“ส.ส.เต้” ประกาศถอนตัวจากคดีแตงโม 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งทีมทนายความ ทีมที่ปรึกษา และทีมบอดี้การ์ด อ้างเพื่อความสบายใจจะได้ไม่ต้อง ทะเลาะกับพี่อัจฯ ด้าน “ทนายเดชา” แฉปมแพแตก หลังแม่ภนิดาโทร.หากลางดึก ครวญรู้สึกเสียค่าโง่ หลงทางหลงผิด ไม่น่าไปเชื่อ ส.ส.เต้กับอัจฉริยะ เผยแม่ได้ทนายคนใหม่แล้ว ระบุคนบนเรือจ่อฟ้องกลับกราวรูด ด้าน “อัจฉริยะ” ซัดไม่ยั้ง โอดเสียน้ำตาเพราะ เจอแม่ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยพลิกไปพลิกมายังหาจุดจบไม่ลง หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นฟ้องคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ตามมาตรา 288 และมาตรา 290 ส่งผลให้คดีมีความเสี่ยง หากศาลวินิจฉัยพิจารณา ยกฟ้อง จะส่งผลต่อคดีที่อัยการเป็นโจทก์ต้องถูกยกฟ้องไปด้วย ทำให้นางภนิดาไม่พอใจ ออกมาตำหนินายอัจฉริยะอย่างรุนแรง ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กประกาศถอนตัวจากการทำคดีแตงโม ตามที่นายอัจฉริยะต้องการ ทั้งทีมดูแลแม่แตงโม ทีมทนายความ ทีมที่ปรึกษากฎหมาย ทีมบอดี้การ์ดของพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาทั้งหมดทันทีที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 17 มิ.ย. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แถลงยืนยันว่า ได้ถอนตัวจากการทำคดีของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม 100% แล้ว ทำให้ตนคลายความกังวลเพราะจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมและเพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเคลื่อนต่อไปได้เมื่อถามถึงกรณีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ อดีตทนายคดีแตงโม ยื่นเรื่องสอบจริยธรรม นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ถ้ามีมูลเหตุคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เป็นประธาน กมธ.ฯ จะต้องส่งไปที่คณะกรรมการจริยธรรม ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อจากคณะ กมธ. ป.ป.ช. เพราะต้องสืบโจทก์ให้สิ้นกระแสความก่อนว่า ตนกระทำผิดขณะปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แทรกแซงในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ถ้าสรุปแล้วไม่มีการแทรกแซงก็จบวันเดียวกัน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ อดีต ทนายความคดีแตงโม เปิดเผยผ่านสื่อโซเชียลอ้างว่า เมื่อคืนนี้ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโม โทร.มาหา พูดคุยกันนานกว่าครึ่งชั่วโมง คุณแม่บอกว่าคิดถึง โทร.มาในฐานะเป็นเพื่อนเก่ากัน และได้เล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นตอนไปอยู่กับทีม ส.ส.