เปิดฉากซักฟอกวันแรก ฝ่ายค้านดาหน้าถล่มเน้นๆ “บิ๊กตู่-เสี่ยหนู” “สมพงษ์” ฉะผู้นำไร้ภูมิปัญญา ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้ความสามารถปล่อยทุจริต แสวงหาประโยชน์ เอาดีใส่ตัวโยนชั่วให้ประชาชน คนโง่มีอำนาจคือภัยอันตรายร้ายแรง ซัด “อนุทิน” คุยโม้โอ้อวด “ประเสริฐ” งัดข้อมูลสาวไส้งาบส่วนต่างซิโนแวค 2 พันล้าน หวดดูโอ “ตู่-หนู” ค้าความตาย “เสรีพิศุทธ์-ประยุทธ์” ฟาดปากกันพอหอมปากหอมคอ “ศิริกัญญา” กระหน่ำคลั่งอำนาจ-ยัดหนี้ให้ประชาชน อภ.ถึงกับเต้นโต้ไม่มีส่วนต่าง แฉวงใน พปชร. ระส่ำ “ตู่” ขึงขังจะเอาใครเป็นนายกฯ “ธรรมนัส” บี้หนักยึดโควตา มท.1 คืนพรรค ปชป.สั่ง ส.ส.ห้ามแหกคอก
ฝ่ายค้านเปิดฉากถล่มวันแรก จัดเต็ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ตามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล พุ่งเป้าบริหารวิกฤติโควิดล้มเหลว จนบานปลายเป็นวิกฤติชาติ พร้อมแฉส่วนต่างจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคกว่า 2 พันล้านบาท
“บิ๊กตู่” ยอมรับไลน์หา “พี่ใหญ่”
...
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันแรก ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีข่าวส่งไลน์ถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงข่าว ส.ส.ในพรรคร่วมรัฐบาลกดดันโหวตคว่ำ โดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบ แต่พยักหน้าหลายครั้งในเชิงยอมรับ เมื่อถามย้ำว่าพร้อมชี้แจงแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ตอบสั้นๆว่า “ก็พร้อมนะ”
ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเช่นกัน พร้อมกับชู 2 นิ้วแสดงความมั่นใจ
“บิ๊กป้อม” ลั่นให้เชื่อพี่คนเดียว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการเข้าพบนายกฯเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า เป็นการแชร์ข้อมูลให้ตรงกันในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เมื่อถามว่ากังวลอะไรหรือไม่ นายอนุทินตอบว่าเตรียมตัวมาเต็มที่ เมื่อถามว่าดูเหมือนพรรคพลังประชารัฐมีท่าทีขย่มพรรคภูมิใจไทยตลอดเวลา นายอนุทินย้อนถามว่า ทำไมใช้คำพูดอย่างนี้ ที่ผ่านมาเราพูดคุยกันมาตลอดกับ พล.อ.ประวิตร “ผมเป็นคนโทร.เข้าไปกลางวงที่ประชุมสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เสียงนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เป็นผมเอง โทร.เช็กกันว่าโอเคเรียบร้อยไหม ท่านให้ความมั่นใจ บอกว่าให้เชื่อพี่คนเดียวเลยไม่ต้องคุยกับใคร นี่คือคำพูดของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่บอกกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เราก็ต้องเชื่อ ถ้าไม่เชื่อแล้วเราจะเชื่อใคร” เมื่อถามว่าถ้าหลังจากนี้แล้วมีปัญหาเกิดขึ้น พล.อ.ประวิตรจะรับผิดชอบอย่างไร นายอนุทินตอบว่าไม่มีหรอก สปิริตมันมากกว่าความรับผิดชอบ เอาน่ะ เดี๋ยวคอยดู
พบนายกฯไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การเข้าพบนายกฯไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ขอให้รอฟังการอภิปรายดีกว่า ในส่วนของตนพร้อมชี้แจง ส่วนกระแสข่าวว่าถูกพรรคพลังประชารัฐขี่ตลอดนั้น ไม่เป็นไร พร้อมชี้แจง เมื่อถามย้ำว่ากังวลเรื่องการลงมติหรือไม่ว่าจะเหมือนครั้งที่แล้ว นายศักดิ์สยามตอบว่า เดี๋ยวรอฟังการชี้แจงก่อน
ร่วมรัฐบาลด้วยกันต้องไว้ใจกัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่ออยู่ร่วมรัฐบาลด้วยกันต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน การตัดสินใจต้องไปในทิศทางเดียวกัน เรายึดถือปฏิบัติกันมาในระบบรัฐสภา เมื่อถามว่าผลมติที่ออกมาจะกระทบกับตำแหน่งของรัฐมนตรีของพรรคหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่าไม่มีอะไรต้องกังวล พูดหลายครั้งแล้วว่าเรื่องการปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกฯ ขณะนี้ นายกฯไม่ได้ส่งสัญญาณ
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04af9hiYlVLHpi0gCTAKaDGOb1zivY7B.jpg)
ฝ่ายค้านไม่สนตกเป็นเครื่องมือ
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านมีความพร้อมที่สุดในข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คิวรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายเริ่มต้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทิน คาดว่าคงใช้เวลาเกือบ 3 วัน จากนั้นถึงเป็นรัฐมนตรีรายอื่นๆ เนื้อหาจะเริ่มตั้งแต่เรื่องโควิด-19 จนถึงการทุจริตต่างๆ ยืนยันว่าทุกคนมีความพร้อม เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะถูกยืมมือไปใช้ในการเลื่อยขากันเองในพรรคใหญ่หรือไม่ นายสุทินตอบว่าก็เป็นไปได้ ในการอภิปรายทุกครั้งรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เล่นงานกันเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่สุดวิสัย ถ้ามองในแง่ดีใครเป็นจุดอ่อนก็ถูกอภิปราย เราก็มองแบบนั้นเหมือนกัน ดังนั้นไม่เหนือความคาดหมาย
“สมพงษ์” ปล่อยไก่พูดชื่อผู้นำผิด
ต่อมาเวลา 09.0 น. เริ่มการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน และคณะเป็นผู้เสนอ แต่ปรากฏว่า ผ่านไป 45 นาที ยังไม่สามารถเปิดประชุมได้ กระทั่งเวลา 09.50 น. หลังผ่านไป 50 นาที มี ส.ส.ลงชื่อครบองค์ประชุม 242 คน จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 482 คน จึงเริ่มประชุมได้ โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน อ่านญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล แต่ปรากฏว่าปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเมื่ออ่านชื่อผิดจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” อดีตนายกฯ และยังพูดชื่อผิดอีกว่า “พล.อ.ประยุทธ์ ยงใจยุทธ” ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้านที่นั่งอยู่รอบๆทำหน้าเลิ่กลั่ก จนนายสมพงษ์รู้ตัวจึงเอ่ยขอโทษ พร้อมแก้ชื่อเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คนโง่ได้อำนาจคือตัวอันตราย
นายสมพงษ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลไร้ภูมิปัญญา ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ ไร้ความสามารถเป็นหัวหน้ารัฐบาล บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว เสียหายร้ายแรงทุกด้าน ใช้อำนาจหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย มติ ครม.สั่งการลักษณะกลืนน้ำลายตัวเอง ปล่อยปละละเลยมาตรการป้องกันการระบาดเชื้อโควิด-19 จัดหาวัคซีนไม่โปร่งใส ปล่อยให้มีการทุจริต แสวงหาประโยชน์ พฤติการณ์ พล.อ.ประยุทธ์มีลักษณะค้าความตาย คิดการใหญ่โตสร้างกำไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข กอบโกยผลประโยชน์บนซากศพและคราบน้ำตาประชาชน และยังลุแก่อำนาจใช้กำลังปราบปรามประชาชนที่ออกมาชุมนุมอย่างรุนแรงตามนิสัยถนัด ใช้จ่ายงบประมาณจัดซื้ออาวุธของกองทัพต่อเนื่อง การที่ประชาชนติดเชื้อเสียชีวิตจำนวนมาก เป็นผลจากความไร้ภูมิปัญญา ไม่ยึด ประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง ใจดำ ทรยศความไว้วางใจจากประชาชน จากความโอหังและเสพติดอำนาจ ทำให้อยู่ในสภาพคนเป็นโรคโอหังคลั่งอำนาจ ไม่อยู่ในภาวะเป็นผู้นำประเทศ หากปล่อยให้บริหารประเทศต่อไป จะนำมาซึ่งความหายนะ ที่กล่าวกันว่า “ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด” เพราะคนโง่คือภัยอันตรายร้ายแรง เมื่อได้กลายเป็นผู้มีอำนาจ
