ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดกิจกรรมวันสถาปนา สพฐ.ครบรอบ 22 ปีในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ซึ่งในก้าวต่อไปของ สพฐ.สู่ปีที่ 23 นั้น ถือว่าหน่วยงาน สพฐ.เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว จะต้องขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐานเชิงรุกและหนักมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของการยกระดับคุณภาพผู้เรียน และมุ่งลดภาระงานครู โดยขณะนี้ตนได้มอบหมายให้สำนักติดตามและประเมินผลของ สพฐ.ไปดูรายการและกิจกรรมโครงการใดที่ส่งผลต่อภาระงานครู โดยให้เหลือกิจกรรมและโครงการที่เป็นตัวชี้วัดเฉพาะจำเป็นมากที่สุด ซึ่ง สพฐ.มองว่าการที่เราจะยกระดับคุณภาพผู้เรียนได้จะต้องทำให้ครูมีเวลาอยู่กับการสอนในห้องเรียนเท่านั้นเลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า ในวันที่ 8 ก.ค.นี้ สพฐ.จะคิกออฟโครงการใช้ระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ของ สพฐ. ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนระบบราชการดิจิทัล โดยในการนำเสนองานหรือกิจกรรมต่างๆ จากนี้จะไม่ใช้เอกสาร แต่จะอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสะดวกต่อการบริหารจัดการ นอกจากนี้ สพฐ.ได้กำชับไปยังโรงเรียนที่ตั้งอยู่บริเวณเขตชายแดนไทย-กัมพูชาใน 7 จังหวัดด้วยว่า ขอให้ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับตรวจสอบสภาพหลุมหลบภัยให้มีความแข็งแรงและได้มาตรฐานด้วย“สพฐ.เชื่อมั่นว่ารัฐมนตรีใหม่ทุกคนจะขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษา โดย สพฐ.พร้อมสนับสนุนนโยบายการศึกษาทุกด้านของ รมว.ศึกษาธิการ” ว่าที่ร้อยตรีธนุกล่าวและว่า ส่วนกรณีที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี สั่งชะลอการเช่าอุปกรณ์เสริมการสอนของนักเรียนและครู วงเงิน 14,655 ล้านบาท, ค่าเช่าคลาวด์ 2,800 ล้านบาท, โครงการ Learning Platform เฟส 2 วงเงิน 1,330 ล้านบาท โดยระบุว่าได้รับการร้องเรียนถึงความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินการนั้น เรื่องนี้คงต้องรอฟังระดับนโยบายก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” เพิ่มเติม