มงคลกิตติ์ และนายอัจฉริยะ คุณแม่กล่าวถึงนายอัจฉริยะว่า แม่เพิ่งมารู้ความจริงว่านายอัจฉริยะไม่ใช่ทนายความ ส่วนที่ขัดใจที่สุดคือนายอัจฉริยะไม่มีหลักฐานตามที่คุยโม้ไว้ว่ารู้ว่าใครเป็นคนฆ่า เห็นภาพตอนเอามีดกรีดขา แม่ขอดูเท่าไหร่ก็ไม่ยอมให้ดู สิ่งที่เอาให้ดูมีแต่คลิปวงจรปิดเก่าๆที่แม่เคยเห็นหมดแล้ว นายอัจฉริยะยังชอบข่มขู่ ด่าแม่ และยังไปฟ้องตรงต่อศาล โดยที่แม่ไม่ยินยอมด้วยนายเดชากล่าวอีกว่า ส่วนกับ ส.ส.เต้ คุณแม่บอกว่า ก็เป็นนักการเมือง ไม่ใช่ทนายความ แต่มาให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ต้องไปเอาคนอื่นมา ทำเอง ไม่ได้ คุณแม่บอกด้วยว่า ที่ผ่านมารู้สึกเสียค่าโง่ หลงทาง หลงผิด ไม่น่าไปเชื่อนายอัจฉริยะ และ ส.ส. เต้ หลังจากนี้ไม่เอาแล้ว คุณแม่จะขอเก็บตัวสักพัก เพราะก่อนหน้านี้ ทีมของนายอัจฉริยะกับ ส.ส.เต้ ชอบพาแม่ออกไปแถลงข่าว จนแม่เหนื่อยมาก คุณแม่บอกว่าตอนนี้ได้ทนายความคนใหม่แล้ว คือ นายชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา และเป็นทนายความอาวุโสที่มีประสบการณ์ สาเหตุที่เลือกแม่บอกว่าเพราะเป็นทนายความจริง ที่ผ่านมาเจอแต่วิศวกรมาทำหน้าที่ทางกฎหมาย เป็นการหลงทางไป ส่วนกับตนนั้น หากแม่มาขอให้ช่วยเป็นทนายความให้อีกครั้ง ตนก็ไม่เอาแล้ว ไม่มีความประสงค์ที่จะทำ ขอเป็นแค่เพื่อนกัน แค่คิดถึงกันก็พอนายเดชาอ้างว่า ล่าสุดตนได้รับทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ติดต่อพูดคุยกับคนบนเรือว่า ตอนนี้คนบนเรือร่างฟ้องเสร็จแล้ว จะเริ่มฟ้องหลังวันที่ 23 มิ.ย.เป็นต้นไป คนที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ โคนันเมืองไทย อาจต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งน้ำตา และสูญเสียอิสรภาพ หากสิ่งที่พูดมาทั้งหมดไม่เป็นความจริง โคนันเมืองไทยจะโดนหลายคดี เพราะนอกจาก 5 คนบนเรือแล้ว ยังมีคนนอกเรือที่จ่อจะดำเนินคดีอีกด้วย ทั้งตำรวจ แพทย์นิติเวช และอัยการ ที่โคนันเมืองไทยได้ไปข่มขู่เอาไว้ รวมถึงคุณแม่แตงโมเองก็บอกว่า กำลังปรึกษากับทนายชนบทว่าจะดำเนินคดีกับนายอัจฉริยะด้วยเช่นกันส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะได้ไปยื่นฟ้องตรงในคดีฆาตกรรมเอาไว้ นายเดชาอธิบายตามหลักกฎหมายว่า เมื่อมีคดีอาญาเกิดขึ้น บุคคลที่สามารถนำคดีขึ้นสู่ชั้นศาลได้คืออัยการ และผู้เสียหายซึ่งทั้ง 2 สำนวน ศาลจะนำเอาไปพิจารณาร่วมกันเพราะเป็นการกระทำเดียวกัน ถือว่ามีโจทก์ 2 ราย ไม่ใช่การฟ้องซ้อนหรือฟ้องซ้ำ แต่คุณแม่จะขอเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในคดีประมาทไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าเป็นโจทก์ในคดีฆาตกรรมแล้วนายเดชากล่าวอีกว่า คดีที่นายอัจฉริยะไปแอบฟ้อง และคุณแม่ไปยื่นต่อศาลว่าไม่ได้ยินยอม