ศาลอาญามีนบุรีอ่านคำพิพากษาคดีครอบครองปรปักษ์ทาวน์เฮาส์อากู๋ ตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 4 คน ฐานบุกรุกคนละ 6 เดือน ปรับคนละ 2 พันบาท และความผิดฐานลักทรัพย์ จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 2 หมื่นบาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง ฐานบุกรุกคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 1 พันบาท ฐานลักทรัพย์คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท รวมโทษจำคุกคนละ 9 เดือน ปรับ 1.1 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้ง 4 คนอายุมากแล้ว และยัง ร่วมกันชดใช้เงิน 1 ล้านบาท จนผู้เสียหายพอใจ เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
ศาลตัดสินคดีครอบครองปรปักษ์ทาวน์เฮาส์อากู๋ เปิดเผยขึ้นที่ศาลอาญามีนบุรี เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พ.ค. ศาลมีคำพิพากษาคดีอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ยื่นฟ้อง น.ส.ศรีพรรณ สามัคคี นางนิตยา สามัคคี นายพลกฤษณ์ ทองคำ และ น.ส.มาลี คินน้อย รวม 4 คน เป็นจำเลย ความผิดฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์ กรณีบุกรุกทาวน์เฮาส์ นายเหมทัศน์ หรืออากู๋ ปราชญานุสิทธิ์ อายุ 64 ปี ในซอยรามอินทรา 58 และอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์เป็นของตนเอง ก่อนย้ายออกไปเมื่อปลายปี 2566 ต่อมาลักลอบกลับเข้ามาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์อีกครั้ง อากู๋จึงร้องเรียนสื่อมวลชนและพากันเข้าไปแจ้งความที่ สน.โคกคราม ดำเนินคดี จำเลยได้รับอนุญาตให้ประกันตัววงเงินคนละ 50,000 บาท วันนี้จำเลยทั้ง 4 คน พร้อมทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษาครบ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ระหว่างปี 2560-2566 จำเลยทั้ง 4 คนบุกรุกเข้าไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีใครอยู่ แล้วต่อเติมสิ่งปลูกสร้างอยู่อาศัย แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า มีการบุกรุกตอนกลางวันหรือกลางคืน จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่า เป็นการบุกรุกในเวลากลางวัน เเละไม่ได้เป็นการกระทำความผิดโดยบุกรุกอย่างต่อเนื่อง
...
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 และมาตรา 365 ประกอบมาตรา 83 การกระทำความผิดเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานบุกรุกจำคุก 6 เดือน ปรับ 2 พันบาท เเละความผิดฐานลักทรัพย์จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 2 หมื่นบาท จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง ฐานบุกรุกคงจำคุก 3 เดือน ปรับ 1 พันบาท ฐานลักทรัพย์คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท รวมโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คน 9 เดือน ปรับ 1.1 หมื่นบาท
พิเคราะห์เเล้วเห็นว่า จำเลยทั้ง 4 คนอายุมากเเล้ว เเละจำเลยยังร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1 ล้านบาท จนเป็นที่พอใจของผู้เสียหายเเล้ว เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นคดียอมความกันได้ ทางโจทก์ร่วมขอถอนฟ้องไม่ติดใจเอาความ
หลังฟังคำพิพากษา น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ ทนายความอากู๋ กล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้เสียหายชนะคดี ข้อหาฐานบุกรุกและข้อหาลักทรัพย์ รวมโทษที่ลดเเล้วจำคุก 9 เดือน ปรับ 1.1 หมื่นบาท ในส่วนทำให้เสียทรัพย์โจทก์ร่วมถอนฟ้อง ศาลเมตตาเนื่องจากเห็นว่า ไม่เคยกระทำผิดเเละจำเลยสูงอายุ จึงให้รอลงอาญา 2 ปี หลังจากนี้คดีจะจบลงที่ศาลชั้นต้นเนื่องจากทางผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ตอนนี้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในส่วนคดีครอบครองปรปักษ์ที่ฝ่ายจำเลยยื่นถอนคำร้องไปก่อนหน้านี้
ด้านนายภคิน หรือซัน ทิมกุล อายุ 27 ปีหลานอากู๋ เดินทางมาพร้อม น.ส.สโรชา ภรรยา น.ส.สโรชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียนของคนกระทำเเบบนี้ สิ่งที่มันผิดกฎหมายที่เราควรรู้ว่า การไปยุ่งของของคนอื่นควรมีบทลงโทษ ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปในสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คดีนี้หลังพนักงานสอบสวนรับแจ้งความร้องทุกข์มีผู้ต้องหารวม 5 คน แต่หลังกลายเป็นกระแสสังคม น.ส.ภาณุมาศ หรือณุ สามัคคี อายุ 52 ปี 1 ในผู้ถูกกล่าวหาขณะนั้น ตัดสินใจผูกคอตายภายในบ้านเลขที่ 9/564 ในหมู่บ้านมัณฑนา รามอินทรา-วงแหวน ถนนกาณจนาภิเษก (คู่ขนาน) แขวงและเขตคันนายาว กทม. สร้างความตกตะลึงให้นายพลกฤษณ์ ทองคำ สามี ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ผู้ต้องหา ที่ศาลพิพากษาวันนี้ด้วย
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่