เวทีชำแหละงบฯวันที่ 2 พรรคฝ่ายค้านดาหน้าถล่มด้านความมั่นคง “เอกราช” สส. ก้าวไกล ฉะทำย้อนแย้งนโยบายลดกำลังพล แฉนายพล-นายพันเก็บบัตรเอทีเอ็มทหารเกณฑ์ ฮุบเบี้ยเลี้ยง จี้ถาม“สุทิน” รู้ไหม หยันเป็นได้แค่ตรายางให้กองทัพ ตั้งงบฯลับ 500 ล. อิ่มกันถ้วนหน้า “ชยพล” เปิดไต๋ “สุทิน ดาวน์น้อย” หวังก่อหนี้ผูกพันระยะยาว ซ่อนหนี้ซื้ออาวุธเลี่ยงตรวจสอบ “รอมฎอน” หวดบัญชีผี กอ.รมน. ทำไฟใต้ไม่สงบ เปิดตัวเลข 20 ปี ผลาญไป 5.4 แสนล้าน “สุทิน” อ้างปรับลดกำลังพลต้องดูขวัญกำลังใจ จ่อให้เครื่องราชฯทหารเกณฑ์ ยันมาเป็น รมต.ไม่เคยลืมตัวตน ไม่มีซูเอี๋ย-อวยกองทัพ “สุพัชรี” ย้อนคำ “ไม่กู้” ไม่ไว้ใจนายกฯผู้นำแฟชั่น “เศรษฐา” การันตี กอ.รมน.ตั้งใจทำงาน ถกขากางเกงโชว์ถุงเท้าสีชมพูตอบโต้ “จุรินทร์” บอกใส่สีอะไรก็ทำงานได้ “อุ๊งอิ๊ง” ขอบคุณทุกคนที่ยังนึกถึง “พ่อ”
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เป็นวันที่สอง สส.พรรคก้าวไกล แกนนำฝ่ายค้าน รุมถล่มการจัดสรรงบฯด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหม และ กอ.รมน. โดยเฉพาะการก่อหนี้ผูกพันระยะยาว หวังซ่อนหนี้ก้อนโตเลี่ยงการตรวจสอบ
...
พรรคเล็กยุตัดงบ กอ.รมน.เหี้ยน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ม.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทน ราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ อภิปรายเป็นคนแรกว่า ไม่ขอรับหลักการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้กับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จำนวน 5,112 ล้านบาท เพราะมีการจ่ายเงินพิเศษให้ข้าราชการ เป็นเห็บในวงราชการ ได้รับงบประมาณซ้ำซ้อน เช่น นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่ง ผอ.รมน. ได้รับเงินเดือนทั้งตำแหน่งนายกฯ และ ผอ.รมน. เช่นเดียวกับผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับเงินเดือนตำแหน่งผู้ว่าฯ และเงินเดือน ผอ.รมน.จังหวัด เป็นต้น ขอตัดงบ 100% เนื่องจากไม่พบผลงานที่ทำเพื่อประชาชนเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากการร้องเพลงรักชาติ
ฉะกรมชลฯจัดการน้ำลำเอียง
นายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการจัดงบบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลว่า ไม่มีอะไรแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้ว ไม่ได้คำตอบอนาคตประเทศที่ประชาชนคาดหวัง กรมชลประทานได้งบประมาณ 81,000 ล้านบาท แต่เป็นงบพัฒนาพื้นที่ชลประทานใหม่แค่ 29,000 ล้านบาท ช่วยได้แค่ 170,000 ไร่เท่านั้น ต้องใช้เวลาอีก 30 ปี ถึงเพิ่มพื้นที่พัฒนาการชลประทานได้เต็มศักยภาพ 150 ล้านไร่ ขณะที่พื้นที่นอกเขตชลประทานไม่ได้รับการเหลียวแล จัดงบไม่เป็นธรรม ไม่ทั่วถึงเกษตรกรนอกเขตชลประทาน อยากให้รัฐบาลเติมงบประมาณในโครงการพัฒนาน้ำให้เพียงพอ ส่วนระบบเตือนภัยพิบัติควรรีบทำ ที่ผ่านมาไม่มีโครงการพัฒนาระบบพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ การวางแผนรับมือบอกได้แค่ระดับอำเภอ ประชาชนเตรียมรับมือไม่ถูก ไม่ทันตั้งตัวน้ำก็ท่วมหลังคาแล้ว แต่การจะมีระบบเตือนภัยที่ดีได้ ต้องมีข้อมูลตั้งต้นที่ดีก่อน
พท.อวยโครงการแลนด์บริดจ์
ต่อมา สส.ฝ่ายรัฐบาลสลับขึ้นมาอภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ชื่นชมการจัดสรรงบฯมีความเหมาะสม ตอบโจทย์การแก้ปัญหา มั่นใจว่ารัฐบาลจะนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ทพญ. ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวสนับสนุนโครงการแลนด์บริดจ์ของรัฐบาล ที่เคยศึกษามาตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานเชื่อมเส้นทางการค้าน้ำมันโลก เปิดทางให้ประเทศไทยเป็นประเทศการลงทุน ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย ประเมินว่าจะช่วยให้จีดีพีประเทศเพิ่มขึ้น 1.5% ของทุกปี อยากให้สนับสนุนโครงการนี้ต่อเนื่องอยู่ในแผนงบประมาณปี 2568 เพื่อรองรับและสร้างโอกาสให้กับโครงการแลนด์บริดจ์ ที่นอกจากจะช่วยให้จีดีพีเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยในเรื่องการจ้างงานในพื้นที่ด้วย
นายกฯเด้งรับชูโปรเจกต์เชื่อมโลก
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง รีบชี้แจงตอบรับทันทีว่า โครงการแลนด์บริดจ์ทำให้ประเทศไทยอยู่บนหมุดหมายการลงทุนของหลายประเทศที่จะมาตั้งโรงงานในไทย เป็นโครงการช่วยลดความแออัดการขนถ่ายสินค้าในช่องแคบมะละกา ที่ไม่สามารถบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รัฐบาลตระหนักดี จึงคิดโครงการแลนด์บริดจ์มาช่วย เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ แม้ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหรัฐฯจะมีมากขึ้น แต่จุดยืนเราคือความเป็นกลาง ทั้งจีนและสหรัฐฯสามารถใช้เป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้าได้ และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจจะสำรวจความเห็นรับฟังข้อคิดเห็นของฝ่ายค้าน ประชาชนในพื้นที่ นักธุรกิจทุกคน ให้แน่ใจว่าโครงการนี้เป็นโครงการเมกะโปรเจกต์สำคัญของโลก ทำให้หลายประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย อยากมาลงทุน สร้างโรงงานกลั่นน้ำมันในไทย ชีวิตความเป็นอยู่ประชาชนจะถูกยกระดับขึ้นมา
“สุพัชรี” ย้อนคำผู้นำแฟชั่น “ไม่กู้”
นางสุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายพร้อมเปิดคลิปภาพและเสียงการให้สัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ที่ระบุว่าจะไม่กู้เงินมาใช้ในโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า ที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อตอกย้ำคำพูดผู้นำประเทศอีกครั้ง ที่ผ่านมานายกฯยืนยันว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีงบประมาณเพียงพอนำมาเกลี่ยใช้ได้ จะไม่มีการกู้เงิน แต่เหตุใดจึงไม่นำเรื่องนี้มาบรรจุไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ตนและพรรคประชาธิปัตย์ขอบอกกับทุกคนว่า เราไม่อาจเชื่อมั่นกับคำพูดนายกฯ ไม่เชื่อมั่นในการบริหารประเทศ และการบริหารงบประมาณของนายกฯผู้นำแฟชั่นท่านนี้ได้เลย
ก.ก.แฉยึดเอทีเอ็มพลทหาร
จากนั้นนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายการจัดสรรงบฯให้กระทรวงกลาโหมว่า ตอนทราบว่านายสุทิน คลังแสง จะเป็นพลเรือนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มาเป็น รมว.กลาโหม ดีใจมากที่จะมีพลเรือนคุมทหาร ไม่ใช่นายกฯมานั่งควบ รมว.กลาโหมเหมือนที่ผ่านมา คาดหวังว่านายสุทินจะขับเคลื่อนกองทัพให้มีประสิทธิภาพ เข้าใจมุมมองประชาชนต่อกองทัพ แต่ตอนนี้จะทำได้จริงหรือไม่ชักลังเล ไม่รู้จะได้กองทัพรูปโฉมใหม่ที่ดูดีทันสมัยหรือไม่ กระทรวงกลาโหมได้งบฯเกือบ 1.98 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,800 ล้านบาท บอกว่าจะลดกำลังพล แต่กลับมีงบฯกำลังพลเพิ่มขึ้น 1,725 ล้านบาท สะท้อนว่ากำลังขยายขนาดหรือไม่ นายสุทินต้องอธิบายการจัดสรรงบฯที่ย้อนแย้งกับนโยบาย และงบฯกองทัพส่วนใหญ่อยู่ในรายจ่ายที่ใช้กับทหารกองประจำการ อาทิ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าตอบแทนสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท แต่ที่ค่ายทหาร จ.นครพนม มีทหารร้องเรียน ว่ามีนายพล นายพัน เก็บบัตรเอทีเอ็มทหารเกณฑ์ไว้ ต้องยอมให้เขาเก็บ เพราะไม่อยากมาเฝ้าแต่หญ้า ฆ่าแต่มดในค่าย แถมตั้งรหัสเอทีเอ็ม 1111 เหมือนกันหมด นายสุทินทราบหรือไม่
หยัน “สุทิน” แค่ตรายางกองทัพ