ต้องรอศาลไต่สวน หากพบว่าหนังสือมอบอำนาจถูกยกเลิกก่อนที่นายอัจฉริยะจะนำไปฟ้องจริง คดีนี้ก็ถือว่าเป็นโมฆะ เป็นการฟ้องไม่ชอบ ต้องตกไป แต่หากพบว่าหนังสือมอบอำนาจถูกยกเลิกภายหลัง การฟ้องของนายอัจฉริยะจะเป็นการฟ้องโดยชอบ แต่เมื่อคุณแม่เปลี่ยนทนายความแล้ว นายอัจฉริยะจะหมดสิทธิไป ทนายความคนใหม่จะเข้ามาดูสำนวนแทน หากหลักฐานต่างๆที่นายอัจฉริยะยื่นฟ้องไปเป็นความเท็จ บุคคลที่จะถูกดำเนินคดีกลับจะโดนทั้งคุณแม่ และนายอัจฉริยะ เพราะถือว่ามีส่วนร่วมด้วยกันในการยื่นฟ้องต่อศาล “ตอนนี้คุณแม่ยังคงอยากให้ฟ้องในมาตรา 290 อยู่ เพราะคุณแม่อยากได้ค่าเสียหาย คุณแม่ยังไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้ แต่ผมขอฝากไปบอกคุณแม่ว่า หากคดีที่นายอัจฉริยะยื่นฟ้องนั้น ศาลไต่สวนแล้วพบว่าเป็นการฟ้องโดยชอบ คุณแม่จะไม่สามารถเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในคดีประมาทได้ จะไม่สามารถเรียกค่าเสียหายในคดีประมาทได้แล้ว ส่วนคดีฆาตกรรม ถ้าศาลพิจารณาแล้วปัดตก เนื่องจากไม่มีมูล คุณแม่ก็จะไม่ได้ค่าเสียหายเช่นกัน ดังนั้น ตอนนี้ช่องทางเดียวที่คุณแม่จะยังคงเรียกค่าเสียหายได้ คือต้องลุ้นให้ศาลไต่สวนว่าการฟ้องของนายอัจฉริยะเป็นโมฆะ คุณแม่จะยังมีโอกาสยื่นขอเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ เพื่อเรียกค่าเสียหายในคดีประมาทได้อยู่” นายเดชากล่าวขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไลฟ์ถึงคดีแตงโมว่า คดีนี้ตนเสียเงินไปไม่น้อย แต่ไม่ได้สนใจ เพราะเสียความรู้สึกกับแม่มากกว่า ที่แม่ไม่อยู่กับร่องกับรอย จะได้ทำคดีนี้ต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแม่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือการไต่สวน จากกรณีที่แม่ไปยื่นเพิกถอนทนายความ ตนได้ส่งหนังสือคัดค้านไปขอทำคดีนี้ต่อ ขอให้ไต่สวนโจทก์คือแม่“แม่ไม่รู้หรอกว่าผมเสียน้ำตาไปสองครั้ง วันที่เสียความรู้สึกที่สุดคือวันที่คุณทำกับผมหลายแบบ อยากพูดให้คนทั้งประเทศฟังว่าไม่เคยเจอแม่แบบนี้เลย คุณไม่รักลูกเลย คุณบอกว่าสู้เพื่อลูก แต่ไม่เคยจริงจัง มองแต่ปัจจัยอื่น ผมร้องไห้คิดว่าวันนี้ถ้ามีพ่อแตงโมอยู่ เชื่อว่าไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ ผมถูกเสียดสี โดนเหยียดหยาม เสียเงินไป 5 แสนบาท ทนได้ แต่ความเจ็บปวดที่แม่ทำกับผม เดี๋ยวพูดว่าลูกรัก เดี๋ยวบอกว่าใช้ไม่ได้ ผมมีความรู้สึก เป็นคน ต้องมาทนกับแม่ที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ถามว่าท้อมั้ย ท้อ แต่อยากพิสูจน์ว่าแตงโมไม่ได้ตกท้ายเรือ คุณเป็นแม่แตงโมจริงหรือ ผมรู้หมดว่าคุยอะไรกับใคร เรียกเงินใคร ผมมีหลักฐาน ที่ทำไม่ใช่เพราะหิวแสง แต่สู้เพื่อแตงโม” นายอัจฉริยะกล่าว