“แม่น้ำกก” และ “แม่น้ำสาย” สองสายน้ำสำคัญของภาคเหนือ กำลังเผชิญวิกฤตการณ์สารพิษปนเปื้อนจากกิจกรรมเหมืองแร่ในพื้นที่ต้นน้ำของประเทศเมียนมา ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในจังหวัดเชียงราย...เชียงใหม่อย่างรุนแรง

ข้อมูลจากการสำรวจภาพถ่ายทางอากาศและการลงพื้นที่พบว่า มีการเปิดหน้าดินและกิจกรรมเหมืองแร่ในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดยเฉพาะในบริเวณเมืองสาด เมืองยอน เมืองกก ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ประเด็นสำคัญมีว่า...การทำเหมืองแร่เหล่านี้มีการใช้สารเคมีและโลหะหนัก

เช่น สารหนู ตะกั่ว ปรอท ในกระบวนการสกัดแร่ทองคำและแร่หายาก (Rare Earth) ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถไหลลงสู่แม่น้ำและกระจายเข้าสู่ประเทศไทยผ่านทางแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ย้ำว่า ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนที่เกิดขึ้นกับแม่น้ำกก สาย รวก โขง..4 แม่น้ำ กำลังเป็นปัญหาที่ประชาชนต้องการเห็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การเปิดหน้าดินทำเหมืองเถื่อนไม่มีกฎหมายใดๆที่ต้นน้ำของประชาชนนับล้านคนต้องยุติทันที

...

“ทุกวันนี้เราเห็นน้ำแต่เรากลับใช้ไม่ได้ สำหรับปัญหาแม่น้ำสาย ณ เวลานี้รัฐบาลยังไม่มีมาตรการแก้ปัญหาการปนเปื้อนสารโลหะหนัก”

ย้อนไปก่อนหน้านี้...ทำให้คิดถึงวันที่น้ำท่วมใหญ่เชียงรายเมื่อกันยายนปีที่แล้ว มีดินโคลนมาด้วย...เหล่านั้นจะมีสารพิษปนมาด้วยหรือไม่ เราต้องมาเผชิญความเป็นจริงว่าต้นน้ำมีเหมืองแร่

ดังนั้น “รัฐบาล” ต้องหาวิธียุติเหมืองที่ต้นน้ำในทันที ซึ่งทางสากลถือว่าเหมืองเหล่านี้เป็นเหมืองผิดกฎหมาย เป็นอาชญากรรมทางธรรมชาติ

“แม่น้ำกำลังเปื้อนพิษ เราเคยหยุดระเบิดแก่งแม่น้ำโขงไว้ได้ แต่วันนี้แม่น้ำกก แม่น้ำสายรวมถึงแม่น้ำโขงกำลังปนเปื้อนสารพิษโดยมีแหล่งกำเนิดอยู่ในพื้นที่กองกำลังว้าที่ไม่มีกฎหมายบังคับใช้ โดยมีการเปิดหน้าดินถึง 40 จุด...ปีนี้เป็นเพียงปีที่ 2 ที่เกิดเหตุการปล่อยสารพิษ หากยังปล่อยไปเช่นนี้สารพิษจะลงแม่น้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

ธนวัฒน์ ปวงรังสี ชาวบ้านสายลมจอย เสริมว่า ในอดีตน้ำท่วมไม่ได้มาทุกปี ไม่ได้มาปีละหลายๆครั้งแบบนี้...ท่วมแล้วไปเร็ว แต่หลังๆมานี้สังเกตสีน้ำขุ่น น้ำมาไม่ปกติ เพราะข้างบนเขาทำเหมือง การขุดลอกแม่น้ำสายที่ปลายน้ำแบบนี้จะไปสิ้นสุดตรงไหน ดินพัดมากับน้ำท่วมเยอะมาก เพราะเขาขุดแม่น้ำ

ทำเหมืองที่ต้นน้ำของเรา นี่คือสิ่งที่กระทบกับเราจริงๆ

นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเตือนว่า วิกฤตินี้ไม่ใช่แค่ปัญหา “สารพิษในน้ำ” แต่เป็น “วิกฤติข้ามพรมแดน” ที่ส่งผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความมั่นคงอาหาร

หากยังไม่มีการควบคุมการปล่อยของเสียจากเหมืองต้นน้ำในฝั่งเมียนมา ปัญหานี้จะลุกลามจนควบคุมไม่ได้

หนึ่งในปัญหาใหญ่คือ “อำนาจควบคุมของไทยหยุดลงที่ชายแดน” เพราะเหมืองแร่เหล่านี้ตั้งอยู่นอกอาณาเขต ทำให้รัฐบาลไทยทำได้เพียง “ร้องขอความร่วมมือ” กับรัฐบาลเมียนมา ซึ่งในสภาวะความขัดแย้งภายในของเมียนมาในปัจจุบัน การควบคุมเหมืองเหล่านี้จึงทำได้ยาก

ย้ำว่า “แม่น้ำกก” และ “แม่น้ำสาย” ไม่ได้เป็นเพียงแหล่งน้ำสำคัญของจังหวัดเชียงราย หากแต่เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเกษตรกรรม ประมงพื้นบ้าน และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งน้ำมานานนับร้อยปี

ทว่าในช่วงหลายปีมานี้ ทั้งสองแม่น้ำกำลังเผชิญวิกฤติจาก “ศัตรูที่มองไม่เห็น” นั่นคือ สารพิษปนเปื้อน ซึ่งต้นตอมาจาก “กิจกรรมเหมืองแร่” บนฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะในเขตรัฐฉาน ซึ่งเป็นต้นน้ำ

...

พื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำกก..แม่น้ำสาย อยู่ลึกเข้าไปในเขต เมืองยอน เมืองสาด ของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา บริเวณนี้เต็มไปด้วยเหมืองแร่หลากหลายประเภท ทั้งแร่ทองคำ แร่อัญมณี และ “แร่หายาก (Rare Earth)” ที่มีความต้องการสูงในอุตสาหกรรมโลก

กระบวนการสกัดแร่ในภูเขาเหล่านี้ใช้ สารเคมีรุนแรง เช่น สารหนู ตะกั่ว และไซยาไนด์ เพื่อแยกแร่ออกจากหินของเสียจากการสกัด ถูกปล่อยทิ้งลงห้วยลำธารเล็กๆ โดยไม่มีระบบจัดการที่เหมาะสม จนสุดท้ายไหลรวมลงแม่น้ำสาย...แม่น้ำกก และเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง

ภาพสะท้อนสำคัญที่เกิดขึ้นให้เห็น...ปลาน้ำจืดมีแผล มีผื่นแดง ลอยตายเป็นระยะ...น้ำจากแม่น้ำที่เคยใช้ซักผ้าและดื่มกิน กลายเป็นน้ำที่มีกลิ่นผิดปกติ...บางพื้นที่เริ่มมีรายงานสุขภาพประชาชนที่แสดงอาการผิวหนังอักเสบ ระบบทางเดินหายใจอักเสบ และ...แนวโน้มโลหะหนักสะสมในร่างกาย

สะท้อนชัดด้วยการสุ่มเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของไทยพบ “ค่าความเข้มข้นของสารหนูและตะกั่ว” สูงเกินค่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกกำหนด โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนที่มีการพัดพาโคลนตะกอนจากฝั่งเมียนมาเข้าสู่ลุ่มน้ำ
ในฝั่งไทยอย่างรวดเร็ว

...

ชาวบ้านต้องเผชิญกับปัญหาน้ำที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามปกติ องค์กรภาคประชาชนและนักวิชาการได้ร่วมกันเรียกร้องให้รัฐบาลไทยดำเนินการเจรจากับประเทศเมียนมา เพื่อยุติกิจกรรมเหมืองแร่ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำ

ขณะที่ภาครัฐได้มีการตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดและระดับนโยบายเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำกก...แม่น้ำสาย โดยมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำและสุขภาพประชาชนในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการยังคงเผชิญกับความท้าทายในการเจรจากับประเทศเมียนมาและการควบคุมกิจกรรมเหมืองแร่ในพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของรัฐบาลไทย

วิกฤตการณ์สารพิษปนเปื้อนสาหัสนี้จะคลี่คลายอย่างไร...ยังคงต้องลุ้นตัวโก่งกันต่อไป.

คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม