พท.โร่ร้องกกต. เด็กภท.โผล่แจง ทำโพล-ไพรมารี

เพื่อไทยร้องซ้ำกระทุ้งภูมิใจไทย จ้าง อสม.หัวละ 1-2 พัน เก็บบัตรประชาชนไปสมัครสมาชิกพรรค ส่อทุจริตซื้อเสียงล่วงหน้า ภท.นั่งไม่ติด “สรอรรถ” จ่อฟ้องหมิ่นประมาท ชี้แค่ทาบทาม เตรียมความพร้อม ไม่ได้ทำผิดอะไร ด้านว่าที่ผู้สมัครโต้ “แรมโบ้อีสาน” ทุกข้อหา แจงแค่ทำตามหลักการไพรมารีโหวต กกต. เผยตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริงแล้ว “วิษณุ” เตือนอย่าเล่นกันจนเปรอะ เพราะถือเป็นความไม่สงบรูปแบบหนึ่ง นายกฯย้ำเตือนอย่าเชื่อพวกเป่าหูสืบอำนาจ ขอเริ่ม ปชต.ก้าวใหม่อย่าให้เซ ยังเด้งเชือกไม่ประกาศจุดยืนการเมือง ครม.เห็นชอบ ก.ม.เลือกตั้งท้องถิ่น มาหลังเลือกตั้งใหญ่ 3 เดือน “โอ๊ค” ระทึกคดีสินเชื่อกรุงไทย อัยการนัดรายงานตัวสั่งคดีครั้งแรก 5 ก.ย.

เป็นประเด็นร้องเรียนกันพัลวัน กรณีพรรคเพื่อไทยปูดข้อมูลนักการเมืองการซื้อเสียงล่วงหน้า เก็บบัตรประชาชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ไปทำบัตรสมาชิกพรรค พร้อมค่าตอบแทน ขณะที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำนปช. หรือ “แรมโบ้อีสาน” ซึ่งประกาศตัวไปร่วมงาน กับพรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปร้องเรียนต่อ กกต. โคราชให้จัดการปมเงื่อนนี้กับผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ล่าสุดพรรคเพื่อไทยก็เดินทางเข้าร้องเรียนต่อ กกต.กลางเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

พท.ร้อง กกต.สอบซื้อเสียงโคราช

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายโกศล ปัทมะ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นคำร้องและเอกสารเพิ่มเติม ขอให้ตรวจสอบกรณีกลุ่มการเมืองและพรรคการเมือง ดำเนินการในลักษณะทุจริตซื้อเสียงล่วงหน้าในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยนายอนุสรณ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นเอกสารหลักฐานบางส่วนต่อ กกต.ไปแล้ว จึงมายื่นเพิ่มเติม โดยประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนถึงพฤติกรรมของกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองเข้าข่ายการซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่ ส่วนกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าจะฟ้องคดีกับผู้ที่กล่าวหาพรรคภูมิใจไทยให้สมาชิกพรรคไปเก็บบัตรประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมานั้น เมื่อได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จะเก็บเรื่องไว้ก็ไม่ได้ ถือว่าทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ เราเห็นว่าในพื้นที่มีการใช้กลยุทธ์อาจจะจงใจทำให้ประชาชนสับสนบิดเบือนหรือเกิดสื่อสารที่ผิดพลาด แต่สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความวุ่นวายในพื้นที่โคราชและคาดว่าจะมีในอีกหลายจังหวัด

...

พยายามตัดตอนโยนขี้พรรคเดียว

เมื่อถามว่า เหตุเกิดขึ้นในพื้นที่นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ทหารได้อย่างไร นายอนุสรณ์ตอบว่า เป็นคำถามของชาวโคราช เพราะกลุ่มหนึ่งสามารถดำเนินการได้ จึงเกิดคำถามว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ ทหารควรเข้าไปตรวจสอบ ตอนนี้มีความพยายามที่จะตัดตอนว่าเป็นการกระทำของพรรค การเมืองหนึ่งพรรคการเมืองเดียว ซึ่งไม่ขอระบุชื่อ เมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับการร้องเรียนต้องนำข้อมูลทั้งหมดมาร้องต่อ กกต. โดยเราไม่ต้องการร้องเพื่อยุบพรรคใคร หรือชี้ว่าใครถูกใครผิด

แฉจ่าย ปธ.อสม.เก็บบัตร 2 พันบาท

ด้านนายประเสริฐกล่าวว่า มีการเก็บบัตรประชาชนใน 20 อำเภอ จาก 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าเอาบัตรประชาชนไปทำอะไร และมีข้อมูลว่าคนที่ไปรวบรวมบัตรประชาชนมาถ่ายสำเนาไว้ จะได้เงินเป็นการตอบแทนหัวละ 10 บาท ถ้าเจ้าของบัตรสมัครเป็นสมาชิกพรรคจะได้รับค่าตอบแทนอีก มีการตั้งเป้าว่าหากทำได้ทะลุเป้าก็จะมีค่าตอบแทนเพิ่ม เบื้องต้นมีผู้รวบรวมสำเนาบัตรไว้เป็นหลักหมื่นแล้ว ซึ่งกฎหมายพรรคการเมืองเขียนไว้ชัดว่า ผู้ใดให้หรือสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดต่อบุคคลสมัครเป็นสมาชิกพรรคถือว่าเป็นความผิด จึงอยากให้ กกต.จัดการ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งพรรคการเมืองใด

นายโกศลกล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้รับจะให้เงินกับประธาน อสม. ตั้งแต่ 1-2 พันบาทแล้วให้ไปรวบรวมบัตรประชาชน มีพยานเป็นประธาน อสม. และชาวบ้านในพื้นที่ที่พร้อมจะมาให้การกับ กกต.

