กรมอุทยานฯ-อพท.เดินหน้าสร้าง “กระเช้าภูกระดึง” โวใช้เทคโนโลยียุโรปเป็นเสาแท่งเดียวขึ้นทางผาหมากดูก ไม่ใช่จุดทางขึ้นในปัจจุบัน งบก่อสร้าง เฟสแรกไม่เกิน 1,000 ล้านบาท อนาคตเล็งทำรถราง ชมวิวถึง “ผาหล่มสัก” ระยะทาง 10 กม. เอาใจนักท่องเที่ยวกลุ่มสูงวัย รวมถึงจัดท่องเที่ยวแบบซาฟารี เส้นทางรอบภูกระดึง รวมถึงโซนที่มีช้างป่า ด้านอธิบดีกรมอุทยานฯยันเสียงค้านการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงมีน้อยมากกรณีสำนักงบประมาณ อนุมัติงบฯ 25.7 ล้านบาท ให้คณะกรรมการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ดำเนินการโครงการออกแบบก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง ต่อมาเมื่อวันที่ 5 พ.ค. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า อพท.ได้มาประชุมหารือถึงโรดแม็ปการสร้างกระเช้าภูกระดึง จ.เลย ในเรื่องขั้นตอนการขออนุญาตและบริหารจัดการ รวมทั้งตั้งคณะทำงานร่วมกัน เนื่องจากรายละเอียดในการออกแบบต้องกระทบพื้นที่น้อยที่สุด ซึ่งยังเป็นเพียงขั้นตอนการศึกษา และยังไม่ได้มีการอนุมัติการก่อสร้าง การหารือมีการนำเสนอเทคโนโลยีหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่มาจากยุโรป ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน เยอรมนี รวมทั้งทางเลือกจุดสร้างกระเช้าด้านผาหมากดูก ไม่ใช่จุดทางขึ้นในปัจจุบัน คาดว่าระยะทางไม่เกิน 3 กม.กระเช้าจะเป็นแบบเทคโนโลยีใหม่เป็นเสาแท่งเดียว ไม่ได้กินพื้นที่เยอะกระทบพันธุ์ไม้ไม่มากอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่าจากการหารือเบื้องต้น คาดว่าในเฟสแรกการก่อสร้างกระเช้าใช้งบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และเฟสที่ 2 เป็นเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ด้านบนภูกระดึง และด้านล่างที่ต้องมีจุดบริการนักท่องเที่ยวเพิ่มเติมด้วย เนื่องจากพื้นที่ด้านบนตั้งแต่ผาหมากดูกถึงผาหล่มสัก มีระยะทาง 10 กม. นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการกระเช้าไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสูงวัย อาจไม่สะดวกในการเดินระยะไกล และต้องลงมาพักด้านล่าง อย่างไรก็ตาม กรมอุทยานฯมีแนวคิดเพิ่มการให้บริการรถรางไฟฟ้าขนาดเล็กบนจุดท่องเที่ยวด้านบน โดยปรับเส้นทางด้วยคอนกรีตหรือดิน เพื่อให้รถวิ่งได้ แต่ไม่ใช่ถนนถาวร เพื่อให้กลมกลืนธรรมชาติ และลดผลกระทบพื้นที่ให้มากที่สุดนายอรรถพลกล่าวว่า ทั้งนี้พื้นที่ภูกระดึงส่วนที่เราเที่ยวได้เป็นเพียงพื้นที่ 1 ใน 4 ของพื้นที่ คือบริเวณผาต่างๆแต่ยังมีพื้นที่ที่เราเที่ยวไม่ได้เพราะมีช้างป่า ในอนาคตเรามีเส้นทางรอบๆภูกระดึงอยู่แล้ว อาจจะกลายเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวได้ ในอนาคตช้างต้องมีประชากรเพิ่มขึ้นแน่นอน ซึ่งพื้นที่ที่เราปิดไว้คงต้องปิดไปถาวร การท่องเที่ยวจึงต้องเปลี่ยนใหม่เป็นคล้ายๆนั่งรถซาฟารีในโซนที่มีช้างออกมา“บนภูกระดึงมีถนนรอบพื้นที่ ถ้าบินดูจากเฮลิคอปเตอร์จะเห็นถนนรอบภูกระดึงที่รูปร่างเหมือนใบโพธิ์ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ใช้เลย เพราะช้างเยอะ แต่ในอนาคตคิดว่าเราต้องทำแบบซาฟารีคือให้ขึ้นรถไปเที่ยว” นายอรรถพลกล่าวและกล่าวถึงการคัดค้านว่า การคัดค้านการสร้างกระเช้าไฟฟ้าภูกระดึง มีเสียงคัดค้านน้อยมาก ในพื้นที่มีการรับฟังความคิดเห็น พบว่าเห็นด้วยเกือบทั้งหมด ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ได้สอบถามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ แต่ในโซนที่มีความ เสี่ยงอันตรายจากช้างป่านั้น อาจต้องปิดถาวร เนื่องจากมีจำนวนช้างเพิ่มขึ้น ล่าสุดกรมอุทยานฯได้ต่ออายุใบอนุญาตให้ศึกษาอีกไม่เกิน 2 ปี ยืนยันว่าต้องทำการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่ง อพท.ได้เร่งของบกลางเพื่อดำเนินการ คาดว่า อพท.จะเป็นผู้ก่อสร้าง และมอบพื้นที่ให้กรมอุทยานฯ บริหาร โดยยังคงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยววันละ 2,000 คนอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่