แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาละวาดไปทั่วภูมิภาคเหยื่อที่เดือดร้อนไม่ได้มีเฉพาะคนไทย!
เห็นได้จากความร่วมมือระหว่างประเทศในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนำตัวกลับไปลงโทษตามหมายจับของแต่ละประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ตัวอย่างกรณีความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ ทำให้ตำรวจไทยสามารถเข้าไปทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ในประเทศกัมพูชา ทยอยส่งคนร้ายที่เป็นคนไทยกลับมาดำเนินคดีจำนวนมาก
ล่าสุด ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปอส.ตร. (PCT) รับตัวมาจากประเทศกัมพูชามาดำเนินคดีเกือบ 100 คน!
หรืออย่างกรณีทางไทยขอให้ตำรวจสากลและตำรวจแอลเบเนีย ช่วยจับกุมตัวนายจือ หยวน กัว สัญชาติจีน หัวโจกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้คิดค้นกลโกงแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โทรศัพท์ข่มขู่เหยื่อจนยอมโอนเงินมานักต่อนัก
ตัวนี้แหละเด็ด เพราะมีเหยื่อเป็นคนไทยจำนวนมาก หน่วยงานที่ถูกแอบอ้างมีตั้งแต่ศาล อัยการ ตำรวจ ดีเอสไอ ศุลกากร สรรพสามิต บริษัทส่งพัสดุ ฯลฯ
แต่ยังเหลือตัวที่ทางการไทยต้องการอีกหลายคน จะปล่อยให้ร่อนไปทั่วโลก ขณะสั่งการสมุนสร้างความเดือดร้อนอยู่หรือ?
ประเทศจีนเองใช่ว่าจะไม่เดือดร้อน อาทิตย์ก่อนตำรวจ ตม.จับกุม นายซู เหว่ย สัญชาติจีน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งกลับไปดำเนินคดี เพราะถูกออกหมายแดงข้อหาการจัดการและขนส่งบุคคลลักลอบเข้าและออกเมือง
มีพฤติการณ์นำชาวจีนลักลอบข้ามแดนไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศลาวและกัมพูชา โทร.กลับไปหลอกลวงเพื่อนร่วมชาติจนเดือดร้อนสาหัสเช่นกัน!
นี่แสดงให้เห็นว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดไปทั่วภูมิภาค
ถึงเวลาที่โลกต้องช่วยกันปิดล้อมไล่ล่าขบวนการเหล่านี้แล้ว?
สหบาท
...