมร่วมกับคณะกรรมการกฤษฎีกา 2 คน คือ นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ และนายฉัตริน จันทร์หอม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เข้าไปชี้แจงเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ถือว่าดีมาก เพราะได้รับข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะมิติกฎหมาย มีการสอบถามถึงแนวนโยบาย ได้ชี้แจงในหลักคิดและแนวทางเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์มีส่วนประกอบของธุรกิจหลายประเภท บวกกาสิโน เพื่อสร้างเม็ดเงินลงทุนกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้น รายจ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยเพิ่มมากขึ้น เกิดการจ้างงาน รวมถึงสามารถกำกับดูแลการพนันผิดกฎหมายได้ด้วย

ยกเหตุที่ไม่กำหนดพื้นที่กาสิโน

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกฤษฎีกามีข้อห่วงใยอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า ส่วนมากเป็นคอนเซปต์ ชี้แจงไปว่าเป็นโมเดลทางธุรกิจอีกแบบหนึ่งที่ต่างประเทศใช้กัน มีหลายธุรกิจประกอบกัน อาทิ สนามกีฬา ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และบวกกับกาสิโน นี่คือหลักคิดที่ชัดเจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ดังนั้นต้องใช้เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ดึงนักลงทุน เมื่อถามถึงสัดส่วนกาสิโนอยู่ที่ 10% ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ตอบว่า ต้องเปิดโอกาสให้คนที่มาเสนอตัวบนกระบวนการที่โปร่งใส ทำให้เกิดประโยชน์ทางธุรกิจและสังคม จึงไม่ได้เขียนลงในร่างกฎหมาย หรือไปบังคับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากไม่รู้สถานการณ์สังคมในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถึงให้อำนาจ ครม.และคนที่จะมากำกับดูแลในอนาคต มีโอกาสคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจได้ในระดับหนึ่ง เชื่อเมื่อเข้าสภาฯน่าจะราบรื่น เมื่อถามถึงกรณีที่นิด้าโพลระบุว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน นายจุลพันธ์ตอบว่า ผลโพลพูดถึงพนันออนไลน์ ขอให้แยกประเด็นกับเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งนี้กระบวนการทางกฎหมายฉบับนี้ผ่านกระบวนการทำประชาพิจารณ์มาเรียบร้อย มีประชาชนเห็นด้วย 80%

พปชร.ค้านแหลก ก.ม.กาสิโนเสรี

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ถึงจุดยืนของพรรคเกี่ยวกับเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า “ไม่เห็นด้วย เดี๋ยวพรรคมีแถลง”

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า จุดยืนพรรค พปชร.ไม่เห็นด้วยนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บ่อนการพนันถูกกฎหมาย เชื่อจะมีปัญหาด้านสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาอาชญากรรมตามมา ไม่อยากให้คนไทยมอมเมากับการพนัน การกระตุ้นเศรษฐกิจมีหลายวิธี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเราสามารถทำให้ดีได้โดยไม่ต้องมีกาสิโน อย่าหลอกประชาชนเลยกาสิโนมีแค่ 10% กฎหมายทั้งฉบับ พูดถึงเรื่องการตั้งกาสิโน รายได้กว่า 90% มาจากกาสิโน เอนเตอร์ เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเพียงชื่อที่เอามาแอบอ้างเท่านั้น และอย่าไปทำประชามติเลย ทำไปก็ไม่ผ่าน เสียเวลาเปล่าๆ

“เสรีฯ” จับพิรุธ “ทักษิณ” ป่วยทิพย์

อีกเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าให้ข้อมูลต่อองค์คณะไต่สวน ป.ป.ช. กรณีการตรวจสอบอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยมาให้ก่อนหน้านี้แล้ว 1 ครั้ง แต่ไม่ขอเปิดเผย สิ่งที่ย้ำคือเรื่อง ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับเวชระเบียนผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก สามารถตรวจสอบได้ ผู้ป่วยในต้องทำบันทึกข้อมูลเวชระเบียนทุกคน ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบมีการส่งข้อมูลเวชระเบียนมาให้ครบหรือไม่ หากไม่ส่งเวชระเบียนมาถือว่ามีความผิด ส่วนที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุนายทักษิณจ่ายค่ารักษาพยาบาล มีใบเสร็จเป็นหลักฐานการรักษานั้น เรื่องใบเสร็จที่ไหนก็มี แต่ประเด็นอยู่ที่ป่วยวิกฤติหรือไม่ ถ้าไม่ป่วยวิกฤติจะส่งไปโรงพยาบาลตำรวจได้อย่างไร รวมถึงประเด็นที่กำลังรอที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาแผนกคดีนักการเมือง พิจารณาจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร กรณีกรมราชทัณฑ์ส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล โดยไม่ขออนุญาตศาลฎีกา หากศาลสั่งให้ไต่สวน ถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครส่งผู้ป่วยไปโดยไม่ขอศาล มีโทษจำคุก 6 เดือน หากเป็นผู้ป่วยวิกฤติต้องตรวจสมอง หัวใจ ปอด แต่กรณีนายทักษิณไม่มีหลักฐานการตรวจใดๆ หากป่วยวิกฤติจริงจะไม่ส่งไปชั้น 14 ทันที ต้องตรวจซ้ำเข้าห้องฉุกเฉินก่อน แต่กรณีนี้ไม่มีข้อมูลใดๆ เมื่อถามว่าตอนไปเยี่ยมนายทักษิณมีอาการอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตอบว่า ฟิตกว่าตนตอนนี้อีก

“วิสุทธิ์” โบ้ยเหตุเกิดสมัย รบ. “ลุงตู่”

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีเหล่านักร้องยื่นตรวจสอบการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่มีนักร้องเรียนยื่นตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ต้องพิสูจน์ไปตามกระบวนการขั้นตอน แต่การพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ชั้น 14 ไม่ได้เกิดขึ้นสมัยพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล แต่เป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มีนายวิษณุ เครืองาม เป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ส่งเรื่องไป ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ไม่หนักใจ สบายใจได้ ไม่มีเขย่าขวัญรัฐบาล เพราะนายทักษิณไม่ได้เป็นนายกฯ การรักษาตัวเป็นไปตามความเห็นแพทย์ที่รักษา ยืนยันไม่น่าหนักใจ

ฉะ กกต.จัดเลือกตั้ง อบจ.เงียบกริบ

ขณะที่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.อนุกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน (อนุ กมธ.) ใน กมธ.พัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงถึงการเตรียมการจัดเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ วันที่ 1 ก.พ.ว่า พบปัญหาการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 3 ข้อ คือ 1.การกำหนดวันเลือกตั้งที่ตรงกับวันเสาร์ มีความไม่สะดวก เพราะบริษัทเอกชนหลายแห่งเปิดทำงานวันเสาร์ ผู้ที่เดินทางไปทำงานต่างถิ่นไม่สามารถเดินทางกลับมาเลือกตั้งได้ทัน แม้มีผู้ทักท้วงมากมาย แต่ กกต.ยังคงยืนยันจัดเลือกตั้งวันเดิม ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุมีคนวัยทำงานร้อยละ 28-30 ต้องทำงานวันเสาร์ คิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การจัดเลือกตั้งวันเสาร์ย่อมคาดหวังมีผู้มาใช้สิทธิต่ำกว่าที่ควร

2.ไม่จัดเลือกตั้งล่วงหน้านอกภูมิลำเนา เป็นอุปสรรคต่อผู้เดินทางไปทำงานนอกภูมิลำเนา ผู้เลือกตั้งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายการเดินทางกลับภูมิลำเนาเอง ส่งผลให้ผู้ทำงานนอกเขตเลือกตั้งกลับมาใช้สิทธิน้อย อาจมีทุจริตสวมสิทธิแทนผู้เลือกตั้งได้ 3.กกต.ไม่รณรงค์ประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิมากเท่าที่ควร เหลือไม่ถึง 5 วัน ยังไม่เห็นการรณรงค์อย่างจริงจังของ กกต. เป็นการเลือกตั้งที่เงียบมาก ทั้งที่ กกต.มีงบประมาณจัดการเลือกตั้งปีนี้ 4,805 ล้านบาท มัวทำอะไรอยู่

“มาริษ” ยันไม่ทอดทิ้ง 4 ลูกเรือไทย

ที่รัฐสภามีการประชุมรัฐสภา มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดของนายธนกร ถาวรชินโชติ สว. ที่สอบถามความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกเรือประมงไทยที่ถูกทางการเมียนมาจับกุมและคุมขังมา 59 วันแล้ว แต่ได้เข้าเยี่ยมแค่ 1 ครั้ง ประมาณ 2-3 นาที นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงว่า กระทรวงต่างประเทศประสานไปยังหน่วยงานทุกระดับของเมียนมา เพื่อแก้ปัญหา ตนโทรศัพท์ประสานไปยังรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศเมียนมา ให้ช่วยเหลือ แต่ขั้นตอนเมียนมาแตกต่างจากไทย รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศเมียนมา ยืนยันพยายามเต็มที่ในการปล่อยตัวลูกเรือไทย 4 คน จะพยายามแก้ปัญหาที่ไม่กระทบความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน นายกฯสั่งการให้แก้ใน 2 ระดับคือ ดูแลลูกเรือประมง และผลักดันให้ปล่อยตัว ขณะนี้คณะกรรมการชายแดนร่วมระหว่างไทย-เมียนมาหารือกัน เพื่อลดความรุนแรง ความไม่เข้าใจ ให้อยู่ในความร่วมมือของกรรมการในระดับพื้นที่ เมียนมาไม่เหมือนประเทศไทยการขอเข้าพบต้องใช้เวลา ยืนยันไม่ได้ทอดทิ้ง พยายามเข้าเยี่ยม ทำเรื่อง 3 ครั้ง และจะทำต่อไป ไม่ได้ละเลย

หมายจับ “รุ้ง–เพนกวิน” เบี้ยวนัด

ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดธัญบุรี โจทก์ น.ส.เบนจา อะปัญ, นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์, น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล กับพวกเป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดย น.ส.เบนจามีอาการป่วยยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลให้เลื่อนนัดเพื่อสอบคำให้การพร้อมกับจำเลยที่ 4-9 ในวันที่ 7 มี.ค.เวลา 09.30 น. ส่วนนายพริษฐ์จำเลยที่ 2 และ น.ส.ปนัสยา จำเลยที่ 3 หลบหนีไม่เดินทางมาศาล ให้ออกหมายจับ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่