"ลุงไม่อยากให้พูดถึงประเด็นนี้" น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ รู้จักกันในนาม “มาดามเดียร์” แกนนำกลุ่มดาวฤกษ์ ออกตัวระหว่างเปิดใจให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ขอเอ่ยถึงเรื่องนี้เท่าที่จำเป็น ตามที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรองนายกรัฐมนตรี ปรามเอาไว้
กรณี “กลุ่มดาวฤกษ์” ตัดสินใจโหวตงดออกเสียง มติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในส่วนของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
เป็น “ลิ่ม” อีกดอกที่ตอกให้เห็นรอยปริร้าวระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย ถึงขั้นคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกลุ่มดาวฤกษ์ ขีดเส้นตายวันที่ 22 ก.พ.นี้เสร็จสิ้นการสอบและแถลงขอโทษ พร้อมแสดงความเสียใจถึงพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว
มาถึงตรงนี้อดถามถึงรอยร้าวในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีกลุ่มต่างๆเคลื่อนไหว และความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลอาจทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม น.ส.วทันยา ปฏิเสธบอกไม่ทราบข้อมูล
แต่การเลือกตั้งมาช้าหรือเร็ว ส.ส.ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจเราต่อไป
ก่อนหน้านั้น น.ส.วทันยา เคยมีมุมมองต่อการเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร โดยนำเสนอต่อเวทีสภาให้มองแก่นหรือต้นตอของปัญหา ประเทศมีปัญหาอะไร ทำไมถึงเป็นเหตุให้นักศึกษา เยาวชน ประชาชนออกมาชุมนุม
ถ้าตั้งใจจริงเชื่อมั่นทุกปัญหาย่อมแก้ได้ เพียงตั้งโจทย์ให้ถูก
แก้ปัญหาผ่านกลไกรัฐสภาหรือกลไกอื่นที่เหมาะสม
...
กลุ่มดาวฤกษ์เป็นการรวมตัวของ 6 ส.ส.กทม. สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ และนายศิริพงษ์ รัสมี
เกิดจากความคุ้นเคยตั้งแต่ลุยหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ ผ่านด่านเข้าสภาทุกคนล้วนเป็น ส.ส.หน้าใหม่ อายุอานามไล่เลี่ยกัน สร้างความผูกพันและสนิทสนมผ่านภารกิจของฝ่ายนิติบัญญัติ
หลายจังหวะหยิบยกปัญหาในพื้นที่ กทม.ขึ้นมาหารือ เพื่อแชร์ข้อมูลและความเห็นจัดการปัญหา
น.ส.วทันยา บอกว่า “พอถึงการประชุมใหญ่พรรค เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ บรรยากาศในช่วงนั้นค่อนข้างคุกรุ่น จังหวะนั้นพวกเรามีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน ก็แสดงความเห็นออกไปให้ผู้ใหญ่เข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้บรรยากาศในพรรคกลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม”
นับแต่นั้นมาสื่อมวลชนก็ตั้งฉายา “กลุ่มดาวฤกษ์”
ในพรรคพลังประชารัฐมีหลายกลุ่มการเมืองที่ทรงพลัง บรรยากาศเช่นนี้กลุ่มดาวฤกษ์ทำงานอึดอัดใจอย่างไร และอยากเห็นการเมืองเดินไปอย่างไร น.ส.วทันยา บอกว่า ไม่เกี่ยว ในพรรคมีกลุ่มก้อนอย่างไร ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เราตั้งมั่นทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติและลงพื้นที่ใน กทม. โดยยึดประชาชนเป็นหลัก
อยากเห็นการเมืองที่ดี ขับเคลื่อนอย่างสร้างสรรค์
โปร่งใส ตรวจสอบได้ ส.ส.ต้องทำงานเพื่อประชาชน
กลุ่มดาวฤกษ์คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยได้ทั้งหมด แต่ถ้า ส.ส.1 คนมีหลักยึดมั่นทำงานเพื่อประชาชน ก็สามารถสร้างการเปลี่ยน แปลงที่ดีได้ แม้เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ หากรวมกันเยอะๆก็เปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศได้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้สะท้อนให้เห็นการเมืองพัฒนาไปอย่างไร น.ส.วทันยา บอกว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งแรก เป็นการพูดถึงภาพรวม เชิงโครงสร้าง
แต่ครั้งนี้เจาะลึกลงรายละเอียดการบริหารงานของรัฐมนตรีแต่ละท่าน ฝ่ายค้านงัดเอาเอกสาร ข้อมูลที่ส่อไปในทางไม่ไว้วางใจ นำเสนอต่อประชาชน
รัฐมนตรีแต่ละท่านก็ชี้แจงข้อสงสัย ข้อกังขา โปร่งใส สุจริตจริงหรือไม่ ให้ประชาชนได้รับทราบ
เป็นไปตามกลไกของฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบรัฐบาล ถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน โดยมี ส.ส.และประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
ทำไมกลุ่มดาวฤกษ์โหวตสวนมติพรรค น.ส.วทันยา บอกว่า ตลอดที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 4 วัน 4 คืน ประชาชนทั่วประเทศติดตาม ได้ฟัง ได้เห็น ประเด็นไหนบ้างที่รัฐมนตรี 10 ท่านสามารถตอบข้อสงสัย ข้อกังขาได้หรือไม่แต่ละคนคงมีวิจารณญาณแตกต่างกันไป
กลุ่มดาวฤกษ์มองตรงกัน เคยชี้แจงไปแล้ว โดยระบุว่า “ไม่พบคำชี้แจงที่ชัดเจนเพียงพอในการตอบคำอภิปรายของฝ่ายค้าน ทำให้สังคมตั้งข้อกังขา ข้อสงสัยในประเด็นหลักที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน คือ การเปลี่ยนเงื่อนไขทีโออาร์ การล้มการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
และไม่ปกป้องหรือเรียกคืนที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ทั้ง 2 ประเด็นยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เป็น 2 ประเด็นที่ 2 รัฐวิสาหกิจอยู่ในการกำกับดูแลของรัฐมนตรีโดยตรงคือ รฟท.และ รฟม.”
ที่สำคัญโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเกี่ยวข้องกับชาว กทม. หากลงลึกในรายละเอียดย่อมพบว่าโครงการขนส่งสาธารณะใหญ่ของ กทม. มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างทิศตะวันออกและทิศตะวันตก เป็นพื้นที่ฐานเสียงของ ส.ส.ในกลุ่ม แบบนี้จะปล่อยให้ผ่านไปได้อย่างไร
หลักใหญ่ใจความมีแค่นี้ ไม่มีอะไรซับซ้อน
ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้เป็น ส.ส.สมัยแรก
แต่คงละเลยการทำหน้าที่ ส.ส.กทม.ไม่ได้
การโหวตสวนมติพรรคอาจมีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลผสม ได้บอกผู้ใหญ่ของพรรคล่วงหน้าก่อนหรือไม่ น.ส.วทันยา บอกว่า ไม่ได้บอก แต่หัวหน้าพรรคได้เรียกประชุม พร้อมเปิดโอกาสสอบถามว่าใครมีข้อสงสัย ข้อซักถามหรือไม่สบายใจบ้าง
ในวันนั้นมีข้อกังขาอยู่ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่ได้ตั้งธงไว้ล่วงหน้าว่าจะโหวตให้รัฐมนตรี ท่านไหน
สุดท้ายมันเป็นบรรยากาศโดยรวมที่เกิดขึ้นในหน้างานก่อนโหวต
มันเป็นจิตวิญญาณ ไม่สามารถทำอะไรฝืนจิตวิญญาณได้
ก่อนโหวตได้มองถึงประเด็นนี้จะกลายเป็นชนวนขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย น.ส.วทันยา บอกว่า ไม่ได้มองว่าจะกลายเป็นปัญหาที่ลุกลามแบบนี้
สังเกตได้เวลาพูดถึงประเด็นนี้หรือเมื่อมีบรรดา ส.ส.พรรคต้นสังกัดของรัฐมนตรี ออกมาวิพากษ์วิจารณ์
ก็เลี่ยงตอบโต้ เพราะอาจนำไปสู่บรรยากาศที่ไม่ดี
ไม่ได้มีเป้าประสงค์ใดๆทั้งสิ้น
ขอทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุดและอยากให้จบ
ถูกจับตาการโหวตงดออกเสียง เกี่ยวโยงกรณีนักการเมืองฟ้องค่ายเนชั่น น.ส.วทันยา บอกว่า ไม่เกี่ยว ส่วนตัวไม่มีความเชื่อมโยงกับทีมข่าวของเนชั่น อาจมีแค่ครอบครัวของสามี (ฉาย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป) เป็นผู้บริหาร และคดีนี้ถ้าคนไม่พูดขึ้นมาก็คงลืมไปแล้ว
“แต่กลุ่มดาวฤกษ์เป็น ส.ส.กทม. ทุกคนต้องมีอนาคตทางการเมือง
คงไม่เอาอนาคตมาแลกเพียงเพราะว่าเป็นข้อพิพาทส่วนตัว
เรามีวิจารณญาณแยกแยะออกระหว่างส่วนตัวกับประโยชน์ของประเทศ”
ถึงวันนี้ยังคงโหวตเหมือนเดิม และการโหวตเช่นนี้อาจมีผลต่ออนาคตทางการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ น.ส.วทันยา บอกว่า ใช่ เพราะมั่นใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เชื่อว่าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะให้ความเป็นธรรม
หวังว่าผู้ใหญ่ในพรรคคงเข้าใจในเจตนารมณ์
ที่ยึดความถูกต้อง ความชอบธรรม ปกป้องประโยชน์ประชาชน
พยายามรักษามารยาททางการเมือง โหวตงดออกเสียง
ไม่เลือกโหวตสวนไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี.
ทีมการเมือง