นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลสงฆ์ ดำเนินการเรื่องสถานชีวาภิบาลเพื่อจัดสถานที่ดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยระยะท้าย หรือการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Ward/Hospital at Home) จากข้อมูลสถิติของสำนักงานพระพุทธ ศาสนาแห่งชาติ ประจำปี 2564 ประเทศไทยมีวัด 43,562 วัด มีพระภิกษุสามเณร 241,368 รูป พบว่าพระอาพาธระยะท้าย 9,655 รูป จึงได้ดำเนินโครงการ “กุฏิชีวาภิบาล” เพื่อให้การดูแลพระสงฆ์อาพาธระยะท้ายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีพระคิลานุปัฏฐากที่ผ่านการอบรมถวายความรู้ตามหลักสูตร “การดูแลพระอาพาธระยะท้ายของพระคิลานุปัฏฐาก” ที่เน้นการดูแลสุขภาพพระสงฆ์อาพาธระยะท้ายอย่างมีประสิทธิภาพที่วัด

ด้าน นพ.อภิชัย สิรกุลจิรา ผอ.รพ.สงฆ์ กล่าวว่า พระสงฆ์เมื่ออาพาธติดเตียงหรือเจ็บป่วยระยะท้ายก็มีความประสงค์จะขอกลับวัด แต่สถานที่รับรองมีจำนวนน้อยหรือบางวัดไม่มี รพ.สงฆ์ จึงได้จัดทำโครงการ “กุฏิชีวาภิบาล” เพื่อเป็นสถานที่ดูแลพระสงฆ์อาพาธระยะท้าย โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ (Virtual Hospital) มาสนับสนุนการให้บริการและพัฒนาศักยภาพพระคิลานุปัฏฐากที่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรของกรมอนามัย 70 ชั่วโมง มารับการอบรมถวายความรู้เพิ่มเติมภาคทฤษฎีอีก 5 วัน และภาคปฏิบัติใน รพ.อีก 15 วัน และยังถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอุปัฏฐากพระสงฆ์อาพาธที่เอื้อต่อพระธรรมวินัยให้กับบุคลากรในพื้นที่ทั้ง 13 เขตสุขภาพ พร้อมทั้งจัดตั้งกุฏิชีวาภิบาลต้นแบบ 4 แห่งในเบื้องต้น ได้แก่ 1.เขตสุขภาพที่ 7 วัดท่าประชุม จ.ขอนแก่น 2.เขตสุขภาพที่ 3 วัดทับคล้อ จ.พิจิตร 3.เขตสุขภาพที่ 11 วัดบุญนารอบ จ.นครศรีธรรมราช และ 4.เขตสุขภาพที่ 4 วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี โดยตั้งเป้าหมายปี 2570 จะจัดตั้งกุฏิชีวาภิบาลให้ครบทุกเขตสุขภาพ.

...

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่