หนังสือชุดนิทานกริมม์ (ยาค็อบและวิลเฮล์ม กริมม์ เขียน อาษา ขอจิตต์เมตต์ แปล ต้นอ้อ 1999 จำกัด พิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ศ.2542 มี 6 เล่มครับ สมองผมอึงคะนึงกับเรื่องการเมือง เจอเรื่อง เมื่อแมวกับหนูเป็นเพื่อนกัน เล่ม 3 ก็ลองอ่าน

แมวตัวหนึ่งทำความรู้จักมักคุ้นกับหนูตัวหนึ่ง จึงบอกหนูว่ารู้สึกรักสุดหัวใจ และอยากเป็นเพื่อนเกลอ เหตุนี้หนูจึงมาอยู่ที่เดียวกับแมว ช่วยกันดูแลบ้านและตกลงเป็นหุ้นส่วนกัน

“เราจะต้องเตรียมอาหารไว้สำหรับฤดูหนาว” แมวพูด “ไม่อย่างนั้นเราจะหิวตาย ส่วนแก เจ้าหนูน้อย จะอวดดีไปเพ่นพ่านนอกบ้านไม่ได้ เดี๋ยวจะติดกับมอดม้วยไม่รู้ด้วย”

บทสรุปการตุนอาหาร แมวและหนูซื้อไขมันหม้อเล็กๆหม้อหนึ่ง แล้วก็ตกลงกันนำหม้อไขมันไปซ่อนไว้ในโบสถ์ ด้วยความเชื่อว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปขโมยถึงที่นั่น โดยมีสัญญา...จะไม่แตะต้องไขมัน จนกว่าจะขาดแคลนจริง”

สัญญาผ่านไปหลายสายัณห์ วันหนึ่ง แมวอยากชิมไขมัน จึงออกอุบายบอกหนู ญาติผู้หญิงขอร้องให้ไปเป็นพ่อทูนหัวลูกชายเล็กที่เพิ่งเกิด “เด็กคนนี้สีขาว มีจุดสีน้ำตาล พ่อแม่เขาขอร้องฉันให้ตั้งชื่อให้ด้วย”

แมวก็กำชับหนูให้อยู่ดูแลบ้าน หนูสั่งตอนแกกินอาหารงานเลี้ยงอะไรๆที่อร่อย นึกถึงฉันบ้าง ฉันน่ะ วันนี้อยากดื่มเหล้าองุ่นแดงสักจิบหนึ่งจบเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว แมวก็ตรงรี่ไปที่โบสถ์ ปราดเข้าไปหาหม้อไขมัน

 มันเลียไขมันตอนบนกิน ออกมาเดินเล่น พบปะพูดคุยกับเพื่อนแมว แล้วเหยียดตัวนอนผึ่งแดด

ได้เวลาแมวก็กลับถึงบ้าน “แกคงสนุกใหญ่...” หนูพูดอย่างดีใจ “โอะ โฮ สนุกจังเลย”  แมวว่า “ ว่าแต่ว่า แกตั้งชื่อลูกญาติแกอย่างไร?” “หน้าเกลี้ยง” แมวตอบหน้าตาเฉย “เอะ เฮอ ชื่อแปลก ไม่มีใครเหมือน คงเป็นชื่อในหมู่ญาติ”

...

ไม่กี่วัน แมวก็อยากกินไขมันอีก มันปั้นน้ำเป็นตัวรอบสอง ใช้มุกญาติอีกคน เชิญไปเป็นพ่อทูนหัวอีกครั้ง หนูใจดีไม่มีขัดข้อง แมวไต่กำแพงเมืองจนไปถึงโบสถ์ เปิดหม้อไขมัน คราวนี้ยั้งใจไม่อยู่ กินไขมันหมดไปครึ่งหม้อ

เมื่ออิ่มหนำสำราญกลับถึงบ้าน หนูถาม ตั้งชื่อหลานว่ายังไง “หมดครึ่งหนึ่ง”

คำตอบแมว หนูอุทาน “ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยได้ยินชื่ออย่างนี้”

แมวทนย่ำเขี้ยวอยู่กับหนู อีกไม่กี่วัน โรคอยากกินไขมันก็กำเริบ “อ้ายของดีๆ มันต้องมีสามครั้ง” แมวเอ่ยกับหนู “ฉันไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อหู ญาติเชิญฉันเป็นพ่อทูนหัวอีกแล้ว”

“หน้าเกลี้ยง หมดครึ่งหนึ่ง” หนูรำพึงถึงชื่อหลานสองคน “ชื่อแปลกอย่างนี้ ฉันหวังว่าจะไม่ได้ยินชื่อแปลกอีก”

 “แกมันชอบแต่ซุกซนอยู่แต่ในบ้าน” แมวว่า “มัวแต่อิ่มอกอิ่มใจที่ขนตามตัวสีเทา หางยาวเกลี้ยง จึงไม่ได้เห็นโลกข้างนอก สิ่งแปลกๆอีกร้อยแปด”

เป็นอันว่า หนูต้องเข้าเวรอยู่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน จัดข้าวของให้เป็นระเบียบ ขณะแมวตะกละตรงรี่ไปที่โบสถ์ คราวนี้อดใจไม่ไหว กินไขมันหมดเกลี้ยง

 “หมดเสียได้ ช่วยให้ฉันสบายใจมาก” แมวสีหน้าอิ่มเอิบ พูดกับตัวเอง กลับถึงบ้าน หนูก็ถามรอบสาม ตั้งชื่อเด็กคนที่สามอย่างไร? “แกคงไม่ชอบเหมือนสองชื่อแรก” แมวตอบ “มันชื่อ ไม่มีเหลือ”

“ไม่มีเหลือ” หนูร้องลั่น “ชื่อประหลาด ความหมายก็ไม่ได้สติ” แล้วมันก็ส่ายหัว ซุกตัวลงนอนหลับ

หลังจากนั้นแมวก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปที่ไหนอีก จนถึงฤดูหนาว ข้าวปลาอาหารที่สะสมไว้หมดลง หนูก็นึกถึงไขมันที่ซ่อนออกปากชวนแมว “เราไปเอาหม้อไขมัน มาฟาดให้อร่อยเหาะดีกว่า”

เมื่อไปถึงหม้อไขมัน สิ่งที่เห็นคือหม้อเปล่าๆ หนูจึงไขรหัสชื่อ ลูกที่แมวเพื่อนรักตั้งสามชื่อ หน้าเกลี้ยง และหมดครึ่งหนึ่งได้...แต่พอหนูจะหลุดปากชื่อที่สาม ไม่มีเหลือ แมวก็ตวาดให้เงียบ กระโจนเข้าตะครุบหนูเข้าปาก

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นทุกวันในโลก แต่บางบ้านเมืองมีเรื่องแปลกกว่า...มีเหตุปัจจัยให้คิดไม่ตก...เรื่องจะจบที่แมวกินหนู หรือจบลงตรงหนูกินแมว.


กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม