เจ้าของ "ห้างทองสุธาดา" ที่สงขลา เปิดใจพร้อมสู้ต่อ เผยร้านถูกปล้นมา 2 ครั้งแล้ว ครั้งนี้ไม่ได้ทำประกัน สูญหมด 85 ล้าน แต่ยังมีลูกค้าที่เชื่อใจ เตรียมซ่อมแซม พร้อมเปิดใหม่ใน 1 สัปดาห์
กรณีคนร้ายจี้รถตู้ พร้อมนำอาวุธครบมือบุกปล้นร้านทอง "ห้างทองสุธาดา" กลางตลาดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา เผยคนร้ายได้ปล้นทองรูปพรรณจนเกลี้ยงร้าน หนักถึง 2,400 บาท มูลค่ากว่า 85 ล้านบาท เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่า คดีนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุ ประมาณ 17-20 คน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันที่ 26 ส.ค.2562 พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการคลี่คลายคดี โดยเดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุ บริเวณหน้าร้านทอง พร้อมประชุมร่วม สรุปความคืบหน้าคดีที่ สภ.นาทวี กับ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รองผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.ปรีดา เปี่ยมวารี ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.เอกรัฐ สวนเสน ผกก.สภ.นาทวี
พล.ต.ท.วิสนุ เผยหลังการประชุมเพียงสั้นๆว่า คดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการตรวจกล้องวงจรปิด และรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับคนร้าย ซึ่งผลการสืบสวนเป็นที่น่าพอใจ
ด้าน พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 เปิดถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า ทางเจ้าหน้าที่ จะเก็บรายละเอียดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชื่อมโยงกับเหตุที่ร้านทองร้านนี้ เคยถูกปล้นเมื่อปี 48 แต่ยังบอกไม่ได้ว่า คนร้ายได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ ส่วนที่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะเหตุปล้นในครั้งนี้ แผนประทุษกรรมก็เหมือนกัน ซึ่งครั้งนั้นก็เชื่อมโยงกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ขณะนี้พอทราบกลุ่มแล้วว่ากลุ่มไหน รอเพียงหลักฐาน ที่ลงลึกในรายละเอียดให้มากกว่านี้ ก็จะชี้ชัดได้ว่าเป็นใคร ใครเป็นคนวางแผน
...
ส่วนความคืบหน้าในทางการสอบสวน มีรายงานว่า สอบพยานแวดล้อมไปแล้ว 11 ปาก และเช็กภาพจากกล้องวงจรปิดขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุ พบว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 6 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 5 กระบอก นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่คนร้ายยิงขู่ชาวบ้าน ขณะชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีในพื้นที่ บ้านพอบิดใต้ หมู่ 4 ต.ท่าประดู่ อ.นาทวี หลังนำรถตู้ไปจอดทิ้งไว้พบว่า เคยใช้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ต.ห้วยปลิง อ.เทพา จ.สงขลา เมื่อปี 61 จึงเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเหตุปล้นร้านทอง เป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.ปัตตานี กับ สี่อำเภอชายแดนสงขลา