ภท.ไม่เฉยจ่อฟ้องหมิ่นประมาท

นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยถูกร้องเรียนว่ามีผู้สมัครไปเก็บบัตรประชาชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และคนที่ระบุว่าจะเป็นผู้สมัครของพรรคยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เบื้องต้นสอบถามไปยังพื้นที่พบเป็นเพียงการแจ้งความประสงค์ว่าจะเป็นสมาชิกพรรค ไม่มีเรื่องการเสนอผลประโยชน์ และการเก็บบัตรประชาชนก็เข้าใจว่าไม่มี อาจเป็นเพียงการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งเท่านั้น มั่นใจว่าไม่ผิดกฎหมายใดๆรวมถึงคำสั่ง คสช. เข้าใจดีว่าการหาสมาชิกยังทำไม่ได้ ขณะนี้เป็นเพียงวิธีการทาบทามให้มาเป็นสมาชิกพรรคเท่านั้น จึงไม่ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นการกล่าวหาให้พรรคเกิดความเสียหาย ทำให้คนเข้าใจผิดว่าพรรคทำผิด จึงต้องดำเนินการทางกฎหมายฐานหมิ่นประมาท เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง

“พรชัย” ซัดกลับ “แรมโบ้”

วันเดียวกัน ที่โรงแรมแคนทารี โคราช อ.เมือง นครราชสีมา นายพรชัย อำนวยทรัพย์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เขต อ.ครบุรี นำหลักฐานแจ้งความลงบันทึกประจำวันโดยยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาผู้ใดจาก สภ.ครบุรี มาโชว์มาแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน กรณีที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำ นปช.อีสาน กล่าวหาไปจ้าง อสม.ล่าเก็บบัตรประจำตัวประชาชนในพื้นที่ อ.เสิงสาง และ อ.ครบุรี เพื่อนำมาเตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย พร้อมเสนอ กกต.พิจารณายุบพรรคภูมิใจไทย เข้าข่ายส่อทุจริตการเลือกตั้ง โดยนายพรชัยกล่าวว่า ทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ส่วนการลงสมัคร ส.ส.นั้น กำลังทำแบบสอบถามในพื้นที่ว่าเห็นด้วยหรือไม่ ถ้าจะลงพรรคภูมิใจไทย โดยประชาชนทุกคนยินดีให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชนแนบมากับแบบสอบถาม เพื่อยืนยันได้รับการสนับสนุนจริง เป็นไปตามหลักการทำไพรมารีโหวต ขณะที่นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน ในเขตพื้นที่ อ.ครบุรี และ อ.เสิงสาง ดังนั้น ตนและนายวีรศักดิ์จึงต้องแข่งขันกันเพื่อหาประชาชนสนับสนุน เสนอต่อพรรคภูมิใจไทยให้เป็นผู้พิจารณา

กกต.ตั้งแท่นสอบปมร้องยุบ ภท.

พ.ต.ท.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีตแกนนำ นปช. ร้อง กกต.จังหวัดนครราชสีมา ให้ตรวจสอบพรรคภูมิใจไทย ที่เก็บบัตรประชาชนของ อสม. จำนวน 40 คน เพื่อนำไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหนึ่งว่า กกต.จังหวัดนครราชสีมาได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนจะขัดกับ พ.ร.บ.พรรคการเมือง จนนำไปสู่การยุบพรรคหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจสอบก่อน แต่ถ้าหากพบความจริงจะดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมเตือนพรรคการเมืองให้ดูสมาชิกพรรค อย่ากระทำการใดที่ผิดกฎหมาย

นายกฯโยน กกต.สางปมตกเขียว

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ร้องเรียนผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยเก็บบัตรประชาชนจาก อสม.อ้างนำไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคว่า เป็นเรื่องที่ กกต.จะพิจารณา ในส่วนของ คสช. ฝ่ายกฎหมายก็กำลังพิจารณาตรวจสอบ ในช่วงนี้ว่ามีข้อเท็จจริงหรือไม่อย่างไร

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ได้แจ้งให้ทางฝ่ายปกครองตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้วตามกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการโดยหลักการเรื่องเกี่ยวกับการเมืองน่าจะเป็น กกต.ต้องมาดูแล ใครทำอะไรถ้าปล่อยให้มาโต้แย้งกันอีกคิดว่าไม่เกิดประโยชน์ กกต.ต้องมาดูแลว่าทำได้ หรือไม่ได้อย่างไร

“บิ๊กป้อม” แจง คสช.ไม่ไปยุ่งเกี่ยว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของ กกต. ส่วนจะเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ขัดคำสั่ง คสช.หรือไม่นั้น เรื่องของการเก็บบัตรประชาชนซึ่งเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ไม่น่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพราะไม่ได้มีการโฆษณาชวนเชื่อ และ คสช.ไม่ต้องจับตาอะไร กกต.จะเป็นผู้พิจารณาเรื่องนี้ เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อผู้บัญชาการเหล่าทัพที่เพิ่งโปรดเกล้าฯลงมา โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. ที่ต้องดูแล กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) พล.อ.ประวิตรตอบว่า ตนดูแล้วว่าเขามีความสามารถ มีอาวุโส เหมาะสมทุกคน ทุกเหล่าทัพมั่นคงไม่ต้องห่วง มั่นใจได้เลย เพราะทุกเหล่าทัพเขาสนิทกันทั้งหมด

“บิ๊กตู่” ควรเป็นนายกฯสานงานต่อ

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. จะประกาศอนาคตทางการเมืองในเดือน ก.ย.นี้ จะให้คำแนะนำอะไรหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า จะให้แนะนำอะไร เขาเป็นผู้นำประเทศ เขาคิดของเขาเองได้ สื่อก็ให้คำแนะนำอยู่ทุกวันอยู่แล้ว เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ควรก้าวต่อไปในทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ก็ควรจะเป็นนายกฯต่อไป เพื่อทำงานต่อให้จบ” เมื่อถามว่า จะช่วยงาน พล.อ.ประยุทธ์ต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้ๆ อนาคตของตนจะเป็นอย่างไรไม่ขอพูดแล้ว เมื่อถามว่า เป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ที่จะเดินหน้าทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ห่วงสื่อมากกว่า ห่วงสื่อจะเล่นงานตนไม่พอ

“วิษณุ” ชี้คือความไม่สงบรูปแบบหนึ่ง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีการร้องเรียนทำผิดกฎหมายเลือกตั้งใน จ.นครราชสีมา ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ยังไม่ประกาศใช้ จะเป็นความผิดย้อนหลัง หรือไม่ว่า ไม่ใช่ความผิดย้อนหลังหรืออะไร ถ้าผิดเมื่อไรคือเมื่อนั้น อยู่ที่ว่าจะดำเนินคดีเมื่อไร ที่อีนุงตุงนังกันอยู่ขออย่าไปทำอะไรที่มันสุ่มเสี่ยง เพราะมีคนคอยจ้องจับผิดกันอยู่ ไม่ได้มีแค่เจ้าหน้าที่ของรัฐ พรรคการเมืองก็จ้องจับผิดกันเอง ทุกคนจะเก็บข้อมูลไว้ถึงเวลาจะเอามาฟ้องร้องกันเปล่าๆ ที่บอกว่าการจะจัดการเลือกตั้งต้องอยู่ในความสงบเรียบร้อยลักษณะเช่นนี้คือความไม่สงบชนิดหนึ่ง เพียงแต่ไม่รุนแรงไม่ส่งผลกระทบมาก แต่ถ้าปล่อยไปยาวๆ แล้วมีหลายเรื่องเข้ามาจะเป็นความรุนแรงที่มากขึ้น เมื่อถามว่า หากมีการคลายล็อกแล้วความวุ่นวายจะหนักกว่านี้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ก็จะทำอย่างไรได้ เมื่อถามว่า หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังเดือน ก.พ.62 การแบ่งเขตเลือกตั้งสามารถทำได้ทันที หรือต้องรอการสำรวจประชากรในเดือน มี.ค.62 ก่อน นายวิษณุกล่าวว่า กกต.เตรียมการไว้แล้ว กรณีเช่นนี้คงไม่กระทบอะไร เพราะในการพูดคุยกับ กกต. ได้ตกลงกันว่าจะใช้ตัวเลขประชากรที่สำรวจล่าสุด ณ เดือน ธ.ค.60 เป็นตัวตั้ง ปิดบัญชีแค่นั้น ซึ่งตนได้รายงานเรื่องนี้กับ คสช.ไปแล้ว

“สามมิตร” ปัดเมิน “พลังประชารัฐ”

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรอาจจะไม่ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐว่า ไม่ทราบเรื่องนี้เลย แต่ที่ผ่านมากลุ่มสามมิตรยังไม่เคยพูดชัดเจนว่าจะไปสังกัดพรรคไหน ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐนั้นกระบวนการตั้งพรรคยังไม่เรียบร้อย แต่ถือเป็นพรรคที่น่าสนใจ ที่ผ่านมาทางกลุ่มเราเน้นการลงพื้นที่ รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก อีกทั้งขณะนี้พรรคการเมืองยังไม่สามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ ดังนั้นหลังจากที่ คสช.คลายล็อกให้กับพรรคการเมือง และการเลือกตั้งเริ่มมีความชัดเจน แกนนำกลุ่มสามมิตรจะหารือกัน วันนั้นจึงจะชัดเจนว่ากลุ่มสามมิตรจะไปสังกัดพรรคการเมืองไหน เรามีเป้าหมายชัดเจนคือเน้นการช่วยเหลือประชาชนมากกว่าตอบโต้ทางการเมือง ดังนั้นตอนนี้ขอทำงานลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนก่อน เพราะหลายจังหวัดรอเราอยู่

นายกฯฝากดาราช่วยงานทุกรัฐบาล

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุม ครม. โดยก่อนการประชุมนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะดารานักแสดงที่เข้าพบนายกฯ อาทิ “มิว” นิษฐา จิรยั่งยืน เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันวง BNK48 “ฟิล์ม” ธนภัทร กาวิละ หรือ “บอสวศิน” “บี” น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ หรือ “อรุณา” ในละครเมีย 2018 “ท็อป” จรณ โสรัตน์ และ “ตั๊ก” มยุรา เศวตศิลา เข้าพบนายกฯเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม “ร่วมใจสร้างไทยไปด้วยกัน” เปิดตัวแคมเปญ “สร้างไทยไปด้วยกัน” และรับประกาศนียบัตรที่ร่วมพิธีกรรายการเดินหน้าประเทศไทย ทุกวันเสาร์ โดยไม่คิดค่าตัว โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราทำเพื่อคนไทยไม่ได้ประชาสัมพันธ์เพื่อรัฐบาล ไม่ใช่งานการเมือง นี่คือการบ้านที่ต้องทำให้ประชาชน ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ แต่ต้องช่วยกันทำถึงรัฐบาลหน้า ต่อไปต้องทำแบบนี้ อยากฝากให้ทุกคนทำความเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทเพื่อให้เกิดผลระยะยาว 20 ปี ไม่อย่างนั้นจะสะเปะสะปะตลอด

อย่าเชื่อพวกเป่าหูสืบทอดอำนาจ

นายกฯกล่าวว่า อย่าไปฟังที่บอกว่าจะไปวาง อำนาจ 20 ปี ไม่ใช่ เพราะ 20 ปีคืออำนาจประชาชน 20 ปีของทุกรัฐบาลอย่างมากก็อยู่ได้แค่ 4 ปี หลายคนยังไม่เข้าใจหลายเรื่องที่รัฐบาลทำ มาบอกว่ายังไม่ทำอะไรให้ แต่เป็นเพราะเขาไม่รู้ ดังนั้นต้องทำให้เขาเข้าใจ สร้างไทยไปด้วยกัน อย่าให้เขาแยกแยะคนไทยด้วยฐานะ คนรวย คนจน เอื้อประโยชน์ เพราะคำเหล่านี้เป็นคำที่ทำให้การเมืองมีปัญหา รัฐบาลต้องดูแลผู้มีรายได้น้อยอย่างถูกวิธีไม่ให้ระบบการเงินการคลังประเทศเสียหาย และต่อไปต้องฟังการไปสู่ประชาธิปไตยจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องปฏิรูปในสิ่งใหม่ๆ ที่อาจจะพลิกไปเลย แก้ไขปัญหาเก่า มาตรา 44 ไม่สามารถนำมาแก้ได้ทุกปัญหา โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรที่ต้องอ้างอิงราคาตลาดโลก 4 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเดินก้าวแรกให้ ก้าวต่อไปทุกคนต้องช่วยกันเดิน

เริ่มใหม่ ปชต.ก้าวแรกอย่าให้เซ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ช่วงนี้สำคัญที่สุด ความเป็นประชาธิปไตยกำลังมา อย่าให้ทุกอย่างกลับไปที่เดิม อย่าให้เขาพูดว่าการเลือกตั้งคือคนรายได้น้อยเป็นคนเลือกตั้ง และคนข้างบนเป็นคนล้มการเลือกตั้ง หรือล้มรัฐบาล ต้องทำให้ทั้งหมดเลือกตั้งไปด้วยกัน ด้วยความเข้าใจในยุทธศาสตร์ชาติ ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้แข็งแรงไม่ใช่ทำให้อ่อนแอให้น้ำเกลือไปโดยตลอด รัฐบาลทำ 2 อย่างบรรเทาความเดือดร้อนเยียวยาเมื่อเสียหายและทำโครงสร้างดูแลแต่ต้องรู้ว่าต้องดูแลอย่างไร อย่าไปสัญญาเพราะบางทีสัญญาปัญหาเยอะ ก้าวแรกอย่าเซด้วยการบิดเบือนประชาธิปไตยเพราะเราไม่มีโอกาสอีกแล้ว ตนคาดหวังได้รัฐบาลดีๆ ในวันหน้า เรื่องกฎหมายทำอะไรให้ระวังตนก็ระมัดระวังอย่างเต็มที่ ตนไม่ห่วงตัวเอง เพราะสิ่งที่ทำเพื่อประชาชนไม่หวังสิ่งตอบแทน น่าจะมีอะไรคุ้มครองตนบ้างคุณพระคุณเจ้าไม่มีอย่างอื่น ดังนั้น ประชาชนต้องดูแลตนในเมื่อตนดูแลเขา และหวังอย่างยิ่งในเวลาที่เหลืออีกไม่กี่เดือนนี้สำเร็จต้องทำให้เขาเข้าใจ

เตือนสติคนรุ่นใหม่ตระหนักรู้

นายกฯกล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองคือการไปเลือกตั้ง ต้องไปเลือกตั้งทุกคนโดยเฉพาะคนอายุ 18 ปีคนรุ่นใหม่ที่สบายๆ แบบเบิร์ดๆ เขาไม่รู้หรอกประเทศชาติอยู่ตรงไหนต้องบอกเขาด้วย ฝากกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญที่สุด กลุ่มอายุ 18 ปีสำคัญ ไม่อย่างนั้นต่อไปประเทศไทยไม่มีหลักไปไม่ได้หรอก ไปแล้วก็ล้ม หากทุกคนเคารพกฎหมายก็จะเข้าถึงโอกาสไม่ก้าวล่วงกันและกัน แต่ถ้าทุกคนไม่ต้องการกฎหมายก็พันกันไปหมดเละไปหมด ทุกคนต้องการสบายหมดนั่นแหละคือคนไทย อยากให้ทุกคนลองไปเปิดดูซีรีส์หนังต่างประเทศ “The Westworld” ซึ่งเนื้อหาสะท้อนถึงว่ากว่าที่เขาจะเป็นประเทศมาเขาตายกันเท่าไหร่ แต่ของเราไม่มีอย่างนั้น เราอยู่กันแบบไทยแท้ และเราจะพัฒนาต่อไป นี่คือประเทศไทยของพวกเราทุกคน เราต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สิ่งที่ตนพูดวันนี้แค่หนึ่งในร้อย

ไม่เอาแล้วเข้มแข็งวูบวาบเพราะเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เขียนข้อความบนบอร์ดว่า “ช่วยกันสร้างไทยไปด้วยกัน แข็งแรงโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขอบคุณ เป็นกำลังใจให้คนไทยทุกคน รักและห่วงใยเสมอ” พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลพยายามสร้างความเข้มแข็งโดยไม่ใช่แค่การให้เงินเพียงอย่างเดียวเหมือนที่แล้วมาและก็หายไป ปีหน้าก็ให้เงินใหม่ เราต้องสร้างความเข้มแข็งลงทุนทั้งอีอีซีและรถไฟความเร็วสูง รวมถึงรถไฟทางคู่ โดยเราเป็นเจ้าของทั้งหมดไม่มีประเทศใดได้สัมปทาน ก่อนจะมอบหนังสือ “ร้อยเรื่องเล่า” หนังสือรวมโครงการของรัฐบาลพร้อมลายเซ็น และถ่ายรูปร่วมกับดารานักแสดง ท่ามกลางเสียงเพลง “สร้างไทยไปด้วยกัน” ร้องโดย “เก่ง เดอะวอยซ์” และเรียบเรียงดนตรีโดย “หนึ่ง จักรวาล” ที่เปิดเป็นครั้งแรก โดยนายกฯได้ร้องคลอตามและแสดงสีหน้าอย่างมีความสุข

แก้ปมไพรมารีเพื่อให้ทันโรดแม็ป

ต่อมาเวลา 14.15 น. ภายหลังการประชุมครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาการใช้ระบบไพรมารีโหวตในการเลือกตั้งว่า เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องแก้ในเรื่องการปลดล็อก ขณะนี้บางพรรคมีปัญหาแต่บางพรรคก็ไม่มีปัญหา ฉะนั้นเราอย่ามาขัดแย้งกันเลย ระยะแรกเราต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปตามกำหนดเวลา ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาอีก จึงต้องมีมาตรการในเรื่องเหล่านี้ ถ้าไม่ทำเลยก็ไม่ได้ เราต้องหาวิธีการทำอย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดที่จะไปสู่กำหนดการเลือกตั้ง ตอนนี้อยู่ระหว่างการหารือ รวมถึงความพร้อมของทุกพรรค และการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคในระยะแรกควรจะเป็นได้แค่ไหน เพื่อให้เวลาในการเปลี่ยนผ่านต่อการปฏิรูปการเมืองในครั้งต่อไป

เด้งเชือกประกาศจุดยืนการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความชัดเจนทางการเมืองว่า วันนี้รู้ตัวอยู่แล้วว่าจะต้องเจอคำถามใด จะตัดสินใจทางการเมืองหรือยัง แนวโน้มจะเป็นอย่างไร ขอตอบว่า เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกสองฉบับโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว และเมื่อมีคำสั่ง ม.44 คลายล็อกพรรคการเมือง จากนั้นคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ที่จะต้องได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล โดยสถาน-การณ์ในช่วงนั้นจะเป็นผลในการตัดสินใจของตนว่าจำเป็นต้องอยู่เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามรัฐธรรมนูญ หรือด้วยกลไกของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถ้าจำเป็นแล้วจะเป็นได้อย่างไร ซึ่งจะตัดสินใจอีกครั้งในสถานการณ์ช่วงนั้น วันนี้คงตอบได้เท่านี้ ทั้งนี้เพื่อ ปกป้องผลประโยชน์ชาติและประชาชน นำประเทศไปสู่การปฏิรูป เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติที่ได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว

ยันไม่ได้ใช้ ก.ม.จนตึงเปรี๊ยะ

เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลเมียนมาตัดสินจำคุกนักข่าวจากการทำหน้าที่ กรณีเช่นนี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเรา แล้วเราจะไปคิดว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นในไทยหรือไม่ทำไม มาถามคำถามแบบนี้มันไม่ใช่เพราะทุกประเทศมีกฎหมายของตัวเอง กฎหมายแต่ละประเทศว่าอย่างไร ทำผิดกฎหมายหรือเปล่าก็เป็นเรื่องการดำเนินการตามกฎหมาย รัฐบาลไม่ได้ใช้กฎหมายทุกเรื่องไป หลายอย่างเราก็ปล่อยบ้าง ผ่อนผันบ้าง

ครม.สัญจรเมืองเลย-เพชรบูรณ์

พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.รับทราบการประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 7/2561 ในวันที่ 17-18 ก.ย. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงพื้นที่ ตรวจราชการภาคอีสานตอนบน 1 ประกอบด้วย จ.บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี และพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 ได้แก่ จ.พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก สุโขทัยและอุตรดิตถ์ โดยวันที่ 17 ก.ย.นายกฯลงพื้นที่ จ.เลย และช่วงบ่ายลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ ขณะที่วันที่ 18 ก.ย.ประชุม ครม.สัญจร

“จารุวรรณ” นั่งเลขากฤษฎีกา

พ.อ.หญิง ทักษดากล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีมติแต่งตั้งข้าราชการในหลายหน่วยงาน ทั้งแทนผู้ที่เกษียณในวันที่ 1 ต.ค. หรือให้เกิดความเหมาะสมในการบริหารงานในหน่วยงานนั้น สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายที่น่าสนใจ อาทิ ที่ประชุม ครม.มีมติแต่งตั้ง น.ส.จารุวรรณ เฮงตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา แทนนายดิสทัต โหตระกิตย์ นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม

ครม.เห็นชอบ 6 ก.ม.เลือกตั้งท้องถิ่น

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.เห็นชอบตามสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น และร่างกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น (อปท.) รวม 6 ฉบับ เพื่อให้สอดคล้องรัฐธรรมนูญ สาระสำคัญ อาทิ จากเดิมกำหนดให้ อปท. จัดการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น กฎหมายใหม่ให้ กกต.รับผิดชอบ แต่มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยหรือ อปท.จัดการเลือกตั้งแทนได้ ส่วนกฎหมาย กทม.ยังคงให้มีสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) แต่ขณะนี้ ส.ข.ทุกเขตหมดวาระยังไม่อนุญาตให้เลือกตั้ง ต้องรอการตัดสินใจจากกระทรวงมหาดไทยว่ายังจะให้มี ส.ข.อยู่หรือไม่ ถ้ายกเลิกต้องออกกฎหมายมาเป็นฉบับที่ 7 เพื่อยกเลิกในวันข้างหน้า รวมถึงกำหนดสมาชิกท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่าคะแนนเสียงที่ประชาชนไม่ได้เลือกผู้ใด การเพิ่มจำนวนคนจาก 100,000 คนเป็น 150,000 คน หากระดับหมู่บ้านสามารถควบรวมกันได้ เพราะบางหมู่บ้านมีไม่ถึง 25 คน จึงให้รวมหมู่บ้านเป็นเขตเลือกตั้งเดียวกันได้

ประเดิมหลังเลือกตั้งใหญ่ปี 62

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นอกจากนี้ เดิมคนที่มีชนักติดหลัง มีคดีความลงเลือกตั้งได้ แต่กฎหมายใหม่ลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่ยังวาระ 4 ปีเหมือนเดิม ทั้งนี้ การตรวจสอบทุจริตเดิมให้ กกต.มีสิทธิเพิกถอนผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งก่อนและหลังการประกาศผล แต่ฉบับใหม่ระบุถ้าก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง หากตรวจสอบแล้วพบทุจริต กกต.สามารถเพิกถอนสิทธิได้ 1 ปี แต่หลังประกาศผลเลือกตั้งแล้ว กกต.เห็นว่าข้อมูลยืนยันได้ว่าทุจริตให้ยื่นคำร้องไปยังศาล อุทธรณ์ หากสอบแล้วทุจริตจริง กกต.มีสิทธิเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งด้วย ทั้งนี้หลัง ครม.เห็นชอบส่งไปให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณาในเดือน ก.ย.นี้ คาดว่าเดือน พ.ย.พิจารณาแล้วเสร็จก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ กระบวนการทั้งหมดจะเสร็จในเดือน ก.พ.62 เวลาเลือกตั้งท้องถิ่นที่เหมาะสมน่าเป็นหลังเลือกตั้งใหญ่วันที่ 24 ก.พ.62 แต่ไม่จัดพร้อมกันทีเดียว รอบแรกจัดเลือกตั้งใน 40 จังหวัดในพื้นที่ที่ไม่มีการแบ่งเขตต่างจากเดิม และเลือกตั้งรอบ 2 ใน 30 กว่าจังหวัดที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับ เมื่อออกมาต้องเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนหรือหลังเลือกตั้งใหญ่ 3 เดือน ซึ่งน่าจะเลือกตั้งหลังเลือกตั้งใหญ่

กกต.จับมือ มท.ถกรับมือเลือก ส.ว.

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย พ.ต.ท. จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าพบนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง และนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการส่งเสริมปกครองท้องถิ่น เพื่อหารือถึงการเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยเลขาธิการ กกต. กล่าวว่า เมื่อกฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จะมีผลบังคับใช้ทันที ทำให้มีเวลาเพียง 3-4 เดือนเท่านั้น จึงต้องเตรียมการไว้ก่อน คาดจะได้รายชื่อส่งให้ คสช. คัดเลือกในต้นปี 62 ส่วนการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้งทั่วไป โดยเฉพาะแนวทางการแบ่งเขต กกต.ในพื้นที่มีการประสานกับหน่วยงานทางปกครองในพื้นที่เกี่ยวกับการสำรวจประชากรเพื่อแบ่งเขตเลือกตั้ง เบื้องต้นมีการทำข้อมูลแบ่งเขตไว้แล้ว

นายฉัตรชัยกล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่ดูแลพื้นที่ท้องถิ่นให้สอดรับกับการเลือกตั้ง อาทิ บริหารการเลือกตั้งที่ได้รับมอบหมายจาก กกต.รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ส่วนหลังจากที่ คสช.คลายล็อกให้พรรคการเมืองนั้น กระทรวงมหาดไทยจะดูแลพื้นที่ และให้ทุกฝ่ายดำเนินการไปตามกฎหมายเลือกตั้ง

ชูกระจายอำนาจแก้วิกฤติชาติ

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ สถาบันพระปกเกล้าจัดสัมมนาวิชาการ ในโอกาสครบรอบ 20 ปี แห่งการสถาปนาสถาบันพระปกเกล้า โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ปาฐกถาพิเศษเรื่อง การปฏิรูปกฎหมายกับสังคมไทยในอนาคตว่า ประเทศไทยถ้าความเหลื่อมล้ำยังมากอยู่ ธนาคารโลกระบุว่า จะทำให้ เกิดความไร้เสถียรภาพที่ทำให้เกิดขัดแย้งตั้งแต่ปี 2549-2553 ปัจจุบันที่สงบเพราะ คสช.เข้ามากุมอำนาจ ถ้าเลือกตั้งรากฐานจากความเหลื่อมล้ำยังอยู่ ธนาคารโลกจึงตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมได้ยาก เมื่อดูปัญหาต้องปฏิรูปกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาให้สังคมในอนาคต การปฏิรูปกฎหมายจะต้องกระจายอำนาจมากขึ้น เมื่อตั้งเป้าแบบนี้ก็ปฏิรูปกฎหมายไปตามนั้น รัฐบาลประกาศตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดน 10 แห่งทั่วประเทศ แต่จะไม่เกิดตามนั้น เพราะคนที่ตัดสินใจอยู่ส่วนกลาง ถ้าไม่กระจายอำนาจแท้จริง การกระจายอำนาจจึงเป็นหัวใจสำคัญในการปฏิรูปบ้านเมือง

“อภิสิทธิ์” ยันต้องทบทวนกติกา

ต่อมามีงานเสวนาเรื่อง พรรคการเมืองไทยบนเส้นทางแห่งการปฏิรูป โดยมีตัวแทนของ 6 พรรค การเมืองร่วมเสวนา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากเห็นพรรคการเมืองสามารถดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้ การเลือกตั้งเป็นธรรม ขจัดปัญหาซื้อเสียง หากปล่อยไปจะเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรอุบาทว์ อยากให้ประชาชนกำหนดอนาคตของประเทศได้จริง และจำเป็นต้องทบทวนกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนชัดว่านโยบายแก้ปัญหาไม่ให้เอารัดเอาเปรียบ ลดความเหลื่อมล้ำ แก้กฎกติกา ดำเนินนโยบายตามเจตนารมณ์ประชาธิปไตย และเคารพเสียงข้างน้อย ยอมรับการตรวจสอบ ไม่แสวงหาประโยชน์

“จาตุรนต์” ลั่นไม่เอานายกฯคนนอก

ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคจะรณรงค์ให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ชาติ แก้ระบบการเมืองของประเทศ และแก้รัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย โดยยกเลิกระบบที่จะมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมาก แต่ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ หากมีผู้นำ คสช.มีชื่อเป็นนายกฯคนนอก ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เราจะไม่สนับสนุนนายกฯคนนอก และหากมีการเลือก มีนายกฯคนนอกจะไม่ขอร่วมรัฐบาล เพราะไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ แม้พรรคการเมืองจะลุแก่อำนาจอย่างไร กองทัพก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะยึดอำนาจ

“สรอรรถ” ได้กลิ่นวืดเลือกตั้ง

ขณะที่นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การปฏิวัติรัฐประหาร ไม่ได้ก่อให้เกิดการพัฒนาบ้านเมือง ตรงกันข้ามเป็นการติดหล่มมากกว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อน การเลือกตั้งเป็นทางออกเดียวของสังคม แต่ไม่ง่ายอย่างที่คาดกัน เพราะออกระเบียบและกฎเกณฑ์หยุมหยิม คุมแม้กระทั่งการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียและยังมีปัญหาต่างๆมากมาย เกรงวันที่ 24 ก.พ.62 จะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ รวมทั้งการหาเสียงเวลาน้อยมาก ผลที่ออกมายังไม่สามารถประเมินได้ แต่อยากเห็นทุกพรรคยอมรับผลการเลือกตั้งที่จะออกมา รวมทั้งให้การยอมรับพรรคอันดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล อย่ามีการตีรวน จนนำไปสู่ความขัดแย้ง

“ธนาธร” ปลุกพรรคการเมืองหยุด คสช.

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ถ้าไม่แก้ปัญหาทางการเมือง ปัญหาอื่นของประเทศจะไม่สามารถแก้ไขได้ โดยพรรคเสนอให้หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ แก้รัฐธรรมนูญปัจจุบันทั้งฉบับที่มีข้อจำกัด ตนไม่เอารัฐประหาร อยาก ให้เป็นภารกิจของคนรุ่นเรา หยุดที่รุ่นเรา ก่อนที่จะตายต้องทำสักครั้ง อยากให้รัฐประหารครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย กราบได้ก็จะกราบ และอยากให้การเลือกตั้งเป็นการหยุดการสืบทอดอำนาจของ คสช. เรียกร้องทุกพรรคร่วมมือกันต่อต้านรัฐประหาร เพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่สงบสุข

“หมวดเจี๊ยบ” ตื๊อเลิกเกณฑ์ทหาร

ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับกรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ระบุการเกณฑ์ทหารเป็นความเสมอภาคเหมือนการเสียภาษีที่ทุกคนต้องเสียเหมือนกัน แต่กลับมองว่าการเกณฑ์ทหารที่ใช้วิธีจับสลากสะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคม ลูกคนมีเงินมีช่องทาง หลีกเลี่ยงไม่ต้องเกณฑ์ทหารได้โดยการเรียน รด. คนที่ต้องไปจับใบดำ ใบแดง ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนจนที่ไม่ได้เข้าระบบการศึกษา เท่ากับว่าทหารเกณฑ์ที่จับสลากได้ใบแดงกำลังจ่ายภาษีมากกว่าคนทั่วไป เสียโอกาสในชีวิตอย่างที่ไม่มีวันทวงคืนได้ หรืออาจถูกซ่อมจนร่างกายทนสภาพไม่ไหว ดังนั้นประเทศไทยจึงต้องปฏิรูปกองทัพในทุกมิติ โดยเฉพาะทหารเกณฑ์ ควรรับสมัครผู้ที่สมัครใจ แล้วยกเลิกการบังคับการเกณฑ์ทหาร

ศาลยกคำร้องกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ก.ย. ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ในคดี ที่ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ผู้ต้องหาคดีชุมนุมทางการเมืองยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลอาญาที่อนุญาตให้ฝากขัง นายรังสิมันต์ โรม อายุ 25 ปี นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ อายุ 26 ปี พร้อมแกนนำและผู้ชุมนุมที่ถูกแยกควบคุมตัวไว้ที่ สน.พญาไท 10 คน และสน.ดินแดง 5 คน รวม 15 คน ผู้ต้องหาคดียุยงปลุกปั่นจากการชุมนุมที่หน้า ม.ธรรมศาสตร์ และหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในวาระครบรอบ 4 ปี รัฐประหารของ คสช. เมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2561 ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนให้ยกคำร้อง น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ขังผู้ต้องหาทั้ง 15 คน โดย พิจารณาว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จมีเหตุที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอฝากขังระหว่างศาลกับพนักงานสอบสวน ตาม ม. 87 ผู้ต้องหาที่ 9 ไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นได้เป็นที่น่าสังเกตว่า เราไม่มีสิทธิโต้แย้งให้คำสั่งที่เราเห็นว่ามีปัญหาได้รับการพิจารณาตรวจสอบเพื่อความเป็นธรรม ส่วนเรื่องที่จะฎีกาคำสั่งต่อหรือไม่ จะขอปรึกษาทีมทนายความ แต่คิดว่าคงยื่นฎีกาต่อ

ยื่นฟ้องอดีตบิ๊กกฤษดามหานคร

วันเดียวกัน เวลา 16.00 น. ที่ศาลอาญาคดี ทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้องนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร นายรัชฎา บุตรชายนายวิชัย อดีต กก.ผู้มีอำนาจบริษัทโบนัส-บอร์น จำกัด นายบัญชา ยินดี อดีต กก.ผู้มีอำนาจบริษัทอาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด และบริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด บริษัทในเครือของ บมจ.กฤษดามหานคร น.ส.เพชรรัตน์ เทพสัมฤทธิ์พร อดีตเลขานุการของนายรัชฎา นายปภพ สโรมา มีชื่อเป็น กก.ใน 3 บริษัท ประกอบด้วยบจก.อาร์เคฯ บจก.โกลเด้นฯ บริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด และนายธีรโชติ พรมคุณ พนักงาน บมจ.กฤษดามหานคร เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และอัยการขอให้นับโทษ นายวิชัย นายรัชฎาและนายบัญชา อดีตจำเลยที่ 1-3 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาให้จำคุกทั้ง 3 คน คนละ 12 ปี ในคดีร่วมทุจริตการปล่อยสินเชื่อของ ธ.กรุงไทย กับกฤษดามหานคร

ศาลรับฟ้อง 6 จำเลยฐานฟอกเงิน

คำฟ้องของอัยการระบุพฤติการณ์กล่าวหาจำเลยทั้ง 6 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 11 ก.ย.46-ธ.ค.47 หลังจากที่พิจารณาอนุมัติสินเชื่อของ ธ. กรุงไทย ผู้เสียหายให้กับ บมจ.กฤษดามหานครและบริษัทในเครือโดยมิชอบแล้ว จำเลยทั้ง 6 กับพวกอีกหลายคนสมคบกันฟอกเงินที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อโดยมิชอบ จำนวน 10,400,000,000 บาท เป็นการโอน รับโอนหรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือเพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ในความผิดมูลฐาน หรือกระทำการเพื่อปกปิด อำพรางการได้มา การโอนซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการสมคบกันฟอกเงิน ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อท.214/2561 ศาลจะนัดสอบคำให้การจำเลยทั้ง 6 ต่อไป

“โอ๊ค พานทองแท้” ลุ้นระทึก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวิชัย นายรัชฎาและนายบัญชา จำเลย ส่วนใหญ่ ตัวยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ส่วนคดีการโอนและรับโอนเงินกู้สินเชื่อ ธ.กรุงไทย กับบริษัทในเครือกฤษดามหานครนั้น นอกจากคดีที่ยื่นฟ้องนี้แล้ว ยังมีคดีที่กล่าวหานางกาญจนาภา หงษ์เหิน นายวันชัย หงษ์เหิน สามีและนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของอดีตนายกฯทักษิณ ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินที่ได้รับโอนเงินจากการทุจริตอนุมัติสินเชื่อ ธ.กรุงไทย

ดังกล่าว ที่อัยการสำนักงานคดีพิเศษกำลังพิจารณาสำนวนที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษดีเอสไอ โดยนัดผู้ต้องหาทั้งสามมารายงานตัวเพื่อสั่งคดีครั้งแรกในวันที่ 5 ก.ย. เวลา 09.00-10.00 น.