นายเอกราชกล่าวว่า กองทัพควรเปลี่ยนเคพีไอค่าชี้วัดความสำเร็จ ควรชี้ให้ชัดว่าจำนวนทหารกองประจำการควรเป็นเท่าใด จะมีคนสมัครจริงเท่าใด และบังคับเกณฑ์เท่าใด ถ้าไม่ตั้งเป้าให้ชัดจะวัดผลการทำงานอย่างไร จะได้รู้จะยกเลิกบัง คับเกณฑ์ทหารกี่โมง นายสุทินต้องไม่ปล่อยให้กองทัพจัดการกันเอง อย่าให้รัฐมนตรีเป็นแค่ตรายาง อย่างทหารเกณฑ์ในช่วงโควิด กองทัพสามารถลดทหารกองประจำการ ลดงบลงได้ แต่ช่วงนี้ทหารเกณฑ์ยังคงใช้อัตราใกล้เคียงแบบเดิม ลดลงเล็กน้อย เป็นนโยบายเรือธงหรือไม่ ขอให้นายสุทินชี้แจงว่าต้องมีทหารกองประจำการ ทหารอาชีพและนายพลเท่าใด นายสุทินยังจะลดนายพลอยู่หรือไม่ หรือจะไปร้องเพลงอย่างเดียว ส่วนงบลับกลาโหมเหตุใดเท่ากันทุกปี อัตราเบิกจ่ายรวดเร็ว ครบถ้วน 100% ถ้าปรารถนาจะปฏิรูปกองทัพด้วยงบลับ เพื่อสานสัมพันธ์ทหารเกือบ 500 ล้านบาท ที่มีบรรทัดเดียวอิ่มกันถ้วนหน้าหรือไม่
“สุทิน ดาวน์น้อย” ซ่อนหนี้ซื้ออาวุธ
นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบฯจัดซื้ออาวุธของกระทรวงกลาโหมที่ลดลงกว่า 2.4 พันล้านบาท สาเหตุที่ลดลงเป็นเพราะ “สุทิน ดาวน์น้อย” แต่ผ่อนนานขึ้น งบประมาณปี 2566 เงินดาวน์ซื้ออาวุธอยู่ที่ 13% มาปี 2567 ดาวน์ 9% หากรักษาวินัยการคลังไม่ให้ผ่อนหนักนานๆ ต้องรักษาสัดส่วนการดาวน์อยู่ในระดับ 20% การที่รัฐบาลชุดนี้มียอดดาวน์น้อยจะทำให้ยอดก่อหนี้ผูกพันต้องผ่อนยาวๆ รวมมูลค่า 5.78 หมื่นล้านบาท มากกว่าปี 2566 อยู่ 2-3 เท่า ซ่อนหนี้ก้อนโตไว้ถ้าตรวจสอบปีต่อปีจะมองไม่เห็น แต่ถ้ามองอนาคตจะเห็นความพินาศชิ้นใหญ่รออยู่ ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ประเทศจีนทำผิดสัญญา วันนี้เลยกำหนดการส่งมอบเรือไปแล้ว 94 วัน คือตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.2566 ขอถามนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง จะทำอย่างไร จุดยืนพรรคเพื่อไทยยังเหมือนเดิมสมัยที่เป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ตั้งแต่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อภิปรายไว้ในสภา ตอนนี้ได้เป็นที่ปรึกษานายกฯแล้ว ขอให้นายกฯฟังความเห็นของนายยุทธพงศ์ด้วย
“รอมฎอน” หวดบัญชีผี กอ.รมน.
ต่อมานายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณแก้ปัญหาไฟใต้ว่า วันที่ 4 ม.ค.นี้ คือวันครบรอบ 20 ปี ปฐมบทเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายปิเหล็ง จ.นราธิวาส การปกครองโดยกฎหมายที่เป็นธรรม จะทำให้วิกฤติการเมืองหลายอย่างคลี่คลายได้ โดยเฉพาะไฟใต้ แต่การจัดงบฯดับไฟไต้ของรัฐบาลนี้ ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ในรอบ 20 ปี มีเหตุเกิดขึ้น 22,296 ครั้ง บาดเจ็บ 14,028 ราย เสียชีวิต 7,547 ราย งบประมาณรวม 5.4 แสนล้านบาท นี่คือต้นทุนที่เราสูญเสีย มีที่น่าตื่นเต้นคือ งบฯกำลังพลและการดำเนินงานกว่า 3,500 ล้านบาท ตรวจสอบไปตรวจสอบมาน่าจะเป็นงบฯบัญชีผี ที่ถูกจับโป๊ะจากกรณีสิบตำรวจโทหญิง มีชื่ออยู่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แต่ตัวอยู่ จ.ราชบุรี ฝาก กอ.รมน.ชี้แจงว่างบฯส่วนนี้มีผีกี่ตัว มีคนจริงๆที่ทำงานอยู่เท่าไหร่ หรือเป็นงบฯหากินเฉยๆ เป็นคำถามใหญ่ว่าถ้าสันติภาพเกิดขึ้นแล้ว กอ.รมน.จะอยู่อย่างไร จำเป็นต้องมีภัยคุกคามด้านความมั่นคงเพื่อให้องค์กรเช่นนี้ดำรงอยู่หรือไม่
จี้รื้อคดีตากใบก่อนหมดอายุความ
นายรอมฎอนกล่าวอีกว่า เชื่อว่าถ้านายกฯและรัฐบาลใส่ใจกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการชายแดน ที่เคยครอบครองโดย กอ.รมน.เราอาจเห็นอะไรดีกว่านี้ ข้อเสนอตนคือเพื่อสอดรับกับถ้อยแถลงนายกฯ ที่ย้ำเรื่องนิติธรรมที่เข้มแข็ง เพราะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะฟื้นคดีตากใบ ที่คดีจะหมดอายุความใน 10 เดือน ส่วนเรื่องที่ กอ.รมน.ขยันฟ้องปิดปาก อยากให้นายกฯกำชับแม่ทัพภาค 4 ที่อาจไม่รู้เรื่องว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการบั่นทอนกระบวนการสันติภาพ บางทีก็เหมือนไบโพลาร์ เดี๋ยวอยากคุยเดี๋ยวอยากปิดปาก
การันตี กอ.รมน.ตั้งใจทำงาน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ชี้แจงว่าการจัดงบฯแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ กอ.รมน. ระยะหลังความรุนแรงลดลง กอ.รมน.ทำงานตั้งใจจริง แม้วิธีทำงานจะแตกต่างกัน แต่เชื่อว่า กอ.รมน.มีจุดประสงค์เดียวกัน คือคืนความสงบให้ประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงพื้นที่ไปเมื่อเดือน พ.ย.2566 เจอนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย คุยปัญหาความมั่นคงความสงบและเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงการค้า ปัจจุบันพบการเข้าเมืองเพิ่มกว่า 30,000 คน ในช่วงวันหยุด ทำให้โรงแรมใน 3 จังหวัด และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาเต็มหมด เชื่อว่าหากคนมีเงินในกระเป๋าชีวิตดีขึ้น ปัญหาความรุนแรงลดน้อยลง ควบคู่กับการทำงานฝ่ายความมั่นคงไทยและมาเลเซีย
อย่าห่วงเหตุสงบก็ไปทำด้านอื่น
นายเศรษฐากล่าวว่า สำหรับข้อวิจารณ์งบประมาณของ กอ.รมน. จะรับไปพิจารณาพูดคุย ทำให้งบฯมีประโยชน์สูงสุด กับคำถามที่ว่าหากมีความสงบในพื้นที่ กอ.รมน.จะทำงานอะไรนั้น ไม่ต้องห่วง พูดคุยกับ ผบ.ทบ. มีหลายเรื่องที่ต้องทำ เช่น ช่วยเหลือเรื่องอุทกภัย ภัยแล้ง ขุดบ่อเก็บกักน้ำ ลงพื้นที่ช่วยซ่อมแซมบ้านผู้ประสบอุทกภัย กอ.รมน.ใส่ใจ ส่วนเรื่องไบโพลาร์นั้นตนไม่ใช่หมอ ไม่ทราบเป็นหรือไม่ แต่ที่สัมผัสพบว่าเป็นคนสม่ำเสมอ ดูผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
ป้องงบฯอีเวนต์ซอฟต์พาวเวอร์
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงเรื่องงบประมาณโครงการซอฟต์พาวเวอร์ว่า มีการบรรจุอยู่เกือบ 1 หมื่นล้านบาท กระจายทั้งทางตรงทางอ้อม ไม่อยากให้ด้อยค่าซอฟต์พาวเวอร์เป็นเรื่องจัดอีเวนต์ แม้จัดกิจกรรมหลายจุด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีเรื่องจัดอบรมเพิ่มศักยภาพให้ประชาชน ทั่วโลกพยายามหาจุดแข็งในอัตลักษณ์ตัวเองนำมาขายดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ประเทศไทยมีเรื่องสงกรานต์เป็นจุดเริ่มต้น ที่ดี สร้างเม็ดเงินมหาศาลให้ประเทศ นโยบายและงบประมาณที่จัดสรรลงไปถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับการเสนอแนะความเห็นจากเอกชนโดยตรง เป็นมิติใหม่การใช้เงินให้ตรงความต้องการภาคเอกชน และประชาชนแต่ละพื้นที่ รัฐบาลจะเดินหน้าซอฟต์พาวเวอร์ สร้างรายได้ให้ประชาชนมากที่สุด เป้าหมายที่วางไว้ 20 ล้านครัวเรือน รายได้ 2 แสนบาทต่อปีต่อครัวเรือน เป็นเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึงใน 4 ปีข้างหน้า เราเชื่อมั่นในศักยภาพคนไทย จะเพิ่มรายได้ให้ประชาชนได้ตามที่คาดหวัง
“กัณวีร์” แซวงบฝากเลี้ยงรบ.เก่า
ขณะที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายว่า ไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรงบประมาณที่เหมือนคัดลอกโครงการเดิมมาวางไว้ในปี 2567 ไม่มียุทธศาสตร์ จัดสรรงบฯให้หน่วยงานที่ไม่มีพันธกิจรับผิดชอบโดยตรง เช่น ยุทธศาสตร์ต่างประเทศ ที่วางพันธกิจเพิ่มการค้าการลงทุน ทั้งที่ควรจัดสรรให้กระทรวงพาณิชย์มากกว่า เหมือนนำนักฟุตบอลดีที่สุดในโลกไปแข่งตีปิงปอง ขณะที่ยุทธศาสตร์พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่มักพูดถึงการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมเสมอภาคแต่กลับมีดัชนีชี้วัดจำนวนคนที่เข้าอบรม ไม่ใช่การสร้างโอกาสที่แท้จริง ชัดเจนว่าขาดมืออาชีพด้านการสร้างนโยบาย วิเคราะห์แผน รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่เน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องที่ประชาชนคาดหวัง แต่ 3 เดือนที่มาบริหารกลับไม่พบการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฯ ที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าคิดเป็น ทำเป็น แต่เนื้อหางบฯที่ออกมาทำให้คิดถึงรัฐบาลเก่า เป็นงบฯฝากเลี้ยงส่งต่อจากรัฐบาลเดิม จึงไม่เห็นด้วยกับงบฯปี 2567
“สุทิน” เน้นขวัญกำลังใจกำลังพล
