“น่าสงสารเด็กซึ่งตกเป็นเหยื่อถึงแม้จบการศึกษาเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพด้วยตนเอง ทำงานเป็นประโยชน์ให้สังคม แต่ถูกปั่นหัวจนมาก่อเหตุแบบนี้ ตำรวจได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพ เนื่องจากมีการสร้างกระแสความเกลียดชัง ใช้เด็กและเยาวชนทำงาน เป็นการบ้านที่ตำรวจต้องจัดการพวกนี้”
“ความเห็นต่างมีได้ไม่ผิดตามหลักการของประชาธิปไตย แต่การสร้างกระแสความเกลียดชังให้เด็กและเยาวชนออกมาเพื่อประโยชน์ของตนเองมันเป็นความเลวร้าย สงสารเด็กและเยาวชนมองอะไรด้านเดียวไม่มีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำปรึกษามันเหมือนเป็นการล้างสมอง ให้ออกมาทำความผิด ฝากถึงพ่อแม่ผู้ปกครอง คนใกล้ชิด”
เพราะจะเป็นปัญหาให้กับสังคม
เป็นการถ่ายทอดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้เห็นถึงปัญหาสำคัญในสังคมไทยกับคดี นายไพฑูรย์ สิงห์จารย์ อายุ 20 ปี และ นายสุขสันต์ แก้วยศ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาปาระเบิดใส่ ส.ต.ต.ธนาวุฒิ จิรคเชนทร์ ผบ.หมู่ บก.อคฝ. ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่แยกดินแดง หลังเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาเอง
ผบ.ตร.ร่วมชุดสืบสวน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.ภ.2 สอบผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การว่าประกอบวัตถุระเบิดเพื่อใช้ในการก่อเหตุในการร่วมกิจกรรมชุมนุมที่แยกดินแดง จัดซื้อและหาวัตถุระเบิดจากการซื้อสินค้า “ออนไลน์” มาประกอบเอง นำไปใช้ทำร้ายเจ้าหน้าที่หลายครั้ง
นายไพฑูรย์ และนายสุขสันต์มีปัญหาทางครอบครัว ขาดพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก แต่ทั้ง 2 คนเป็นเด็กดี ขยันทำงานหารายได้ดูแลตัวเอง ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งคู่ไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่ค่อยพบปะกับใคร ช่วงหลังๆเข้าร่วมกลุ่มโซเชียลได้รับข้อมูลที่ผิด ถูกชักจูงในทางที่ไม่ดี
...
ก่อนมาก่อเหตุกับตำรวจ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ บอกว่า การทำงานตำรวจต้องปรับยุทธวิธีให้ดีขึ้น แม้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนความคิดคนได้ แต่ต้องบอกว่าสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้อง และไม่สามารถจบปัญหาความเห็นแตกต่างด้วยวิธีการแบบนี้
เรื่องพวกนี้เกิดจากการบ่มเพาะความคิดผ่านโซเชียลมีเดีย และมีผู้มีความคิดบริสุทธิ์แต่ต้น แต่ทำเรื่องแบบนี้อีกมากมาย จึงเป็นการบ้านที่งานความมั่นคงต้องไปดำเนินการ พฤติกรรมผู้ต้องหา มีแรงจูงใจจากการติดตามการชุมนุมผ่านโซเชียลมีเดีย ก่อนจะลอกเลียนแบบ แล้วนำมาปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการยอมรับในทางที่ผิดกับกลุ่มเด็กและเยาวชน จึงมีความเป็นห่วง เพราะผู้ต้องหายังมีอายุน้อย
ผบ.ตร.ฝากเตือนผู้ปกครอง และเยาวชนของประเทศ ให้ทบทวน เพราะเมื่อคิดทำผิดพลาดแล้วต้องถูกดำเนินคดี ตกเป็นเครื่องมือคนบางกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง ยั่วยุ ปลุกปั่น หลอกลวง หวังผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
สุดท้ายต้องมาเสียอนาคต.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th