ทุกครั้งของความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ผู้รู้ทั้งหลายรวมสื่อ ต่างก็มีวิสัยตั้งตนเป็นนักพยากรณ์อย่างตอนนี้ รองนายกสมคิด และทีมเศรษฐกิจใครจะไปใครจะอยู่ไม่เว้นหมอดูตัวจริง เช่น โหรฟองสนาน โหรวาริน ฯลฯอย่าเผลอคิดว่า เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องล้าหลังโบราณ เพราะโบราณนานมาจริงๆอย่างในสมัยอยุธยาสี่ห้าร้อยปีที่แล้ว ฝรั่งที่มาเป็นแขกสมเด็จพระนารายณ์ ยังพูดว่าอาจหาคำทำนายได้ตามท้องถนนยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องที่เป็นความเป็นความตายของบ้านเมือง ก็ยิ่งต้องมีสุริษา มุ่งมาตร์มิตร เขียนไว้ในหนังสือ “ซ่อนเร้นไม่ซ่อนลับ เกร็ดไสยศาสตร์ในประวัติศาสตร์ไทย” (สำนักพิมพ์ยิปซี พ.ศ.2555) ว่า ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเป็นอุปราชครองเมืองพิษณุโลก ขณะนั้นอยุธยาตกอยู่ใต้อำนาจหงสาวดีเมื่อหงสาวดีรบกับอังวะ สมเด็จพระนเรศวรจึงต้องยกทัพไปช่วยพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ บันทึกว่า ก่อนยาตราทัพเกิดเหตุช้างสองเชือกชนกัน และช้างตัวหนึ่งงาลุ่ย โหรทำนายว่าเป็นลางร้ายไม่สมควรยกทัพไป แต่สมเด็จพระนเรศวรไม่ทรงเชื่อระหว่างเดินทัพในเมืองพิษณุโลกก็เกิดเหตุอัศจรรย์มากมาย“แม่น้ำทรายหัวเมืองนั้น ป่วนขึ้นสูงกว่าแม่น้ำนั้น 3 ศอก อนึ่งเห็นสตรีภาพผู้หนึ่งหน้าประดุจช้าง...นั่งอยู่ ณ วัดประสาท อนึ่ง ช้างใหญ่ตัวหนึ่ง ยืนอยู่ ณ ท้องสนามนั้น ก็ล้มตายลงกับที่บัดเดี๋ยวนั้นอนึ่ง เห็นตักแตนบินมา ณ อากาศเป็นอันมาก และบังแสงอาทิตย์บดมาแล้ว ก็บินกระจัดกระจายสูญไป”คำทำนายของชาวอยุธยาหาได้ตามท้องถนน ไม่ใช่เพราะมีร่างทรงหรือหมอดูให้บริการทั่วพระนคร แต่เป็นเพราะคำพยากรณ์ อาจได้มาจากสัตว์ สิ่งของ ฝนฟ้าอากาศ หรือแม้แต่กิจวัตรธรรมดาของชาวบ้านบันทึกของฝรั่งสมัยอยุธยาบอกว่า ชาวสยามมีวิธีล่วงรู้อนาคตได้ จากการบนบานพระพุทธรูป เมื่อออกจากอารามก็จะถือเอาคำพูดหรือการกระทำของผู้คนที่เห็น หรือได้ยินเป็นครั้งแรกมาตีความเพื่อตอบปัญหาข้องใจครั้งหนึ่งเจ้าพระยาวิชชาเยนทร์เสนาบดีชาวกรีกป่วยหนัก เป็นตาย หมอหลวงไม่รับรอง สมเด็จพระนารายณ์ทรงปริวิตกมาก จึงรับสั่งให้พราหมณ์ไปบนบานพระพุทธรูปพราหมณ์เดินออกจากอาราม ก็พบเด็กเชื้อสายมลายูกำลังเล่นตะกร้อกันอยู่ บังเอิญลูกตะกร้อตกลงไปในน้ำเด็กมลายูคนหนึ่งได้ร้องขึ้นว่า เสร็จแล้ว เสียๆแล้ว เด็กอีกคนเดินตามไปใกล้ปากสระ เห็นลูกตะกร้อค้างอยู่บนกอหญ้าอันงอกขึ้นที่ข้างสระ จึงร้องบอกมิตรสหายว่า“ไม่เป็นไร ยังไม่เสียหรอก ยังจะเก็บเอาขึ้นมาได้อยู่”ถ้อยคำเหล่านี้ ถือเป็นนิมิตสำคัญ พราหมณ์เก็บเอาไปพยากรณ์ว่า “เขา (เจ้าพระยาวิชชาเยนทร์) จักฟื้นไข้หายดี”ตามพงศาวดาร เจ้าพระยาวิชชาเยนทร์ก็หายจากไข้จริงๆย้อนมาการเมืองสมัยใหม่ หลังการอภิปรายงบประมาณ จนวันนี้ก็ยังไม่มีการปรับ ครม. แต่เสียงของ ดร.สมคิดที่ดังออกมาหลายครั้ง...หมอดูหรือผู้รู้ถือเป็นเหตุปัจจัยพยากรณ์ว่า ดร.สมคิด จะอยู่ต่อไปแน่ส่วนลูกน้องในทีมสี่กุมารนั้น...สิทธิการิยะ ท่านว่า อยู่เหมือนกันแต่ไม่ครบทุกคนนี่ก็เป็นความจริงของการเมืองไทย...นักเลือกตั้งเขาได้ตั๋วนั่งเมือง เมื่อไม่ได้คนที่ไม่ตีตั๋วจากการเลือกตั้งก็สมควรต้องไป ดิ้นรนสู้อยู่ต่อไป ผู้คนเขาจะนินทาเอาได้...นะตัวเอง.กิเลน ประลองเชิง