กระทั่งเวลา 17.55 น. นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงว่างบกระทรวงกลาโหมเดิมเคยคิดว่าสูงแต่พอเทียบกับทุกกระทรวงอยู่อันดับที่ 4 ที่ถามว่ายามวิกฤติทำไมไม่ลดเช่นในยุคนี้จริงๆแล้วมันคือลด แต่วิธีคิดของกระทรวงกลาโหมอาจไม่เหมือนกระทรวงอื่น เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ประเทศ ประเทศสงบจัดแบบหนึ่ง แต่ถ้ามีสัญญาณจะมีภัยคุกคามต้องจัดอีกแบบ จริงๆแล้วเราไม่ลดงบก็เหมือนลด เพราะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลง หากเทียบกับงบแผ่นดินที่สูงขึ้น 9% ของกลาโหมเพิ่มเพียง 1.2-1.3% ที่ถามเรื่องปฏิรูปกองทัพปรับลดกำลังพล มีแผนลดลงอยู่แล้ว แต่การปฏิรูปทำรวดเร็วดังใจไม่ได้ ต้องคำนึงถึงขวัญกำลังพลว่ากระทบศักยภาพกำลังรบหรือไม่ ต้องใช้เวลา ส่วนอัตรานายพลที่มีอยู่ 700 กว่าคน ในปี 2570 จะลดลง 50% เหลือ 300 กว่าคน และจะทำโครงการเออร์ลี่รีไทร์ ไม่ถึงปี 70 จะลดลงกว่านี้เยอะ คนลด งบลด และเพิ่งลงนามระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม ต่อไปจะมีข้าราชการพลเรือนสวมชุดสีกากีโดยไม่จำเป็นต้องมียศ เหมือนข้าราชการพลเรือนธรรมดา เช่น แพทย์ ธุรการ ภาพกองทัพจะซอฟต์ (เบา) ลง ภาระงบประมาณจะน้อยลง
อวยทหารเกณฑ์ได้เครื่องราชฯ
นายสุทินกล่าวต่อว่า เรื่องการปรับลดกำลังพลมี 3 โมเดล คือ 1.ยุบหน่วยที่ไม่จำเป็น 2.ควบรวมหน่วยที่มีภารกิจใกล้เคียงกัน และ 3.ปิดอัตราบางอัตราหากกำลังพลเกษียณจะไม่บรรจุเพิ่ม ส่วนเรื่องทหารเกณฑ์ที่อยากให้งดเกณฑ์ทหารนั้น จะใช้วิธีจูงใจให้เข้ามาสมัครเพิ่มขึ้น เชื่อว่าหากได้อยู่ 4 ปีอาจมีการสมัครใจเกณฑ์ทหาร 100% ต่อไปนี้เงินเดือนทหารเกณฑ์จะไม่มีการหัก มีโอกาสเข้าโรงเรียนนายสิบของเหล่าทัพ และคณะทำงานสรุปแล้วว่าคนที่มาเป็นทหารเกณฑ์มีสิทธิได้รับเครื่อง ราชอิสริยาภรณ์ ไม่เท่านั้นเด็กที่เป็นทหารเกณฑ์มาเป็นทหารประจำการได้มีโอกาสทำงานดีๆ สถาบันคณะวุฒิวิชาชีพจะเข้ามาตีราคาฝีมือให้ไปทำงานต่อได้ ส่วนเรื่องเรือดำน้ำเป็นของรัฐบาลก่อนตนเข้ามาแก้ แต่จะแก้อย่างไรก็โดนหมด ถ้าเดินหน้าเอาเรือจีนต่อก็เคยด่าเขาไว้ ถ้าไม่เดินต่อเสนอเอาอย่างอื่นแทน เคยโยนหินถามทางเอาเรือฟรีเกตมาแทนก็โดนทั้ง 2 ทาง และเราจ่ายเงินมาหลายงวดถ้ายกเลิกเขาจะคืนเงินหรือไม่ ยังต้องดูที่ความสัมพันธ์ด้วย
ยันเป็น รมต.แล้วไม่ลืมตัวตน
นายสุทินกล่าวว่า ถ้าคิดอย่างฉลาดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจร่วมกับจีนสูงถึง 2 แสนล้าน ถ้ายกเลิก 6 พันเสียสองแสนล้านไม่ฉลาด อีกไม่เกิน 2 วันจะได้แนวทางเดิน เพราะมีการสอบถามไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดว่าข้อตกลงที่ทำกันไว้ยกเลิกได้หรือไม่ จะจบอย่างไรรอดูคำตอบจากอัยการสูงสุด สำหรับงบประมาณสร้างรันเวย์อีอีซี ที่บอกว่าทำนอกเรื่อง อยากบอกว่ารัฐบาลขอร้องกองทัพเรือให้ช่วยขับเคลื่อนอีอีซี และรัฐบาลไปสร้างสนามบินในพื้นที่ทหาร จึงต้องให้ทหารตั้งงบ ส่วนที่บอกว่า “สุทิน ดาวน์น้อย” นั้น เพราะสำนักงบฯบอกว่าระยะใช้งบฯมีแค่ 4 เดือนจึงเป็นคนตัดงบ ยืนยันมาเป็น รมว.กลาโหมก็ไม่ลืมจุดยืนเดิม ไม่ลืมตัวตนคนเดิมที่เคยอภิปรายไว้อย่างไร และที่ไม่ลืมที่สุดคือต้องการให้กองทัพทันสมัย เข้ามาพยายามทำทุกอย่าง แต่หลายอย่างต้องใช้เวลา และต้องใช้กลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยน จึงขอเวลาต้องพิสูจน์ต่อไป แต่ยืนยันไม่เข้ามาเพื่อซูเอี๋ยหรืออวยกองทัพ
ปชป.แหลงใต้งบ “เสดสา” มีแต่หนี้
ช่วงเย็น นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า 3-4 เดือนที่ประชาชนขึ้นเรือมากับรัฐบาลชุดใหม่ มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นกัปตันเรือ แต่สิ่งที่ปรากฏในร่าง พ.ร.บ.งบฯน่าผิดหวัง เป็นงบประมาณ “เสดสา” ภาษาใต้แปลว่า ลำบาก น่าเวทนา ด้วยเหตุผล 6 ข้อคือ 1.จัดงบฯไม่สอดคล้องนโยบายที่หาเสียง เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต รถไฟฟ้า 20 บาท แก้รัฐธรรมนูญ ค่าแรง 600 บาท และซอฟต์พาวเวอร์ 2.ไม่สมเหตุผลมีแต่รายจ่ายประจำกว่า 70% มีงบฯลงทุนแค่ 20% งบกลางกว่า 6 แสนล้านบาท 3.ไม่ตอบโจทย์วิกฤติประเทศด้านสิ่งแวดล้อม 4.ไม่กระจายสู่ท้องถิ่น ส่วนใหญ่ถูกจัดสรรไปที่ส่วนกลางและภูมิภาค 5.ไม่โปร่งใส ตรวจสอบยาก ประชาชนไม่มีส่วนร่วมเท่าที่ควร 6.ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น หากมีแต่การกู้เงินเพิ่ม ครบวาระสิ่งที่รัฐบาลจะฝากให้ประชาชนจดจำคือ หนี้ก้อนโตกับถุงเท้าสีชมพูเท่านั้น วันนี้ประชาชนขึ้นเรือมาทั้งที่เต็มใจและไม่เต็มใจ ทุกคนต้องจ่ายภาษีเพื่อขึ้นเรือ พอขึ้นมาแล้วกลับปล่อยให้เผชิญปัญหา ผลักบางคนลงจากเรือ ดูงบปี 67 แล้วกลัวเหลือเกินเรือลำนี้จะไม่ถึงฝั่ง อาจวนอยู่กับที่หรือล่มกลางทะเล เพราะหาเสียงไปทางหนึ่งแต่งบไปอีกทาง
ให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่นพิษ
ต่อมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งถึงการแก้ปัญหาสภาพอากาศว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกมิติ แม้เรื่องอากาศบริสุทธิ์ที่ทุกคนควรได้ก็เป็นหน้าที่รัฐบาลนำส่งสิ่งเหล่านี้ให้ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องฝุ่น PM 2.5 ที่ผ่านมาลงพื้นที่จ.เชียงใหม่หลายครั้ง ไปคุยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องแผนงานแก้ปัญหา มีเรื่องที่ต้องทำเยอะมาก รวมถึงการให้ความรู้ประชาชนทำการเกษตรที่ไม่ต้องเผา อย่างการปลูกข้าวโพดที่พอปลูกเสร็จแล้วต้องทำลายตอข้าว ซังข้าวโพด หรือเรื่องการเผาอ้อย ไม่อยากให้ทำเช่นนั้น และวันที่ 10-12 ม.ค.จะเดินทางไป จ.เชียงใหม่อีกรอบ เพื่อกำชับเรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องหาทางป้องกันช่วงไฮซีซันต้องมีหมอกควันน้อยลง ส่วนเรื่องพ.ร.บ.อากาศสะอาด เตรียมเข้าสู่การพิจารณาในสภา คาดว่าจะเสนอเข้าสภาวันที่ 11 ม.ค.นี้ ส่วนการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านที่มีเอกชนไปปลูกข้าวโพด เช่น ลาว พม่า เรามีการพูดคุยคาดโทษว่าถ้ามีการเผาข้าวโพดที่เก็บเกี่ยวไปแล้ว จะมีมาตรการภาษีมารองรับ เป็นเรื่องที่คุยกันอยู่ นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนเรื่องการใช้รถอีวี ให้มีการมาตั้งโรงงานรถอีวีในไทย เพื่อส่งไปทั่วโลก
ชูผลงาน “ภูมิธรรม” เกทับ “จุรินทร์”
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วันแรกว่า ก็ดีมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ได้พูดจาอธิบายกันในภาษาที่ดูเป็นการสร้างสรรค์พอสมควร อาจมีบ้างเล็กๆน้อยๆ เมื่อถามว่ามีการตั้งฉายาว่าเป็นงบฯเป็ดง่อยรู้สึกอย่างไร นายเศรษฐาตอบว่าดูเป็น 2 มิติ มิติแรกเรื่องของวาทกรรมกับเจตนารมณ์ เชื่อว่าเจตนารมณ์ผู้อภิปรายอยากให้เราไปปรับปรุงแก้ไขในวาระ 2-3 เป็นโอกาสที่เราจะเอาข้อเสนอแนะข้อติชมไปปรับปรุง ส่วนเรื่องเป็ดง่อยไม่แน่ใจว่ากลอนพาไปหรือเปล่า แต่มั่นใจว่าถ้าพูดถึงกระทรวงพาณิชย์ที่ท่านเคยดูแลอยู่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ในระยะเวลา 1 ปี ทำได้มากกว่าท่านทำมา 4 ปี เพราะเรื่องสนธิสัญญาการค้าระหว่างประเทศ เขตการค้าเสรี (FTA) เป็นที่ประจักษ์ว่าที่ผ่านมาง่อยหรือไม่ง่อย และที่เราทำตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มั่นใจในตัวรัฐมนตรีของเรา เป็นเรื่องของการใส่ใจ
ถกขากางเกงโชว์ถุงเท้าสีชมพู
ผู้สื่อข่าวถามว่า สส.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โจมตีว่ารัฐบาลชุดนี้จัดงบฯเดินตามรัฐบาลชุดที่ผ่านมามากไป นายเศรษฐาตอบว่าเรื่องของงบฯที่จริงแล้วมีที่มาที่ไปของมันและชัดเจนอยู่แล้ว แต่จะเดินตามหรือไม่เดินตามดูที่อะไรเป็นประโยชน์กับประชาชนมากจากรัฐบาลชุดที่แล้วเราก็ทำตาม อะไรที่ต้องปรับปรุงเราก็จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าไม่บรรจุเงินดิจิทัลไว้ในร่างงบฯ สวนทางที่พูดไว้ว่าจะไม่กู้ นายเศรษฐาตอบว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็น พ.ร.บ. กำลังรอข้อแถลงของกฤษฎีกาอยู่ ยังไม่แจ้งมา เดี๋ยวเจอจะถามความคืบหน้า เมื่อถามว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตรองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ตั้งฉายานายกฯเป็น “นักกู้ถุงเท้าสีชมพู” นายเศรษฐาตอบสวนว่า “ก็ใส่มาให้ท่านดูด้วย” นายเศรษฐากล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมดึงขากางเกงขึ้นให้เห็นถุงเท้าสีชมพู ก่อนจะกล่าวว่าเป็นสีสันไม่มีอะไร ทุกคนก็กู้หมด สำคัญว่ากู้แล้วมาทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ และทำอะไรมากกว่า “สีไหนก็ทำได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับการทำงาน”
“อุ๊งอิ๊ง” จัดระเบียบเซ็นเซอร์ใหม่
ช่วงบ่ายที่กระทรวงการต่างประเทศมีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประธานกรรมการคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติแถลงว่าที่ประชุมพิจารณาเรื่องการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ วันนี้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องปรับเปลี่ยนใน 3 รูปแบบ คือ 1.การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ทั้งสัดส่วน และองค์ประกอบ ให้เอกชนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น 2.แก้ไขกฎกระทรวง ที่อยู่ระหว่างรอฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน โดยจะแก้ไขกรณีภาพยนตร์ที่ห้ามฉายในประเทศไทย เหลือเพียงข้อกำหนดเดียวคือ มีเนื้อหาที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนประเด็นอื่น เช่น เรื่องศาสนา ความสามัคคี และเรื่องเพศสัมพันธ์ จะถูกจัดอยู่ในเรทผู้ชมที่เหมาะสม แทนการห้ามฉาย และ 3.การร่างกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.ภาพยนตร์ฉบับใหม่ ส่งเสริมให้สภาการสภาภาพยนตร์ไทยองค์กรใหม่ ภายใต้ทากา มาทำหน้าที่สนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ไปจนถึงการพิจารณาจัดเรทผู้ชมโดยภาคเอกชน
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่าในที่ประชุมยังมีการแต่งตั้งนายชานน สันตินธรกุล หรือนนกุล นักแสดงชื่อดัง เป็นอนุกรรมการฯ ในสาขาภาพยนตร์และซีรีส์ด้วย
ปฏิเสธไม่นั่งเก้าอี้ รมต.ตอนนี้
น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ที่มีชื่อเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีว่า “ไม่มีค่ะ” ตอนนี้ทำเรื่องซอฟต์พาวเวอร์และโครงการ 30 บาท ขอทำตรงนี้ให้เต็มที่ก่อน เรื่องอื่นยังไม่ได้รับมอบหมายอะไรจากนายกฯ ไม่มีเรื่องที่จะไปอยู่ใน ครม. เมื่อถามว่ากระแสดังกล่าวเกิดจากลูกพรรคที่อยากจะผลักดันหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ไม่ทราบว่าคำถามแรกมาจากไหน รู้ตามสื่อว่ามีชื่อเป็นรัฐมนตรีขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มี เมื่อถามว่าในใจไม่ได้อยากนั่งเป็นรัฐมนตรีใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า โฟกัสเรื่องซอฟต์พาวเวอร์และโครงการ 30 บาทตอนนี้มากๆ เพราะใจอยู่กับ 2 นโยบายนี้
ขอบคุณทุกคนที่ยังนึกถึง “พ่อ”
เมื่อถามว่าหลายคนมองว่าการเป็นหัวหน้าพรรคต้องมีตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย น.ส.แพทองธารหยุดนิ่งคิดก่อนย้ำว่า “ไม่มีค่ะ” เมื่อถามอีกว่ารู้สึกอย่างไรที่ยังถูกมองว่าประเทศไทยมีนายกฯ 2 คน น.ส.แพทองธารตอบว่า เป็นเรื่องเก่าแล้ว ประเทศไทยก็มีนายกฯคนเดียวคือนายเศรษฐา ทวีสิน กำลังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนตนคือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่การอภิปรายงบประมาณสะเทือนถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ น.ส.แพทองธารตอบุว่า รู้สึกเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เซอร์ไพรส์ ขอบคุณที่นึกถึง
“ครูมานิตย์” จวก “จุรินทร์” ผิดเวที
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า คิดว่าในสภาฯแยกแยะออก ยกเว้นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องประท้วงเพราะเห็นว่าเป็นนักการเมืองอาวุโส หากเป็น สส.รุ่นใหม่อภิปรายไม่ค่อยซีเรียส คนเคยเป็นรองนายกฯเป็นรัฐมนตรีอภิปรายเรื่องถุงเท้า เป็นสไตล์เดิมๆ ถ้าอยากอภิปรายมีเวทีอยู่แต่เวทีนี้ไม่เกี่ยวกับนายทักษิณ มีเรื่องเยอะแยะเกี่ยวกับงบฯ ทำไมต้องลากเรื่องนี้เข้ามาเจาะจง คนเดียว ท่านก็ไม่ได้มาเล่นการเมืองนานแล้ว อยากให้ความเป็นธรรมกับท่าน
รับหน้าชื่นองครักษ์ “ตระกูลชิน”
เมื่อถามว่าประท้วงเร็วไปหรือไม่ เพราะนายจุรินทร์ยังไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา นายครูมานิตย์ตอบว่า ยอมรับว่าเร็วไปนิด แต่คิดว่าประท้วงไว้ก่อน ส่วนจะถูกมองว่าเป็นองครักษ์หรือไม่ แล้วแต่มุมมอง แต่เป็นคนที่เราเคารพนับถือ พยายามเรียกร้องหาความเป็นธรรม 17 ปี อยู่ต่างประเทศ วันนี้กลับมาไทยยอมรับในกติกา เพียงแค่มีปัญหาเรื่องป่วย และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำเรื่องถูกต้องนำเข้าโรงพยาบาล ถามว่าเป็นองครักษ์หรือไม่ ตอบแบบไม่อายเลยว่าบางครั้งมีความจำเป็น เพราะนายทักษิณเป็นคนทำให้มายืนตรงนี้ เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรให้เรื่องนายทักษิณ ไม่เป็นที่คลางแคลงใจของประชาชน นายครูมานิตย์ตอบว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ตอบแทนไม่ได้ แต่ถ้ามีการพาดพิงต้องชี้แจงให้สังคมเข้าใจ พูดฝ่ายเดียวอาจทำให้สังคมสับสน
การันตี “รอย” เหมาะเลขาฯ สมช.
อีกเรื่อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการขอรับโอนย้าย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนอยู่ ถือว่า พล.ต.อ.รอยมีความเหมาะสม เมื่อถามว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาประชุม ครม.ในวันที่ 9 ม.ค.เลยหรือไม่ นายกฯตอบว่า เรื่องนี้ต้องขอไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ตามขั้นตอน คงไม่ใช่การประชุม ครม.คราวหน้านี้ และไม่แน่ใจว่า จะเป็นประชุม ครม.ครั้งถัดไปหรือไม่ เมื่อถามว่าพูดคุยใน สมช.เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ นายเศรษฐาตอบว่า ใช่ พูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้มีการต่อต้านจากลูกหม้อใน สมช. นายกฯตอบว่า “ไม่มีครับ พูดคุยกันรู้เรื่องแล้ว”
คิกออฟ 30 บาทรักษาทุกที่ 4 จว.
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ร้อยเอ็ด วันที่ 7 ม.ค. เพื่อเป็นประธานกิจกรรม Kick off “30 บาทรักษาทุกที่” ที่ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 อ.เมืองร้อยเอ็ด มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ร่วมคณะ ถือเป็นวันเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ และเปิดระบบออนไลน์ในอีก 3 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรี และนราธิวาส รวมเป็น 4 จังหวัดนำร่อง 4 ภูมิภาค ถือเป็นการปฏิรูประบบสุขภาพครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน บัตรประชาชนใบเดียวเข้าถึงการบริการได้ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เป็นนวัตกรรมบริการประชาชน ลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข
“ตรีชฎา”บอกปฏิวัติระบบ สธ.
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า นโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ถือเป็นการปฏิวัติการบริการประชาชนด้านสาธารณสุข ขณะนี้มีความพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ และวันที่ 7 ม.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะไปตรวจเยี่ยมความพร้อมระบบของ รพ.จตุรพักตรพิมาน รพ.จุรีเวช รพ.ร้อยเอ็ด ร้านยาเภสัชกร เซ็นทรัลแล็บ 101 และสหคลินิกบ้านคุณหมอ ก่อนเปิดคิกออฟนำร่องโครงการ 30 บาทรักษทุกที่ ที่ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ถือเป็นสัญญาประชาคมต่อยอดโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จากยุคพรรคไทยรักไทยสู่โครงการ 30 บาท อัปเกรดยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมถ้วนหน้า