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04af9hiYlVLHpi0gCTl4rhr4fZ96sDVv.jpg)
ทีมองครักษ์ตีรวนกันแต่หัววัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสมพงษ์อ่านญัตติไปได้ไม่เท่าไหร่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ตีรวนประท้วงเป็นระยะ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุมวินิจฉัยว่าเป็นการพูดตามญัตติ ไม่ขัดข้อบังคับ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย จึงลุกขึ้นกล่าวว่า โดยมารยาทเมื่อผู้นำฝ่ายค้านอ่านญัตติจะไม่ประท้วงกัน แต่ผู้แทนก้าวเขย่งไม่รู้มารยาท ก่อนที่นายชวนจะรีบตัดบทให้นายสมพงษ์อ่านญัตติต่อไป
กระหน่ำ “เสี่ยหนู” คุยโม้โอ้อวด
นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า สำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ขาดความรู้ ไร้ความสามารถดูแลงานสาธารณสุข มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ประเมินความรุนแรงของโรคผิดพลาดร้ายแรง ทำให้เวลา 4 เดือน มีประชาชนติดเชื้อสะสมเกือบ 9 แสนคน มีผู้เสียชีวิตกว่า 7,000 คน ไม่มีสถานพยาบาลเพียงพอรักษาผู้ป่วย บางรายนอนเสียชีวิตกลางถนนหรือในบ้าน ระบบสาธารณสุขประเทศล้มเหลวสิ้นเชิง แต่กลับแสวงหาผลประโยชน์จากการจัดหาวัคซีน กระจายวัคซีนบนคราบน้ำตาและความเป็นความตายประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเป็นการอ่านตามญัตติที่ขอเปิดอภิปรายรัฐมนตรีในส่วนที่เหลือ ได้แก่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
พ่นเอาดีใส่ตัวชั่วให้ประชาชน
นายสมพงษ์กล่าวสรุปญัตติว่า ประเทศไทยมาถึงจุดวิกฤติ เป็นวิกฤติผู้นำรัฐบาลโอหังคลั่งอำนาจ บริหารจัดการล้มเหลว มีแต่แถลงตำหนิประชาชน บริหารงานด้วยปาก พ่นคำพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้ประชาชน หลงตัวเอง แก้ปัญหาแบบเก่งคนเดียว ขับเคลื่อนการทำงานแล้วถูกด่า ประชาชนต้องด่า ด้วยความคับแค้น แต่ผู้นำยังยิ้มแย้มจ๊ะจ๋าได้ตลอด เพราะไม่มีประชาชนอยู่ในหัวใจ ใจดำ ไร้หัวใจเป็นมนุษย์ เป็นคำอธิบายชัดเจนที่สุด การบริหารราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ทุก 7 นาที มีคนไทยต้องตายเพราะบริหารโควิดล้มเหลว เกิดความสูญเสียวันละ 8 พันล้านบาท เหตุใดวัคซีนประสิทธิภาพต่ำจึงแพงกว่าวัคซีนประสิทธิภาพสูง แต่ยังดื้อดึงสั่งซ้ำซากจนมีคำกล่าวหาไม่โง่ก็คงโกง ต้องตอบให้ได้ว่าคนของท่านมีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตประชาชน เป็นรัฐบาลกล้าค้าความตายกับประชาชน ควรพิจารณาลาออกจากความบกพร่องทางสติปัญญา อารมณ์ของผู้นำ ขอให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเข้าใจว่าผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ คือความอับอายของประเทศ ไม่สามารถนำพาประเทศพ้นวิกฤติได้ ไม่ใช่ผู้นำอนาคตที่เป็นความหวังลูกหลาน เป็นได้แค่สิ่งไร้ค่า ไร้ความหมายในความทรงจำของคนรุ่นต่อไป
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04af9hiYlVLHpi0gCTmRS9Wxvv6u8HAY.jpg)
สาวไส้ส่วนต่างซิโนแวค 2 พัน ล.
