คำว่า โลภะ พระท่านแปลว่า ความโลภ ความอยากได้ เป็นกิเลสอย่างหนึ่งใน กิเลสใหญ่ 3 อย่าง คือโลภะ โทสะ โมหะ โลภะเกิดจากตัณหาคือความทะยานอยากได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำให้จิตหิวโหยอยากได้ เกิดความดิ้นรน อยู่ไม่เป็นสุข หากหยุดยั้งไม่ได้ ก็จะเป็นต้นเหตุให้ดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่อยากได้มาสนองความต้องการ เมื่อไม่ได้โดยวิธีชอบธรรม ก็นำไปให้ทำความไม่ดีงามต่างๆ โลภะเป็นอันตรายแก่ธรรมทั้งปวง คือ เป็นตัวทำลายศีลธรรม มโนธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม สามัคคีธรรม ยุติธรรม และธรรมชาติ

ไม่น่าเชื่อว่า “โลภะ” ตัวเดียว จะทำอันตรายต่อสังคมส่วนรวมได้มากขนาดนี้

การประชุม ครม.เมื่อวันอังคาร ทุกสื่อเสนอข่าวตรงกันว่าช่วงพักเบรกการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลรวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา 3 ป. เข้าร่วมหารือเรื่อง สูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้ 100 หาร หรือใช้ 500 หาร โดยร่างกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.ของรัฐบาล ก็ระบุให้ใช้ 100 หาร ตามจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อที่มี 100 คน

แต่ผลจากการที่ คุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ได้รับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าฯ กทม. ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นแบบ แลนด์สไลด์กว่า 1.3 ล้านเสียง เลยทำให้เกิด “ความกลัว” ว่า พรรคเพื่อไทย ที่มี คุณอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัว จะชนะการเลือกตั้งทั่วไปแบบแลนด์สไลด์ จึงมี ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เสนอใช้ ส.ส.ทั้งสภา 500 คน มาหารจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งที่ใช้บัตรเลือกตั้งคนละใบคนละเขต ตามร่างเดิมก็ใช้ 100 หาร ตามจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ

รายงานข่าวบอกว่า นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเป็นรายคน เริ่มตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า เอาแบบ 100 หาร แต่ตอนหลังข่าวว่าจะเปลี่ยนใจ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เอาแบบ 500 หาร คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ก็เอาแบบ 500 หาร พรรคร่วมอื่นก็เอา 500 หาร แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ก็แจ้งว่า ตัวเองก็เห็นด้วยกับสูตร 500 หาร รายงานข่าวบอกด้วยว่า นายกฯได้พูดว่า ไม่ว่าจะออกเป็นสูตรใด ก็ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความอยู่ดี

...

ความจริง ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทุกร่างที่รัฐสภารับหลักการไปแล้ว ให้หารด้วย 100 เพราะ ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนการเลือกตั้งจาก “บัตรใบเดียว” เป็น “บัตรสองใบ” แยกกันระหว่าง บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต 400 คน กับ บัตรเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยหลักการความยุติธรรมก็ต้องใช้ 100 หาร จะไปเอาคะแนน ส.ส.เขต 400 คน มาร่วมหารด้วยไม่ได้ การคิดแบบศรีธนญชัยไม่ควรเกิดขึ้นอีก สังคมไทยมีความศิวิไลซ์เจริญแล้ว อย่าสร้างตัวอย่างที่ไม่ดีกับเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติเลย แม้ทำสำเร็จ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่ประเทศชาติก็จะบอบช้ำเสียหายมาก

ผมเห็นด้วยกับบทวิเคราะห์ของ คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ อดีตเลขาธิการ กสทช. ที่ประเมินว่า การเลือกตั้งต้นปีหน้า ขั้วประชาธิปไตยมีโอกาสที่จะได้ ส.ส.มากกว่า 250 คน จาก ส.ส.ทั้งหมด 500 คน ในสภา ขั้วอำนาจเก่าต้องการ ส.ส.แค่ 126 คน บวกกับ ส.ว.250 คน ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาล แต่ประเทศจะไปไม่ได้ หากฝ่ายประชาธิปไตยได้ ส.ส.มากกว่า 250 คน ก็จะได้ตำแหน่ง ประธานสภาผู้แทนฯ และ ประธานรัฐสภา โดยตำแหน่ง

เมื่อ ฝ่ายประชาธิปไตยได้เสียงข้างมาก และ ฝ่ายรัฐบาลมีเสียงข้างน้อย การเสนอกฎหมายก็จะลำบาก ส.ว.250 เสียง ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ประเทศชาติจะเสียหาย

อยากถามใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้ตรงนี้ ท่านอยากเห็นประเทศชาติอันเป็นที่รักของเรา ต้องเป็น “เป็ดง่อย” เพราะมีคนบางคนละเมิดกติกาประชาธิปไตยหรือ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”