ทำท่าจะลดความฮอตลงไปตามสภาพที่เป็นจริงแต่หันไปบูมเรื่องอื่นๆแทนอย่างการแก้หนี้นอกระบบก็เป็นประชานิยมอีกแบบหนึ่งที่สร้างความพึงพอใจหาคะแนนจากชาวบ้านได้ เพราะเป็นการช่วยเหลือให้หลุดจากการ “ค้าทาสยุคใหม่” ที่รัฐบาลประกาศให้เป็นวาระแห่งชาติ ด้วยแนวบูรณาการคือแก้อย่างครบวงจรถ้าทำได้ก็ทำให้ชาวบ้านหลุดพ้นจากความทุกข์สั่งสมมานานเป็นการล้างระบบที่เอารัดเอาเปรียบคนที่มีลมหายใจด้วยกันอย่างเลือดเย็น และเลวทรามตํ่าช้ามากหากสามารถแก้ให้ถึงที่สุดทำให้ชาวบ้านมีโอกาสที่จะเข้าถึง “เงิน” ได้ก็จะสร้างคุณูปการใหญ่หลวงเหมือนชุบชีวิตให้เกิดใหม่เลยก็ว่าได้ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะทำกันได้แค่ไหนในขณะนโยบายประชานิยม “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจกหัวละหมื่นที่รัฐบาลเลือกจะใช้วิธีการหาเงินมาดำเนินการถึง 5 แสนล้านบาท ด้วยการออก พ.ร.บ.เงินกู้ ซึ่งจะต้องผ่านกรรมวิธีหลายอย่าง เริ่มจากกฤษฎีกาจะชี้ว่าทำได้หรือไม่ได้แล้วยังต้องให้สมาชิกรัฐสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน แม้รัฐบาลจะมีเสียงสนับสนุน 320 เสียงก็ตามเพราะแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลตอบตรงกันว่าพร้อมสนับสนุน แต่ต้องถูกกฎหมายเอาแค่ด่านกฤษฎีกาชี้ผลออกมาก็พอรู้คำตอบแล้วว่าไปต่อได้หรือไม่?เวลานี้รัฐบาลยังไม่ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้กฤษฎีกาพิจารณา เพราะต้องดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนด้วยเหตุและผลเพื่อมุ่งหวังให้กฤษฎีกาเห็นชอบด้วยมิใช่เพียงแค่นี้เท่านั้นอุปสรรคที่ก้าวผ่านไปได้นั้นยังมีกฎหมายที่สามารถเอาผิดกับผู้ดำเนินการ หากเข้าข่ายอย่างเช่นกฎหมายว่าด้วยการเงินการคลังมีโทษถึง “ติดคุก” ด้วยที่น่าสังเกตเวลานี้ก็คือฝ่ายรัฐบาลที่เคยผลักดันอย่างเป็นทีม กลับค่อยเงียบหายไป ไม่ค่อยมีใครจะพูดถึงกันนักแม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีก็เหอะ...แทบจะไม่ได้ยินเสียงหรือกระแอมกระไอนโยบายนี้ ขนาดไปต่างจังหวัดที่ชาวบ้านขึ้นป้ายเชียร์เรื่องนี้ร้องขอว่าเมื่อไรจะได้นายกรัฐมนตรียังไม่เหลือบตามองด้วยซ้ำไป!ก่อนหน้านี้ขนาดสู้หัวชนฝาบอกว่าไทยเกิด “วิกฤติเศรษฐกิจ” ทั้งๆที่ผู้เชี่ยวชาญพูดตรงกันว่าไม่วิกฤติที่ตัวเลขจีดีพีลดต่ำลงนั้นก็เพราะรัฐไม่มีการลงทุนเนื่องจากอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทำนโยบายไม่ทันจึงไม่มีการลงทุนในโครงการต่างๆก็เท่านั้น...ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเท่าที่ดูจากรูปการณ์ต่างๆแล้วรัฐบาลคงจะไม่ผลักดันเต็มรูปแล้ว แต่ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของมันคือได้ก็ทำ ไม่ได้ก็ไม่ทำเพราะฝืนโลกฝืนความจริงไม่ได้...ดีไม่ดีติดคุกเอาด้วย!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม