ผลการสำรวจความเห็นประชาชน โดยสำนักโพล กลายเป็นวิวาทะทางการเมือง ระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โฆษก พท.ระบุว่าคะแนนนิยมของ พปชร. ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทำไมชนะเลือกตั้งที่ลำปาง มีวิธีบริหารจัดการด้วยวิธีพิเศษหรือและโดนสวนกลับว่า อย่าบิดเบือนดูถูกประชาชนต้องยอมรับว่า ผลโพลที่ออกมาค่อนข้างถี่ ของสำนักวิจัยซูเปอร์โพลกับนิด้าโพล แม้แต่ประชาชนทั่วไปก็ค่อนข้างสับสน ผลซูเปอร์โพลที่เผยแพร่ เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม เมื่อถามประชาชนว่าถ้าเลือกตั้งกันในวันนี้จะเลือกพรรคใด กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เลือกพรรคก้าวไกล ร้อยละ 16.7 รองลงไปร้อยละ 15.7 เลือก พท.รองลงไปอีกร้อยละ 8.7 เลือกพรรคประชาธิปัตย์ ตามด้วย พปชร. ร้อยละ 8.3 และพรรคภูมิใจไทยร้อยละ 6.0 ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพลชี้แจงว่า คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์กับ พปชร.ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ผลการสำรวจทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นปลื้ม เพราะมีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นความปลื้มใจในคะแนนนิยม แค่ร้อยละ 8.7 ส่วนพรรคที่มีคะแนนนิยมสูงสุดได้แค่ร้อยละ 16.7 สอดคล้องกับผลการสำรวจของนิด้าโพล เมื่อถามว่า สนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี มีถึงร้อยละ 44.06 หาผู้ที่เหมาะสมไม่ได้ รองลงไปร้อยละ 25.47 สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์จากผลโพลครั้งนี้ มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ว่าประเทศไทยขณะนี้ นอกจากจะมีวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมหาวิกฤติทางเศรษฐกิจแล้ว ยังมีวิกฤติขาดแคลนผู้นำทางการเมืองที่ประชาชนยอมรับและศรัทธา ต่างจากนิด้าโพลเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่คนส่วนใหญ่ร้อยละ 31.42 สนับสนุนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นนายกฯตามด้วย พล.อ.ประยุทธ์ (23.74%) มีเพียง 17.32% ที่ยังหาคนที่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ การสำรวจคราวเดียวกันพบว่าคนส่วนใหญ่ (30.27%) สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ รองลงไปได้แก่ พรรคเพื่อไทย และ พปชร. แต่หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่โดนยุบ และนายธนาธรโดนพ้น ส.ส.การเมืองไทยก็เปลี่ยนแม้จะเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะปัญหาขาดผู้นำทางการเมือง เพราะคนส่วนใหญ่หาผู้ที่เหมาะสมไม่ได้ และนิด้าโพลสำรวจพบว่า คนส่วนใหญ่เรียกร้องให้ปรับปรุงคณะรัฐมนตรี แสดงว่าไม่เป็นสุขกับรัฐบาลปัจจุบัน ต้องติดตามดูกันต่อไปนายกรัฐมนตรีจะทำตามโพล หรือเชื่อโหร คมช. เชียร์ให้อยู่ต่อไปชั่วกาลนานเทอญ.