ความเดือดร้อนแก๊งชาวต่างชาติเข้ามาก่อคดีล้วงกระเป๋าและวิ่งราวทรัพย์ พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สั่ง พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 รับผิดชอบพื้นที่ กทม.
พบข้อมูลแก๊งมองโกเลียตระเวนไปตามห้างสรรพสินค้า สถานประกอบการ คลินิก หรือโรงแรมต่างๆ อาศัยจังหวะเหยื่อที่เผลอหยิบฉวยเอาทรัพย์สินไป ส่วนใหญ่เน้นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แล็ปท็อป
ราคาแพงและหยิบฉวยง่าย
พล.ต.ต.ประสาธน์ จัดทีม พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำระบบตรวจจับใบหน้า ไบโอเมตริกซ์ ใช้ร่วมกับซอฟต์แวร์ปรับปรุงความละเอียดของภาพจำกัดวงการค้นหาเปรียบเทียบอัตลักษณ์บุคคลเป้าหมายให้แคบลงเป็นจำนวนมาก
หลังจากนำภาพของบุคคลต้องสงสัยที่ตรวจสอบให้ผู้เสียหายชี้ยืนยันเป็นชาวมองโกเลีย เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดจันทบุรี ปัจจุบันอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
ขอศาลอนุมัติหมายจับบุคคลตามภาพถ่ายข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ติดตามหาข่าวคนร้าย ต่อมา สืบสวน สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุลักโทรศัพท์มือถือ คนร้ายใช้บริการคลินิกเสริมความงามย่านพระราม 9
หยิบมือถือพนักงานไป
ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและตรวจเปรียบเทียบจากระบบไบโอเมตริกซ์ยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ก่อเหตุที่ห้างสรรพสินค้าดังย่านราชประสงค์ เมื่อปลายเดือน พ.ค. ซึ่งได้มีการออกหมายจับและผู้ต้องหาหลบหนี
สืบสวน ตม.1 ร่วมกับสืบสวน สน.ห้วยขวาง จับกุมผู้ต้องหาตระเวนขายโทรศัพท์มือถือ ชั้นจับกุมผู้ต้องหาไม่ยอมรับ แต่เมื่อเห็นพยานหลักฐานของตำรวจ รอยสักและภาพถ่ายเปรียบเทียบจากระบบไบโอเมตริกซ์
...
จำต่อหลักฐานรับว่าเข้ามาไทยเพื่อตระเวนลักทรัพย์.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th
คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม