หนังสือเล่ม “นิพิทนัยศัพท์อักษร” สถาพรบุ๊คส์ พิมพ์ครั้งแรก เมื่อมกราคม 2568 โดยนิสัยผมไล่เรียงอ่าน เจอศัพท์สะดุดใจ...ก็เอากระดาษคั่น
ศัพท์ “เด็กเอ๋ยเด็ก” อ่านวันนี้ หมายเหตุตอนท้าย อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ เขียนในวันเด็ก ตั้งแต่มกราคมปี 2566 ลองอ่าน หาความรู้ไปด้วยกัน แล้วมาช่วยกันคิด “มุก” ตบท้าย อาจารย์ปรัชญา เขียนเรื่องพระเด็กองค์ไหน?
เริ่มต้นหาความหมายลึกเร้นของ “เด็กเอ๋ยเด็ก” กันเลย
“เด็ก” หนึ่ง หมายถึงคนที่มีอายุยังน้อย เช่น สนามเด็กเล่น ตีตั๋วเด็ก... เด็กหนึ่ง หมายถึงอ่อนวัยกว่าในคำว่า “เด็กกว่า” ถ้าออกเสียง/เด็กเด็ก/หมายถึงอ่อนวัยมาก เช่น แก่แล้วแต่หน้าเด๊กเด็ก
ภาษาปากหนึ่ง หมายถึงผู้น้อย ลูกน้อง ลูกจ้าง ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เช่น เด็กปั้น เด็กเส้น เด็กฝาก เด็กสร้าง เด็กในชายคา ภาษาปากหนึ่ง หมายถึงศิษย์เก่า เช่น เด็กซิ่ว ภาษาปากหนึ่ง หมายถึงนักเรียน นักศึกษา เช่น เด็กกรรณสูต เด็กธรรมศาสตร์
ภาษาปากหนึ่ง หมายถึงผู้ที่คลั่งไคล้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างยิ่ง เช่น เด็กหงส์ (สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล) เด็กผี (สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด) ภาษาปากหนึ่ง หมายถึงเมียน้อย เช่น แต่งงานแล้ว แต่ยังแอบมีเมียเด็ก
“เด็กๆ” หนึ่งหมายถึงเด็กหลายคน เช่น เด็กๆเตะฟุตบอลกันในสนาม “เด็กๆ” หนึ่ง หมายถึงง่าย เช่น ข้อสอบเด็กๆแบบนี้ทำไม่นานก็เสร็จ
มีคำเรียกต่างๆ เช่น เด็กแบเบาะ เด็กแดงๆ เด็กอ่อน เด็กทารก เด็กแรกเกิด เด็กเกิดใหม่ เด็กสอนยืน เด็กเล็ก เด็กน้อย เด็กตาดำๆ เด็กอมมือ เด็กเมื่อวานซืน เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เด็กกะโปโล
เด็กกำลังกินกำลังนอน เด็กแก่แดด เด็กแก่แดดแก่ลม เด็กโข่ง เด็กโค่ง
...
ภาษาเขียนว่า “กุมาร” (เด็กชาย) “กุมารี” (เด็กหญิง) หมอเด็กเรียก “กุมารแพทย์”
โบราณคดีใช้ “กันเมียง” หรือเขียนเป็น “กันมยง” ก็มีดังตัวอย่างจากมหาชาติคำหลวง กัณฑ์ทศพร...“แลเด็กหญิงถ่าวชาววยง(เวียง)ก็ดี กันมยงทักแท่ให้แต่งแง่ดูงาม...”
แต่เด็กบางคนก็ “ไม่เด็ก” มีต่างๆ เช่น เด็กเชียร์เบียร์ เด็กซิ่ว เด็กท้ายรถ เด็กนั่งดริงก์ เด็กเนิร์ด เด็กแนว เด็กเปรต เด็กรับรถเด็กแว้น เด็กสก๊อย เด็กเสิร์ฟ เด็กเอน
อาจารย์ปรัชญาเรียงศัพท์เด็กมาถึงย่อหน้าวรรค “กฎหมายเก่า...” ผมต้องขออนุญาตยกวรรคตบมุกทิ้งท้าย...มาใช้ก่อน
ภิกษุหนึ่งเพิ่งจะเป็นเด็กหนุ่ม อ่อนอายุ เยาว์พรรษา แต่ตั้งต้นเป็นครูบา ขายศรัทธาอภินิหาร ทำตัวเคร่ง แต่เพ่งบุรุษ ที่สุดพอถูกประจานเข้า ก็เลยเต้นเร่าๆอย่างกับเด็ก เด็กที่ถูกตามใจจน “เสียเด็ก”
ใครยังพอจำได้ ต้นปีใหม่ พ.ศ.2566 มีข่าวพระองค์ไหนอื้อฉาวระดับพาดหัวหน้าหนึ่ง...ช่วยบอกกันมา จะได้ “ฮา” หรือ “หึๆ”ให้กับมุกอาจารย์ปรัชญา
แล้วก็มาถึงวรรคสำคัญที่ผมขอสลับมาใช้เป็นวรรคตบท้าย... “กฎหมายเก่าว่า “เด็กเจ็ดเข้า เถ้าเจ็ดสิบ” ห้ามเป็นพยาน”
เข้า คือข้าว ภาษาไทยดั้งเดิม แปลว่าปี เพราะปีหนึ่ง ทำนาปลูก “เข้า” หนหนึ่ง จึงเรียกว่าหนึ่ง “เข้า”
เด็กเจ็ดเข้า(ข้าว) หมายถึงเด็กอายุ 7 ขวบ เป็นพวกไร้เดียงสา ส่วน “เถ้า(เฒ่า)เจ็ดสิบ” คือคนแก่อายุ 70 ปี เป็นพวกหลงใหลเลอะเลือน
สำนวน “คบเด็กสร้างบ้าน” หมายถึงทำงานใหญ่ร่วมกับเด็กมักไม่มีผล
สำหรับผมคนอายุแปดสิบ อ่านประโยค เด็กเจ็ดเข้า เถ้าเจ็ดสิบ ห้ามเป็นพยาน...ก็เจ็บจี๊ดเข้าหัวใจ
ส่วนหนุ่มๆสาวๆที่อยู่ในข่าย “คบเด็กสร้างบ้าน” อายุมากแต่อาจเข้าข่าย “เด็กเจ็ดเข้า” จะเจ็บมากน้อย? ช่วยๆกันดูอาการ “ท่าน” ถ้าท่านลาออก หรือยุบสภา แสดงว่าใช่งานนี้ท่านเจ็บจริง.
กิเลน ประลองเชิง
คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม