ห้วงเทศกาลแห่งความสุขหมดไปไวในห้วงสั้นๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติ เผชิญความท้าทายภายใต้ศักราชใหม่

ในโหมดของการสู้ชีวิตที่สะท้อนจากภาพข่าวประชาชนคนต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่หอบข้าวของ ขนสัมภาระพะรุงพะรัง ขึ้นรถโดยสารแน่นสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ แห่เดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาทำมาหากิน

เป็นช็อตคุ้นตา วิถีเศรษฐกิจ สังคมแบบไทยๆ

และโดยธรรมชาติ กระแสการเมืองที่พักยกชั่วขณะ ก็จะกลับมาร้อนแรงเบียดคืนพื้นที่ข่าวรายวัน

ตามจังหวะลูกติดพันมาจากข่าววันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่

อ้างอิงจากตัวเลขของ “สำนักมาตรฐาน” ระดับ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน วัดความนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4/2567 สุ่มตรวจ ส่งท้ายปีที่ผ่านมา

พบว่า บุคคลที่คนไทยจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี อันดับหนึ่ง ร้อยละ 29.85 คือ “กุมารเท้ง” นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

ด้วยเหตุผล มีความมุ่งมั่นในการสานต่อ อุดมการณ์ของพรรคและมีบทบาทที่เข้ากับคนรุ่นใหม่

ส่วนอันดับสอง ตามมาติดๆ คือ “อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค เพื่อไทย อยู่ที่ร้อยละ 28.80

ทิ้งกันไม่ห่าง เฉือนกันแค่เปอร์เซ็นต์เดียว

แต่มันทำให้พรรคเพื่อไทย “เสียววาบ” จับอาการทีม “เถ้าแก่ใหญ่” หนาวๆร้อนๆนั่งกันไม่ติด ต้องปล่อยลูกหาบออกมาตอบโต้ “นิด้าโพล” กันพัลวัน

นั่นก็เพราะแต้มพลิกผันไวจนตั้งหลักกันไม่ทัน

ย้อนไปก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน “กุมารเท้ง”เพิ่งขึ้นแท่นหัวหน้าพรรคประชาชน เป็น “มวยแทน” จากค่ายก้าวไกลโดนยุบ ถูกเปรียบเทียบฟอร์มกับ “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขวัญใจพลเมืองชาวส้ม

...

อารมณ์แบบที่เสือเฒ่า ฟอร์มเก๋าทีมเพื่อไทย ปรามาส “เท้ง เถิดเทิง”

จังหวะโดนไอโอบูลลี่ ยุทธการคู่ขั้วตรงข้าม “ตัดไม้ข่มนาม” ฟอร์มไม่เปรี้ยงปร้าง พลังขับเคลื่อนทางการเมืองผู้นำแถวสามกองทัพส้มแผ่ว

ส่อแววแป้ก หล่นอันดับโพล คนไม่ค่อยรู้จัก โดนขบวนแห่ผู้นำหญิงคนสุดท้องตระกูลชินกลบความโดดเด่นแทบสนิท

แต่เผลอแป๊บเดียว “กุมารเท้ง” แซงขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งสำนักมาตรฐาน “นิด้าโพล” เบียด “นายกฯ อิ๊งค์” หล่นอยู่ที่สอง เหมือนตอนตามหลัง “หนุ่มทิม พิธา”

เล่นเอาทีมเถ้าแก่ใหญ่ “เถิดเทิง” หัวเราะไม่ออก

นี่ยังไม่ถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พรรคประชาชนประกาศล็อกคิวเชือดในเดือนมีนาคมนี้ ได้เห็นลีลามือปราบทุจริต ฉายา “ไอ้เท้งเอาตายแน่” ที่รู้กันทั้งสภา ร่ำลือในวงการ “นักตบทรัพย์” ในกรรมาธิการฯปราบคอร์รัปชัน

โอกาสโชว์ฟอร์มเข้าตาคนดู

ทางบ้าน “กุมารเท้ง” รอลุ้นติดลมบน

เรื่องของเรื่อง มันคือความจริงที่ไม่อาจแย้งตัวเลข “สำนักมาตรฐาน”  ปั่น กันไม่ได้เหมือน “โพลเชลียร์” ผู้นำกองทัพส้มแรงตามกระแสธรรมชาติ พลังแห่การเมืองคนรุ่นใหม่ ซึ่งนั่นตรงกันข้ามกับสถานะของผู้นำรัฐบาลเพื่อไทย

“พลังแห่” ฝืนธรรมชาติ เอาชนะแรงเสียดทานแสนลำบาก

ตามสภาพ ของ “ลูกสาวเถ้าแก่ใหญ่” ต้องแบกแรงหน่วงทางการเมือง จากการพลิก ฉีกขั้วเสรีประชาธิปไตย บั่นทอนศรัทธาต้นทุนคะแนนนิยม เงื่อนไขคาบลูกคาบดอกจากการแปลงร่างเป็น “ลูกผสม” สายอนุรักษ์ขั้วอำนาจโบราณ สั่นสะเทือนไปถึงความเชื่อมั่นในเชิงบริหารเศรษฐกิจ

ติดๆขัดๆพัวพันนัวเนียอยู่ในโหมด “ความหวาด ระแวง”

เงื่อนปมเกมอำนาจลักลั่น ฉุดแรงขับเคลื่อนในการ บริหารปัญหาปากท้องชาวบ้าน สถานการณ์ไม่ตรงปก ตามที่พรรคเพื่อไทยประกาศบนเวทีหาเสียง เคลมความคาดหวังของกองเชียร์และผู้คนในสังคม ลุ้นยี่ห้อ “ทักษิณ” คืนสภาพกินดีอยู่ดีเหมือนอดีตรัฐบาลไทยรักไทยยุครุ่งเรือง

การเมืองลากเศรษฐกิจ ดิ่งเหวลึกลงทุกที

สถานการณ์แบบที่ไม่ใช่ฝ่ายค้าน พรรคประชาชน ไล่บี้ดิสเครดิต แต่เป็นความคิดของฝ่ายรัฐบาลด้วยกันเอง อ้างอิงจากจอมเก๋าประสบการณ์การเมืองเชี่ยวกราก ระดับปรมาจารย์ชวน หลีกภัย “น้าญัติ” นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ผู้อาวุโสจากค่ายประชาธิปัตย์ ที่สะท้อนบทวิเคราะห์ตรงกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร แบบไม่ได้นัดหมาย

ฟันธงปมเศรษฐกิจปากท้อง เป็นตัวชี้วัด รัฐบาลอยู่หรือไป

ในสภาพที่เสียง สส.พรรคร่วมรัฐบาลแน่นปึ้กกว่า 300 เสียง เทียบกับฝ่ายค้านยากจะล้มกระดานในสภา แต่นั่นไม่อาจเป็นหลักประกันจุดหมายปลายทาง

ถ้าปราศจากศรัทธา ไร้เสียงหนุนนอกสภาก็อยู่ลำบาก

นักการเมืองเชี่ยวกรากอ่านทะลุ ถึงจุดหมดโปร ลด แลก แจก แถม หมดมุกโคตรประชานิยมติดล็อกกฎหมายงบประมาณ ปมเศรษฐกิจปากท้องจะไหลลามเป็นอารมณ์หงุดหงิด ติดพันปมการเมือง ตามท้องเรื่องที่พร้อมเข้าจุดเสี่ยง

เร้าไฟลาม กระตุ้นชนวนต้านรัฐบาล

ตามสถานการณ์แนวรบด้านท่าพระอาทิตย์ ขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ เผาหัวมวลชน ประกาศเบ่งพลังภายในเฮือกสุดท้ายของชีวิต ปลุกผีขบวนการเสื้อเหลืองต้าน “เอ็มโอยู 44” ขวางลำอภิมหาโปรเจกต์ ขุดสำรวจก๊าซธรรมชาติ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย–กัมพูชา

มุกถนัด โจมตียี่ห้อ “ทักษิณ” ผลาญสมบัติชาติ

พร้อมแปรรูปขบวนเข้าผนึกแนว รบด้านชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่รวมพลแนวต้าน “ระบอบทักษิณ” ผนึกกำลังตัวตึงแถวหน้า

ไล่ตั้งแต่นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการ อดีตกรรมการ คตส. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ หัวขบวนม็อบสลิ่มหลากสี ที่สำคัญคืออดีตคนกันเองอย่าง “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำเสื้อแดง นปช.ในฐานะแกนนำคณะหลอมรวมประเทศไทย

ตั้งท่าล่อเป้า “นายใหญ่” ตามกัด ติดปมร้อนผู้ต้องขัง “วีไอพี” ไล่บี้ ไล่ขยี้ “อภิสิทธิชน”  ไม่ได้ให้พ้นแดนเรือนจำแบบสบายเนื้อสบายตัว

ลูกนัวเนีย การประลองกำลังทางกฎหมายระหว่างองค์กรเกี่ยวข้อง

ตามเดิมพันยกระดับไปเกี่ยวโยงกับความเข้มขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ในระบบยุติธรรมของประเทศไทย

ถึงจุดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งอรหันต์ ป.ป.ช.ทุกคนเป็นกรรมการเต็มองค์คณะในทีมกรรมการตรวจสอบข้อร้องเรียนปมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน ได้สิทธิ เช็กอินยาวบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

กระตุกสัญญาณถึงประธานศาลฎีกา ในการเปิดขบวนการพิสูจน์อำนาจทางกฎหมายอาญา

ฝังเชื้อ บ่มฝีระอุเต็มที่ รอเวลาแตก

ปมของพี่ชาย คิวของนายทักษิณยังคาราคาซัง แถมยังแทรกคิวด่วนพิเศษของน้องสาว ตามจังหวะตีปี๊บ รัวเกราะเคาะไม้ของฝ่ายต่อต้าน ชี้เป้าฟ้องประจาน ประกาศกรมราชทัณฑ์

เร่งคิวออก “กฎหมายการคุมขังนอกเรือนจำ”

สอดรับกับคิวที่ “นายใหญ่” ประกาศล่วงหน้า จะนำ “น้องปู” อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับบ้าน มาฉลองสงกรานต์ 2568 ที่ประเทศไทย

เป็นชนวนไฟ ขยายวงแนวต้าน “อภิสิทธิชน” เหนือกฎหมาย

ภาพสะท้อนทีม “เถ้าแก่ใหญ่” ในฐานะ “ผู้ครอบ ครอง” มุ่งไปที่เกมอำนาจการเมือง เน้นการเคลียร์พันธนาการคนในครอบครัว มากกว่าแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้านหรือไม่

สถานการณ์จึงเข้าเหลี่ยมฝ่ายต้านขยี้รัฐบาลตอนฝีแตก.

ทีมการเมือง