การเลือกตั้ง ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ 2540 ฉบับประชาชน ส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความราบรื่น แม้จะต้องกาบัตรถึง 2 ใบ เพื่อเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขตใบหนึ่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออีกหนึ่งใบ แต่ชาวบ้านไม่สับสน เพราะทั้งคนและพรรคได้หมายเลข (เบอร์) เดียวกัน แต่ การเลือกตั้ง 2566 อาจมีปัญหาเรื่องบัตร

เลขาธิการ กกต. นายแสวง บุญมี ชี้แจงว่า การเลือกตั้งปีนี้ใช้บัตร 2 ใบ คือบัตรเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต มีเฉพาะหมายเลขของผู้สมัคร แต่ไม่มีโลโก้พรรค และชื่อพรรค ชาวบ้านเรียกว่า “บัตรโหล” ส่วนบัตรเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีหมายเลขผู้สมัคร มีสัญลักษณ์ของพรรค และชื่อพรรคด้วย

มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะการใช้ “บัตรโหล” เลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเสรีรวมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเตือนว่า บัตรที่ไม่มีโลโก้พรรคและชื่อพรรค ซ้ำยังใช้หลักพรรคเดียวกัน แต่คนละเบอร์ ทำให้ชาวบ้านสับสน

นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอให้ กกต.ทบทวน ให้พิมพ์โลโก้พรรคและชื่อพรรคในบัตรเลือกตั้ง เพื่อป้องกันความสับสนและบัตรเสีย อีกทั้งอาจทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบต่อพรรคต่างๆ ทั้งยังมีกฎหมายยกเลิกหลักการ “พรรคเดียวกันเบอร์เดียวกัน”

ผู้คัดค้านการใช้บัตรโหลอีกท่านหนึ่ง คือ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เป็นห่วงว่าการพิมพ์บัตรเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง แบบเดียวกันแต่ใช้ได้ถึง 400 เขตทั่วประเทศ อาจทำให้เกิดการทุจริตเลือกตั้งได้ ถ้าพิมพ์บัตรเกิน จะสามารถนำบัตรไปใช้ได้ในทุกเขต เกิดบัตรเขย่งเหมือนปี 2562

กกต.มีอำนาจหน้าที่ในการดูแล ให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จะต้องใช้ความรอบคอบอย่างยิ่งยวด ไม่ให้เกิดการระแวง หรือการกล่าวหาพรรคใดพรรคหนึ่งได้เปรียบหรือเสียเปรียบ หรือมีการทุจริตในการเลือกตั้ง แม้แต่การยกเลิกหลักการ “พรรคเดียวเบอร์เดียว” เป็น “พรรคเดียวคนละเบอร์”

...

ก็อาจก่อให้เกิดความสับสนในการเลือกตั้ง ยิ่งถ้ามีการกล่าวหาทุจริต ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะต้องมีการร้องเรียนต่อองค์กรที่เกี่ยวข้อง หวังว่าทุกฝ่ายจะจดจำบทเรียน อดีตกรรมการ กกต.หลายคนถูกศาลพิพากษาให้จำคุกด้วยความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆแค่ให้ผู้เลือกตั้งหันหน้าหรือหันหลังให้เจ้าหน้าที่.