ทั้งนี้ ในแนวทางการสืบสวนเป็นได้สูงว่า การปล้นร้านทองครั้งนี้ อาจเป็นฝีมือกลุ่มของ นายเจะอารง (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว จ.สงขลา ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบในระดับปฏิบัติการ รับผิดชอบเคลื่อนไหวในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา โดยเฉพาะนาทวี และเป็นระดับมือยิง มีหมายจับติดตัวของ สภ.สะบ้าย้อย 1 หมายจับ รวม 8 ข้อหา เช่น ร่วมกันก่อการร้ายฯ, ร่วมกันมีระเบิดไว้ในครอบครอง, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดฯ
ซึ่งเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ให้น้ำหนักไปที่กลุ่มของ นายเจะอารง เพราะเหตุปล้นร้านทองในครั้งนี้ รูปแบบเหมือนกับการปล้นเต็นท์รถวังโต้คาร์เซ็นเตอร์ ใน อ.นาทวี เมื่อปี 60 ทั้งการปล้นรถมาก่อเหตุ ลักษณะการลงมือที่ทำกันเป็นทีม ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกัน และครั้งนั้น ในทางการสืบสวนพบว่า นายเจะอารง มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมวางแผนด้วย
ส่วนเป้าหมายของการปล้น จะเป็นการสร้างสถานการณ์โดยตรง ของกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือเพียงแค่รับงานมานั้น เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะยังพบข้อพิรุธของคนร้ายหลายอย่างในการปล้นร้านทองครั้งนี้ ส่วนเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย เป็นไปได้ว่าอาจจะมีการข้ามพรมแดนไปยังประเทศมาเลเซีย พร้อมกับทองที่ขโมยไป เพราะแค่ขโมยรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านขับหลบหนี น่าจะไปไม่ไกล และพื้นที่เกิดเหตุก็อยู่ใกล้กับชายแดนไทย-มาเลเซีย ด้วย
ด้าน นายสมัคร อนุจร อายุ 56 ปี เจ้าของร้านทอง เปิดเผยว่า ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุ ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ เพราะแม้ว่าคนร้ายจะถอดปลั๊ก และขโมยกล้องไป แต่ก็เอาไปผิดตัว
นายสมัคร เล่าว่า ตอนเกิดเหตุ ตนอยู่ที่ร้านทองอีกสาขาหนึ่ง ซึ่งร้านนี้ มีพนักงานผู้หญิง 4 คน ส่วนคนร้ายมากัน 14 คน พร้อมอาวุธครบมือ เป้าหมายคือ ปล้นทอง วางแผนมาเป็นอย่างดีเป็นเดือน และน่าจะมีคนคอยชี้เป้า โดยขู่คนในร้าน หากขัดขืน จะยิง
ทั้งนี้ เมื่อปี 2548 ร้านทองสาขานี้ของตน เคยถูกคนร้ายปล้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ได้ทองไปเป็นจำนวนมากเช่นกัน และคดียังไม่สิ้นสุด โดยจับคนร้ายได้ 3 คน มอบตัว 1 คน และยังหลบหนีอีก 1 คน โดยมีลูกจ้างในร้านร่วมด้วย ซึ่งคนร้าย ก็มาจาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ และการปล้นครั้งนี้ ก็เชื่อว่า อาจจะเกี่ยวกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพราะคนธรรมดาทำไม่ได้
นายสมัคร กล่าวด้วยว่า แม้จะเคยถูกปล้นมาแล้วถึง 2 ครั้ง และครั้งนี้คนร้ายได้ทองคำไปเกลี้ยงร้าน มูลค่าประมาณ 85 ล้านบาท ซึ่งทางร้านไม่ได้ทำประกันเอาไว้ ทุกอย่างหมด ไม่มีเหลือ แต่ตนก็จะสู้ต่อ โดยหลังจากนี้จะเร่งซ่อมแซมร้านที่ถูกคนร้ายทุบกระจกพังหมด ให้กลับมาเปิดให้อีกครั้งใน 1 สัปดาห์ เพราะยังมีลูกค้าที่ไว้ใจ ทำให้มีกำลังใจจะสู้ต่อ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผบช.ภ.9 นั่งไม่ติด! สั่งล่าโจรปล้นทองนาทวี ล่าสุดรวม 85 ล้าน
- พบรถตู้ “โจรปล้นทอง” จี้มาจากปัตตานี ซุกสวนยางห่างจุดเกิดเหตุ 15 กิโลฯ
...
- 5โจรแต่งกายคล้ายทหาร ควงอาวุธสงคราม บุกปล้นร้านทอง กวาดไปเกือบหมด
- รองโฆษก ตร. เผยปล้นทองที่นาทวี ไม่ฟันโยงกลุ่มป่วน 4 จังหวัดภาคใต้