ต่อมานายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า มีหลักฐานจากข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ทนไม่ไหวมอบข้อมูลการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค ที่แสดงให้เห็นถึงแผนการนำเข้าราคาซื้อต่อโดส และราคาที่ ครม.อนุมัติ พบว่าการจัดซื้อครั้งที่ 1 มีแผนการนำเข้า 2 ล้านโดส นำเข้าได้จริง 1.9 ล้านโดส ราคาตามที่ ครม.อนุมัติ 17 เหรียญสหรัฐฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 17 เหรียญฯต่อโดส จัดซื้อครั้งที่ 2 ราคาตามที่ ครม.อนุมัติ 17 เหรียญฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 15 เหรียญฯต่อโดส จัดซื้อครั้งที่ 3 ราคาตามที่ ครม.อนุมัติ 17 เหรียญฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 14 เหรียญฯต่อโดส จัดซื้อครั้งที่ 4 ราคาตามที่ ครม.อนุมัติ 17 เหรียญฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 9.5 เหรียญฯต่อโดส และจัดซื้อครั้งที่ 5 ราคาตามที่ ครม.อนุมัติ 17 เหรียญฯต่อโดส ราคาซื้อจริง 9 เหรียญฯต่อโดส จากข้อมูลทั้งหมดพบว่าราคาตามที่ ครม.อนุมัติในการจัดซื้อทั้ง 5 ครั้ง คือ 331,500,000 เหรียญฯ คิดเป็น 10,846,680,000 บาท ส่วนราคาที่จัดซื้อจริงคือ 267,364,000 เหรียญฯ คิดเป็นเงินบาท 8,748,150,080 บาท ทำให้เกิดส่วนต่างในการจัดซื้อทั้งสิ้น 2,098,529,920 บาท ข้อมูลนี้ตรงกับบันทึกการประชุมของคณะอนุกรรมา– ธิการเพื่อการแก้ไขปัญหาการคุ้มครองผู้บริโภค ในกมธ.คุ้มครองผู้บริโภคสภาฯ
หวดดูโอ “ตู่–หนู” ค้าความตาย
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า อยากถามว่าเงินส่วนต่างหายไปไหน นอกจากนี้ การทำสัญญากับบริษัท แอสตราเซเนกา ยังเป็นสัญญาผูกขาดตัดตอน ขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทำให้รัฐเสียเปรียบ ยังมีหลักฐานว่า พล.อ.ประยุทธ์กระทำการมิบังควร แอบอ้างพาดพิงสถาบันในการจัดซื้อวัคซีนด้วย แทงม้าตัวเดียวทำสัญญาแบบที่คนไทยได้ฉีดวัคซีนที่สามารถผลิตเอง น้อยกว่าคนต่างประเทศ ขอกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน จงใจปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติ ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ร่วมกันจัดหาและจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคส่อไปในทางทุจริต ไม่โปร่งใส เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง แสวงหาประโยชน์บนความตายของประชาชน กีดกันวัคซีนอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า มีพฤติกรรมค้าความตาย ถ้าอยู่ต่อ เกรงว่าประเทศจะเสียหายมากกว่านี้
ฟาดยับซื้ออาวุธใช้ปราบเด็ก
จากนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า 8 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กู้เงินมา 5.3 ล้านล้านบาท มากกว่านายกฯทุกคน กู้มาโดยไม่ต้องใช้หนี้ ใครมาเป็นนายกฯต่อต้องใช้หนี้แทน เงินที่กู้มาส่วนหนึ่งเอาไปทำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ม.33 เรารักกัน, คนละครึ่ง กู้มาซื้อเสียงล่วงหน้าหวังสืบทอดอำนาจต่อ เป็นมา 7 ปียังไม่พออีกหรือ ต้องรู้จักพอบ้าง จัดงบฯปรนเปรอแต่กองทัพใช้เป็นฐานค้ำจุนอำนาจ 7 ปีมานี้กระทรวงกลาโหมได้งบฯทั้งหมด 1.7 ล้านล้านบาท มากกว่ากระทรวงอื่นๆ เอาไปซื้ออาวุธเก่าๆ ที่ไม่จำเป็น เช่น โครงการอากาศยานไร้คนขับ พอเผลอก็ซื้อเรือดำน้ำ เอาอาวุธที่ซื้อจากภาษีประชาชนมาเป็นเครื่องมือปราบปรามประชาชนเยาวชนที่ออกมาขับไล่ มีการสั่งตำรวจปราบฯยิงแก๊สน้ำตา ลิดรอนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน
“บิ๊กตู่” เย้ยให้ไปหาใบเสร็จมา
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม รีบชี้แจงทันทีว่า ที่กล่าวหาว่าจัดทำงบฯเพื่อซื้อเสียงล่วงหน้านั้น ไม่เคยทำ ไม่เคยคิด ส่วนการจัดซื้ออาวุธเป็นการจัดหาตามความจำเป็น ซื้อแค่ 1 ใน 3 ถ้าไม่มีทหาร ไม่มีอาวุธ เกิดอะไรขึ้นวันข้างหน้าก็รับผิดชอบด้วย หรือที่บอกว่าใช้อำนาจกับเยาวชน ถามว่าใช่ที่ที่ควรไปหรือไม่ ไม่เห็นตำรวจใช้อาวุธจริงสักคน มองไม่ออกหรืออันไหนอาวุธจริง อาวุธปลอม กระสุนจริง กระสุนปลอม มีแต่ตำรวจถูกยิงทุกวัน แล้วมาบอกตำรวจใช้ความรุนแรง อย่าไปเลือกดูภาพในโซเชียล ยืนยันไม่ได้สั่งการให้ตำรวจใช้อาวุธจริง คอยดูต่อไปว่าใครเป็นผู้ทำให้เรื่องเกิดขึ้น ด้วยแรงสนับสนุนจากใคร เรื่องเงินทอนจัดซื้อวัคซีนนั้น ให้ไปหามาว่าใครได้ ยอมรับการตรวจสอบทุกชนิด สวดมนต์ทุกวันจะไม่ทำอะไรผิด ความจริงยังไม่ถึงเวลาต้องชี้แจง แต่ต้องพูดเพราะเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เป็นรุ่นพี่ แต่ตำหนิน้องมากไปหน่อย “ผมพูดจากหัวใจ จากสมองที่ท่านบอกว่าน้อยนิดของผม แต่อย่าลืมว่าผมมีประสบการณ์ 6-7 ปีมาแล้ว นี่คือความแตกต่างที่ผมอาจรู้มากกว่าท่าน ที่เป็นแค่อดีต ผบ.ตร. ผมเป็นนายกฯนะ”
คลั่งอำนาจ–ยัดหนี้ให้ประชาชน
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้คลั่งอำนาจ พาเศรษฐกิจชาติลงเหว ทำให้ประเทศไทยติดอันดับโลกชาติที่ฟื้นตัวจากโควิดช้าที่สุดในโลก ตามดัชนีนิเคอิ เอเชีย (Nikkei asai) ไทยอยู่อันดับที่ 120 คืออันดับสุดท้าย เราอยู่กับโควิดมาเกิน 18 เดือน มีคนตกงานรวม 3.4 ล้านคน ยังไม่รวมเด็กจบใหม่ที่หางานทำไม่ได้อีก 2.9 แสนคน ตั้งแต่ปี 2563-2565 รายได้ประชาชนหายไปเกือบ 3 ล้านล้านบาท ที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เรียกว่าหลุมรายได้ ล้วนเป็นผลจากการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลนี้ ที่ผ่านมากู้ไปแล้ว 1.5 ล้านล้านบาท แต่ใช้สะเปะสะปะไร้ทิศทาง สิ่งที่รัฐบาลหยิบยื่นให้วันนี้ คือหนี้ แต่แน่นอนยังมีคนมีรายได้เพิ่ม ครึ่งปีแรกกำไรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 14% หลายภาคธุรกิจเริ่มฟื้นตัวแต่แทบไม่ได้จ้างงานเพิ่มขึ้นเลย และลงทุนลดลง 50% สรุปวิกฤติครั้งนี้คือวิกฤติของคนจนชัดๆ เพราะแบบนี้ใช่หรือไม่ที่ยังมีคนได้ประโยชน์อยู่ นายกฯจึงเพิกเฉยต่อปัญหารายได้ของประชาชนรากหญ้า
งูเห่าสีส้มกุลีกุจอปกป้อง “ลุงตู่”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการอภิปรายเริ่มมีสีสันเมื่อ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ใช้ลีลาการอภิปรายหวือหวา โจมตีการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงทั้ง “น่าทุเรศสิ้นดี-นายกฯเป็นคนวิปริตชอบใช้กำลังติดอาวุธ ตำรวจทหารกว่า 6 พันนายปกป้องบ้านตัวเอง-นายกฯทำงานเวิร์กฟรอมโฮม น่าบัดสีสิ้นดี-หน้าด้านหน้าไม่มียางอาย” จนทีมองครักษ์ อาทิ นายนิโรธ สุนทร-เลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ งูเห่าพรรคก้าวไกล นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ผลัดกันลุกขึ้นประท้วง สุดท้ายนายมงคลกิตติ์ยอมถอนคำพูดเสียดสีทั้งหมด
ขู่จับ “ประยุทธ์-อนุทิน” ยัดคุก
กระทั่งช่วงเย็น ส.ส.ฝ่ายค้านยังคงอภิปรายพุ่งโจมตีความล้มเหลวการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด ของ พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ที่ไร้ความสามารถ ไร้ภูมิปัญญา ปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันจำนวนมาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นำทีม ส.ส.เพื่อไทย ที่ใส่ สูทผูกเนกไทสีดำยืนไว้อาลัยท่องบทแผ่เมตตาให้ผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด ก่อนอภิปรายว่า นายกฯและนายอนุทินบริหารผิดพลาดร้ายแรง มีมูลเหตุจากการไร้ภูมิปัญญา การโอหังคลั่งอำนาจ เป็นโรคหลงตัวเองว่าเก่งที่สุด ความเสียหายที่เกิดขึ้นวันนี้เรียกว่าไม่โง่ก็โกง
ไม่กล้าเรียก พล.อ.ประยุทธ์
เป็นผู้นำประเทศ เพราะเป็นแค่ผู้สั่งการ ไร้ภาวะผู้นำ ในภาวะวิกฤติ สื่อสารทีไรวงแตกทุกครั้ง น่าสังเกตตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงผิดปกติในช่วงที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการกดตัวเลขการตรวจไว้ที่ 4-5 หมื่นคน ต่อวัน แต่ยังเจอการติดเชื้อหมื่นกว่าคน ตรวจน้อยแต่มาบอกว่าตัวเลขลดลง สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว หลังอภิปรายจะเอา พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทินเข้าคุก ข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ มีพฤติการณ์ฉ้อฉลทุจริต เลือกปฏิบัติ ไม่สร้างการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน หลังอภิปรายจะยื่นต่อ ป.ป.ช. ส่งต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และร้องไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย ถ้านายกฯลาออก 3 เดือนหลังจากนี้ จะเป็นวีรบุรุษต่อทุกคน
สอนมารยาทสำเนียงส่อภาษา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลุกขึ้นชี้แจงอีกครั้งว่า ยืนยันระบบสาธารณสุขไทยไม่ได้ล้มเหลว แต่มีมาตรการควบคุมแต่ละช่วงแตกต่างกัน เรื่องชุดตรวจ ATK ยืนยันไม่เคยสั่งการให้ซื้อชุดเอทีเคที่ผ่านการรับรองจาก WHO ไม่ได้พูด ถอดเทปการประชุมดูได้ไม่มี การช่วยเหลือช่วงแรกอาจมีการตกหล่น เพราะโรงพยาบาลเต็ม แต่พัฒนาแก้ปัญหาจนดีขึ้น ไม่มีการปกปิดยอด เสียใจที่มีการสูญเสียไม่มีใครอยากให้เกิด ไม่อาจไปค้าความตาย อย่าใช้คำพูดเว่อร์เกินไป เข้าใจหัวอกครอบครัวที่สูญเสีย ตนไม่สามารถไปสั่งการให้ฉีดวัคซีนอย่างไรก็ได้ ให้ฟังหมอด้วย วันนี้ต้องอยู่กับโควิดให้ได้ จึงมีมาตรการคลายล็อกตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ให้เศรษฐกิจและสุขภาพเดินไปด้วยกัน การตัดสินใจยึดหลักการ สถิติ ไม่ได้ตัดสินใจเอง ไม่เคยสั่งการลับ ไม่เคยทุจริต ที่บอกว่ารวบอำนาจเป็นการโอนอำนาจแค่ชั่วคราว ไม่ใช่อะไรก็เป็นเรื่องฉุกเฉินตลอด ถ้าเป็นเช่นนั้นบ้าแล้ว เรื่องแทงม้าตัวเดียว ไม่เข้าร่วมโคแวกต์ ชี้แจงได้อยู่แล้ว เราไม่ได้ร้องขอบริจาคใคร เขาบริจาคให้เอง คิดว่าจะไปร้องขอใครเหรอ ได้รับการสั่งสอนจากพ่อแม่ให้พูดจาสุภาพ ไม่หยาบคาย พ่อแม่สอนว่าสำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล
จวกใช้องค์กร ตร.ไปรับใช้ปรสิต
พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำให้องค์กรตำรวจจากที่เคยเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เป็นองค์กรผู้พิทักษ์ทรราช กลายเป็นกลไกปราบปรามประชาชน รับใช้ปรสิต ฉวยโอกาสเอากฎหมายพิเศษประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้โดยอ้างเรื่องโควิด แต่ใช้เป็นเครื่องมือปราบปราม ควบคุมสื่อ กดปากผู้ชุมนุม อัปยศจนคนเกลียดชังตำรวจ พระสงฆ์ยังประกาศไม่รับเผาผีตำรวจ ผลมาจากการชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดงที่ผ่านมา ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ใช้ความรุนแรงไม่เป็นไปตามหลักสากล เป็นคำสั่งอำมหิตของนายกฯ จนผู้สื่อข่าวบาดเจ็บรุนแรง และนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ถูกแก๊สน้ำตาจนตาขวาบอด ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีจะนำไปสู่ความรุนแรง อยากเห็นตำรวจที่ทำดีแล้วได้ดี ปฏิรูปตำรวจไม่ให้มีตั๋วช้าง แต่ทว่ากลับถูกนายทหารนอกแถวอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ทำลายศักดิ์ศรีตำรวจ ปฏิรูปตำรวจจอมปลอม ซ้ำถูกมองว่าเป็นโจรในเครื่องแบบและเป็นศัตรูกับประชาชน จึงไม่อาจยกมือไว้วางใจได้
อภ.แจงส่วนต่างซื้อซิโนแวค
ที่รัฐสภา นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) แถลงชี้แจงเรื่องการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคว่า อภ.ต้องทำงานแข่งกับเวลาจึงเลือกวัคซีน ซิโนแวค ราคาที่นำเข้า 16 ครั้ง แตกต่างกันไปตั้งแต่ 17 เหรียญฯ/โดส ต่อรองถูกลงเป็นลำดับสุดท้าย 8.9 เหรียญฯ/โดส เฉลี่ยอยู่ที่ 11.99 เหรียญฯ/โดส ที่ กล่าวหาว่า มีส่วนต่างจำนวนมากนั้น อภ.ใช้เงินจัดซื้อ ไปก่อนหลายพันล้านบาท ต้องแบกรับอัตราแลกเปลี่ยน ยืนยันไม่มีส่วนต่าง กรอบอนุมัติงบฯ เป็นการขอเผื่อไว้ แต่เมื่อเรียกเก็บก็เก็บราคาตามจริง บวกค่าดำเนินการ ค่าขนส่ง 2-4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนต่างที่เหลือไม่มีใครได้ งบฯ นี้กรมควบคุมโรคเป็นผู้ดูแลและเบิกจ่ายตามจริง
“ตู่” ถามจะเอาใครเป็นนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า ในการหารือกับ ส.ส. และสมาชิกพรรค พปชร. ที่มูลนิธิ อนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายใน ร.1 ทม.รอ. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. ได้อ่านข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ส่งไลน์ให้ฟังระบุว่า “ทำไม ส.ส.ถึงไม่สนับสนุนผม มีเหตุผลอะไร ผมผิดอะไร ถ้าไม่สนับสนุนจะหาใครมาเป็นนายกฯ ผมทำงานเหนื่อยขนาดนี้ แล้วจะให้ใครมาเป็น” ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “ขอให้ใน 3 วันนี้ทุกคนเข้มแข็งและให้โหวตให้รัฐมนตรีทั้ง 6 คนเท่ากัน ขออย่าให้ใครไปจ่ายด้วย และถ้ามีอะไรอย่าไปฟ้องนายกฯ ให้มาคุยกับผม”
“ธรรมนัส” บี้ดึงเก้าอี้ มท.1 คืนพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงที่ พล.อ.ประวิตร ปิดห้องคุยเฉพาะรัฐมนตรีและแกนนำพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เลขาธิการพรรคฯ ปฏิเสธกระแสข่าวอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวล็อบบี้พรรคเล็กไม่โหวตให้นายกฯ แต่ได้สะท้อนเสียงของ ส.ส.ในพรรคที่หลายคนไม่พอใจการทำงานของรัฐมนตรี โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่ลอยตัวไม่เห็น ส.ส.อยู่ในสายตา ควรปรับเปลี่ยนดึงโควตา รมว.มหาดไทย มาเป็นของพรรค ถึงขนาด เอ่ยว่า “วันนี้รัฐมนตรีของพรรคทุกคนมีผลงานอะไรบ้าง ที่จะไปใช้หาเสียงกับประชาชน ไม่มีเลย เป็นรัฐมนตรีเหมือนไม่ได้เป็น ผมไม่มีงบฯ ไม่มีอะไรเลย” ซึ่ง พล.อ.ประวิตรฟังแล้วก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ
ปชป.สั่ง ส.ส.โหวตหนุนลูกเดียว
ที่ห้องทำงานพรรคประชาธิปัตย์ ในรัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. พรรค เรียกประชุม ส.ส.พรรค มีการกำชับให้ ส.ส. ทุกคนโหวตสนับสนุนนายกฯ และรัฐมนตรีพร้อม เพรียงกัน แต่นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ทักท้วง ว่า ขอฟรีโหวต แต่ยินดีโหวตหนุนนายกฯ และรัฐมนตรี ถ้าชี้แจงได้ แต่นายจุรินทร์ตัดบทว่าไม่อนุญาต ต้องโหวต ในทิศทางเดียวกัน อย่าให้มีการโหวตสวนขึ้นอีก
“เสรีฯ” เย้ย “สิระ” เช็คแทงใจดำ
อีกเรื่อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พลังประชารัฐ ไม่รับเช็ค 10 ล้านบาท จากนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ตามที่ นัดเดิมพันพิสูจน์เรื่องตาบอดว่า เข้าใจนายธนัตถ์ การเบิกเงินสดเกินกว่า 2 ล้าน ธนาคารอาจไม่มีเงินสด และติดข้อกฎหมายต้องแจ้งธนาคารล่วงหน้า คาดว่า ที่นายสิระไม่ยอมรับเช็ค เนื่องจากเมื่อปี 2537 ธนาคารแห่งหนึ่งเคยแจ้งความดำเนินคดีนายสิระในข้อหาฉ้อโกงใช้เอกสารราชการปลอม พอเป็นเช็ค ธนาคารนี้มันก็แทงใจดำ ของเก่าใช้เขาหรือยังก็ยังไม่รู้
“ธรรมนัส” ดอดคุยพรรคเล็ก
ต่อมาช่วงเย็น ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินเข้าไปบริเวณหลังห้องประชุมเพื่อพูดคุยกับบรรดาตัวแทนพรรคการเมืองขนาดเล็ก ประกอบด้วย นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ นายดำรง พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นายนพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท มีนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย นั่งร่วมวงอยู่ด้วย ใช้เวลาคุยกันในห้องประชุมสักพักหนึ่ง ก่อนจะแยกวงออกไปคุยกันต่อที่ห้องรับรองด้านนอกห้องประชุม ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องการล็อบบี้พรรคเล็กในการลงคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรี
“พิเชษฐ”แจงไม่มีนัยอะไร
นายพิเชษฐ สถิรชวาล กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสเข้ามาทักทายพูดคุยกับ ส.ส.พรรคเล็กในห้องประชุมสภาฯ ก่อนจะย้ายไปนั่งดื่มกาแฟในห้องอาหารในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่ได้พบกันมานาน ไม่ได้มาขอคะแนนให้ใคร การลงมติของพรรคเล็กตกลงกันว่าจะฟังการอภิปรายของฝ่ายค้าน และคำชี้แจงของรัฐมนตรีก่อน จึงจะตัดสินใจ