22 ม.ค.2568 วันแห่งการสมรสเท่าเทียมบนราชอาณาจักรไทย

ประเทศแรกของอาเซียนและเป็นประเทศที่ 37 ของโลก ที่เปิดกว้างยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางเพศ จากผลสำรวจ LGBTQ+ ของไทยมีสูงถึง 5.9 ล้านคน หรือคิดเป็น 9% เลยทีเดียว

ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจแสดงตัวกันออกมาอีกพรึบพรับ

ประชากรกลุ่มนี้มักมีไลฟ์สไตล์แบบสุดขั้ว จริงจัง จริงใจ เปย์แหลกแจกดุ

อาจเป็นฟันเฟืองสำคัญจุดประกายให้เศรษฐกิจไทยพลิกฟื้น ตามความหวังของรัฐบาล

ไม่รู้เป็นเรื่องประจวบเหมาะบังเอิญ หรือเป็นแนวทางของรัฐบาลเพื่อไทย อะไรที่ต้องหลบเลี่ยง ปิดบัง ปกปิด หรือแอบอยู่ใต้ดิน ก็จัดการทำทุกอย่างให้มันเปิดเผยถูกกฎหมาย

พนันออนไลน์ หวย ม้า ปลา ไก่ ที่อยู่ใต้ดิน ต้องไปแอบเล่นกัน ปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมดสิ้นเสียที รัฐบาลนี้จึงแก้ปัญหาด้วยการลากขึ้นมาบนดินมันซะเลย

ตีคู่มากับร่าง พ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจรหรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มี “กาสิโน” เป็นตัวชูโรง เป้าหมายเรียกแขก นักท่องเที่ยว นักลงทุน

แม้เริ่มนับหนึ่งอย่างจริงจังแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน แต่ระหว่างทางการทำคลอดกฎหมาย ฝ่ากระแสสังคม ในขั้นตอน 2-3-4 ดูแล้วน่าหวาดเสียว ไม่ง่ายที่จะไปตลอดรอดฝั่ง

กระแสต่อต้านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะเนื้อหาไส้ในไม่มีการสรุปเค้าโครงเรื่อง ขมวดปมไฮไลต์ เหมือนเขียนไว้ครึ่งเรื่อง ต้องรอภาคต่อโดยเดาทิศทางไม่ได้

อ้างว่าต้องรอให้ผ่านด่านสังคม ผ่านสภาก่อน ค่อยมาทำให้สำเร็จรูป

สังคมก็กังขา องค์กรที่ต้องพิจารณาผ่านกฎหมายก็คาใจ จะไปพลิกเปลี่ยนสอดไส้ตอนสุดท้ายหรือเปล่า

ความโปร่งใส จริงใจ ตอบได้ทุกคำถามตั้งแต่ตอนนี้ จะเป็นปัจจัยทำให้กฎหมายผ่าน ขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว อาจทันอายุรัฐบาลนี้

...

แต่ถ้าไม่ชัดเจน คลุมเครือแทงกั๊ก ไม่ติดไฟแดงก็เจอไฟเหลืองรัวๆ ล่าช้าหรือไม่ ก็อาจโดนล้มโต๊ะ

ทั้งที่เรื่องนี้กลายเป็นความหวัง จ่อขึ้นหิ้งเป็นผลงานสำคัญของรัฐบาลเพื่อไทยไปแล้ว

แต่ก็ยังไม่ทิ้งลาย สไตล์เดิม สุ่มเสี่ยงทำให้ล่าช้าหรือพังคามือ

ในภาวะที่จุดยืนอุดมการณ์เสื่อมมนต์ขลัง เหลืองแยกย้าย แดงสลายตัว มวลชนหมดศรัทธากับละครน้ำเน่าการเมือง

คนรุ่นใหม่ไม่อินกับสีแดง แต่อินสุดตัวกับสีส้ม เช่นเดียวกับมวลชนสายเหยี่ยวอุดมการณ์เสื้อแดงก็ไหลไปกองกันที่สีส้ม หรือแม้แต่เสื้อเหลืองก็ไหลไปด้วย

ยิ่งมาเจอเหตุการณ์ล่าสุด “ป้าวีนแตก” เขวี้ยงถุงขยะขึ้นเวทีข้ามหัว “นายใหญ่จันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะไม่พอใจสิ่งที่พูด ภาพแบบนี้สมัยไทยรักไทย พลังประชาชนไม่เคยปรากฏ มันยิ่งสะท้อนใจ

และสังเกตดีๆคำปราศรัยของอดีตนายกฯผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ.เพื่อไทย ทุกเวทียังไม่มีวลีไหนพุ่งเป้าปลุกจิตวิญญาณคนเสื้อแดง มีแต่อ้อนวอนขอให้กลับบ้าน แม้รู้ดียังเป็นเรื่องยาก

พูดมากไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องรอจุดเปลี่ยนสำคัญก่อน

ดังนั้น สิ่งที่พูดได้คือผลงานรัฐบาลที่ทำไว้ ทำอยู่ และกำลังจะทำ ขายฝันนโยบายประชานิยมไปเรื่อย พูดจนออฟไซด์ล้ำหน้ารัฐบาลทุกที นายกฯ และบรรดารัฐมนตรี ต้องคอยเด้งรับลูกตามน้ำจ้าละหวั่น

สถานการณ์ตอนนี้เป็นการสู้กันระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมหลากหลายเวอร์ชัน กับเสรีประชาธิปไตยสีส้ม

พรรคประชาชนยืนหนึ่งโดยไม่ต้องทำอะไรมาก เดินตรงไปทางเดิม กล้าพูด กล้าชน กล้าลุย ไม่เล่นการเมืองแบบเก่า และไม่หลงกลตามเกม จนเสียจุดยืน

ส่วนพรรคเพื่อไทยแม้จะเป็นแกนนำรัฐบาล แต่อนาคตการเมืองน่าห่วงกว่าใคร

ถ้ายังไม่เจอจุดเปลี่ยนสำคัญก่อนวันเลือกตั้ง ยังกลับสู่เส้นทางประชาธิปไตยไม่ได้

ครั้งหน้าคงต้องจัดเต็มทั้งกลไกอำนาจรัฐ ระบบจัดตั้ง บ้านใหญ่ กระสุนดินดำ บวกกับผลงานที่ทำได้

200 เสียงที่ “ทักษิณ” ประกาศไว้ คงไม่ใช่เรื่องถ่อมตัว นั่นอาจเป็นเพดานขั้นสูงแล้วของพรรคเพื่อไทย ภายใต้สถานการณ์แบบนี้

ดังนั้นคาดว่าหน้าตารัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2570 ก็คงไม่ต่างจากตอนนี้.

ทีมข่าวการเมือง

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม