"ชวน หลิง จาง" ปฏิเสธดีเอสไอเป็นนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ตึก สตง.ถล่ม ระบุสถานภาพเป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจจีน ถูกส่งมาบริหารบริษัทในไทย ต่างจาก "บิน ลิง วู" ที่ถือเป็นคนนอก เตรียมนำฝากขังศาลอาญาผัดแรก ด้านกู้ภัยพบผู้สูญหายอีก 1 ร่าง บริเวณบันไดหนีไฟโถงลิฟต์ซากตึก สตง.ส่งนิติเวชตรวจพิสูจน์ยืนยัน รองผู้ว่าฯ กทม. รับภาระกู้ซากอาจยืดเยื้อตามสถานการณ์หน้างาน แต่ทุกอย่างยังอยู่ในแผนที่กำหนด โฆษก ก.อุตฯเผยเตรียมตรวจเหล็กเส้นตึกถล่มเพิ่ม 21 เม.ย. ย้ำผิดคือผิด ยึดใบอนุญาต-ปิด รง. ส่วนกรณีสลดสูญเสีย เสธ.เหยี่ยว ตำรวจเรียกไรเดอร์ที่อยู่ด้านหน้า รถ จยย.ผู้ตายสอบพร้อมส่งรถ จยย.ตรวจที่ พฐ. รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ รับแม่ เสธ.เหยี่ยว รักษาโรคหัวใจต่อเนื่องพร้อมดูแลหากมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินหลังสิทธิเบิกจ่ายยุติลงจากการเสียชีวิตของลูกชายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแย้มว่าจะมีออกหมายจับในเร็วๆนี้เกี่ยวกับคดีต่างๆ ที่พัวพันเหตุอาคารก่อสร้าง สตง.หลังใหม่ย่านจตุจักร กทม.ถล่มเมื่อวันที่ 28 มี.ค.มีผู้เสียชีวิตติดอยู่ ใต้ซากตึกนับ 100 คน อันเป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา นายกรัฐมนตรีสั่งให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเพราะเชื่อว่ามีการจัดจ้างไม่โปร่งใสเพราะเป็นอาคารแห่งเดียวที่กำลังก่อสร้างถล่มลงมาอีกทั้งอยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุเป็นพันกิโลเมตร กระทั่งเย็นวันที่ 20 เม.ย. ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าวดีเอสไอบุกจับ “ชวน หลิง จาง” กก.บ.ไชน่า เรลเวย์ No.10 ที่รับงานก่อสร้างตึก สตง.ในคดีนอมินี ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 4 คน โดยที่เหลืออีก 3 เป็นคนไทยผู้มีชื่อเป็นหุ้นส่วนปรากฏในบริษัทยังอยู่ระหว่างตามจับกุม ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุ “ชวน หลิง จาง” ยังเป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมเปิดโอกาสให้ชี้แจงตามที่เสนอข่าวไปแล้วอ้างเป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจจีนวันที่ 20 เม.ย.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีรายงานว่า หลังดีเอสไอจับกุมนายชวน หลิง จาง กก.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ No.10 ที่รับงานก่อสร้างตึก สตง.ในคดีนอมินี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2389/2568 ลงวันที่ 18 เม.ย.68 และนำตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อหา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดีเอสไอยังสอบปากคำ ต่อเนื่อง เพราะล่ามของนายชวน หลิง จาง มีสถานะเป็นทนายความกำลังรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับประเด็นพฤติการณ์แห่งคดีมาชี้แจง โดยนาย ชวน หลิง จาง ยืนยันปฏิเสธข้อหาว่า ไม่ได้ให้ใครมาถือหุ้นแทน พร้อมชี้แจงด้วยว่า ตนเป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจประเทศจีน ลักษณะเป็นนักลงทุนของประเทศจีน มาลงทุนในไทยในนามรัฐบาลจีน เป็นแค่ฝ่ายบริหารที่ถูกส่งมาบริหารบริษัทในไทยเท่านั้นไม่ใช้สิทธิ์ยื่นประกันชั้นสอบสวนมีรายงานอีกว่า ขณะนี้นายชวน หลิง จาง ยังไม่ได้ขอยื่นประกันตัวชั่วคราวในชั้นสอบสวน ตามหลักการแล้วเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวนและในชั้นศาลได้ นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนมีอำนาจควบคุมตัวผู้ต้องหาเพียง 48 ชม. เมื่อการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ต้องนำตัวฝากขังศาลอาญาในวันที่ 21 เม.ย. และสำหรับความผิดในคดีนอมินี พนักงานสอบสวนสามารถยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาต่อศาลได้ 48 วัน หรือ 4 ผัดลั่นสถานะต่างจาก "บิน ลิง วู"สำหรับกรณีของนายบิน ลิง วู ถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้รับงานก่อสร้างและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร สตง.มีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นายชวน หลิง จาง รับว่า รู้จักกับนายบิน ลิง วู พร้อมบอกสถานะความแตกต่างว่า นายบิน ลิง วู เหมือนคนนอกไม่ใช่คนของรัฐบาลจีนหรือรัฐวิสาหกิจของจีน ต่างจากนายชวน หลิง จาง ที่เป็นผู้แทนรัฐวิสาหกิจจีนให้มาลงทุนในไทย อีกทั้งตามรายงานการสอบสวนของดีเอสไอ พบว่า นายบิน ลิง วู เข้าไปถือหุ้นในหลายบริษัท อาทิ 1.บริษัท วีล มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (เป็นผู้ถือหุ้น) 2.บริษัท เอวาน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เป็นผู้ถือหุ้น) 3.บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (เป็นทั้งกรรมการและผู้ถือหุ้น) 4.บริษัท เอสทีพี อิมปอร์ต-เอ็กปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด (เป็นผู้ถือหุ้น) บริษัทเหล่านี้ล้วนใช้คนไทยกลุ่มเดียวกันเป็นกรรมการในบริษัท ไม่ว่าจะเป็นนายประจวบ ศิริเขตร และนายมานัส ศรีอนันท์ แม้ว่าจะยังไม่พบว่านายบิน ลิง วู จะเกี่ยวข้องกับบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ โดยตรง แต่ก็พบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องของ 3 คนไทย (นายประจวบ นายมานัส และนายโสภณ ) ที่ไปนั่งเป็นกรรมการบริษัทในที่ต่างๆ ต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกระทำความผิดหรือไม่ ทั้งนี้ มีรายงานการสอบสวนของดีเอสไอว่า กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด คนแรกไม่ใช่นายชวน หลิง จาง แต่คือนายตง เซี่ยพบชิ้นเนื้อ-กระดูก 7 รายการด้านการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่กำลังก่อสร้างใหม่พังถล่ม เขตจตุจักร กทม. เข้าสู่วันที่ 24 เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จากหลายหน่วยงานยังระดมค้นหาผู้สูญหายที่ยังติดอยู่ในซากตึก สตง.อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ตั้งแต่เวลา 17.00 น. ของวันที่ 19 เม.ย. จนถึงเวลา 12.00 น. ในวันที่ 20 เม.ย. ยังไม่พบร่างผู้ประสบภัยเพิ่ม พบแต่ชิ้นส่วนอวัยวะส่วนใหญ่เป็น ชิ้นเนื้อและกระดูก 7 รายการ ในโซน B และ C ตอนรุ่งเช้าของวันที่ 20 เม.ย. เจ้าหน้าที่ทยอยรวบรวมชิ้นส่วนอวัยวะทั้งหมดส่งสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันบุคคลอย่างเป็นทางการอีกครั้งขยับคอนกรีตพยานวัตถุไปด้านหน้าในส่วนการเก็บหลักฐาน ช่วงสายของวันที่ 20 เม.ย. เจ้าหน้าที่ USAR จากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ทหารบก ทหารเรือช่วยกันเคลื่อนแท่งและแผ่นคอนกรีต รวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างลิฟต์ที่ดีเอสไออายัดไว้เป็นพยานวัตถุออกจากพื้นที่รื้อถอนซากตึก ไปเก็บรักษาไว้ลานหน้าของพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อไม่ให้รับความเสียหายจากปฏิบัติการรื้อถอนซากตึกในการค้นหาผู้สูญหายที่เหลือในซากตึก สตง. อีก 47 รายลดความสูงซากปูนได้เรื่อยๆต่อมาเวลา 11.30 น. ที่กองอำนวยการร่วมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร และนายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกันเปิดเผยความคืบหน้าการรื้อถอนซากอาคาร สตง. นายสุริยชัยเผยว่า จากการทำงานเมื่อวันที่ 19 เม.ย. เก็บกู้ชิ้นส่วนของผู้สูญหายได้ 18 ชิ้น ทรัพย์สินรวมถึงอุปกรณ์การทำงานของผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง ในส่วนของการลดระดับความสูงล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. บริเวณโซน B และ C อยู่ที่ 9.81 เมตร โซน A และ D อยู่ที่ 11.51 เมตร รถบรรทุกวิ่งขนวัสดุรวม 242 เที่ยว ใช้นํ้ามันเพิ่มกว่า 1,000 ลิตร รวมเป็น 6,374 ลิตร สาเหตุเกิดจากพื้นที่ที่นําวัสดุไปกองนั้นมีข้อจํากัดทุกขั้นตอนอยู่ในแผนที่กำหนดสำหรับแผนการทำงานในวันที่ 20 เม.ย. นายสุริยชัยกล่าวว่า จะปฏิบัติการต่อเนื่องทั้ง 4 โซน โดยจะเน้นขนวัสดุออกจากโซน C ปรับใช้รถขนาดเล็ก 6 ล้อ ของ กทม.เนื่องจากคล่องตัวกว่ารถคันใหญ่เพราะถนนค่อนข้างแคบ โดยนําไปเสริมกับรถทหารจะทําให้วิ่งได้จํานวนเที่ยวมากขึ้น ส่วนโซน B ขุดด้านข้างไปถึงจุดที่ทีมนานาชาติเคยแจ้งว่าพบสัญญาณชีพแล้วเหลือเพียง 1 เมตร มีเป้าหมายจะเข้าถึงให้ได้ในวันนี้ ทุกอย่างยังอยู่ในแผนงานที่กำหนดไว้ใช้สุนัข K9 ตรวจซ้ำอวัยวะหลงตาด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้เก็บตัวอย่าง DNA จากญาติผู้สูญหายได้แล้ว 97 ราย ส่วนการหาผู้สูญหายนั้น ยังทำอยู่ต่อเนื่อง ชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบเป็นจำนวนมากจะถูกส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจตรวจสอบทั้งหมด เบื้องต้นประสานสถานทูตไทยประจำเมียนมา เก็บพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ นำมาเปรียบเทียบ รวมกับจำนวนที่เดินทางมาเก็บดีเอ็นเอที่สถาบันนิติเวช ขณะนี้ที่เก็บแล้วมี 97 คน และได้ขอความร่วมมือสุนัข K9 เข้าไปค้นหาอวัยวะผู้สูญหาย ที่อาจติดไปกับซากอาคารที่ถูกนำออกจากพื้นที่ไปจัดเก็บไว้ เป็นการตรวจสอบซ้ำเพื่อค้นหาร่างผู้สูญหาย และชิ้นส่วนอวัยวะทั้งหมดจะถูกส่งตรวจสอบให้สมบูรณ์มากที่สุด เพื่อส่งมอบให้ญาติผู้เสียชีวิต ต้องทำงานอย่างละเอียดและรอบคอบ อาจต้องใช้ระยะเวลาในการกู้ซากอาคารเพิ่มขึ้นบางศพรวมชิ้นสมบูรณ์ได้ยาก“เรื่องการรื้อถอนซากอาคาร ถึงแม้ว่าจะหยุดการใช้เครื่องจักรรื้อถอนเป็นระยะ เนื่องจากการเจอชิ้นส่วน อาจจะทําให้ล่าช้าไปบ้างเพราะต้องใช้ความละเอียดมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจจะให้แล้วเสร็จในสิ้นเดือน เม.ย. แต่อาจจะบวกลบเล็กน้อย ส่วนเรื่องการรวมร่างให้สมบูรณ์จากชิ้นส่วนที่พบนั้น ยอมรับว่าอาจจะไม่ครบถ้วนเนื่องจากแรงกระแทกทําให้กระดูกแหลกหรือการย่อยสลายของชิ้นส่วนเพราะผ่านระยะเวลาค่อนข้างนานแต่จะทําให้สมบูรณ์มากที่สุด จะหยุดค้นหาจนกว่าทุกอย่างจะเป็นศูนย์” รศ.ทวิดา ระบุจ่อเปิดช่องจราจรบางส่วนรศ.ทวิดากล่าวอีกว่า ส่วนแผนการจราจรในพื้นที่ถนนกำแพงเพชร 2 ฝั่งที่ยังมีการปิดถนนอยู่นั้น รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เร็วๆนี้จะพูดคุยและหารือถึงแนวทางในการเปิดทางสัญจร ร่วมกับสถานีตำรวจ นครบาลบางซื่อและผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้ แต่ไม่สามารถเปิดพื้นที่การจราจรได้ทั้งหมด เนื่องจากในพื้นที่ยังต้องดำเนินภารกิจในการรื้อถอนซากอาคารถล่ม รวมถึงยังต้องมีทีมแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมอยู่ในพื้นที่เงินเยียวยาน้อยเพราะหลักเกณฑ์ส่วนประเด็นเงินค่าช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ว่าผู้เสียหายได้รับเงินเป็นจำนวนน้อยไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซม รศ.ทวิดาชี้แจงว่า การเยียวยาเป็นไปตามระเบียบตามหลักเกณฑ์กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในเบื้องต้นเป็นค่าวัสดุ ซ่อมแซม กรณีที่ไม่ได้เสียหายทั้งหลัง แต่ยังต้องส่งเจ้าหน้าที่สำนักโยธา สำนักงานเขต ไปตรวจสอบและผ่านการประเมินจากวิศวกรอีกครั้งเพื่อขอประเมินความเสียหาย ประสานกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ของบประมาณช่วยเหลือ ส่วนการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ช่วยเหลือเยียวยาเป็นกรณีพิเศษ กรุงเทพมหานคร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเสนอต่อคณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร อาจจะใช้ระยะเวลาพิจารณาบ่ายพบอีกร่างไม่ทราบเพศต่อมาเวลา 16.25 น. นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. (สปภ.) เผยว่า เมื่อเวลา 15.37 น. ทีมกู้ภัย USAR สามารถกู้ร่างผู้ติดในซากตึก สตง.บริเวณโซน C ได้ 1 ร่าง ยังไม่ทราบเพศ ขณะนี้ได้นำร่างส่งให้สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันตัวบุคคลอีกครั้งจุดที่พบเป็นบริเวณบันไดหนีไฟของโถงลิฟต์ที่เชื่อมต่อกับบริเวณโซน B ตรงกับการตรวจพบของทีมผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ การทำงานในคืนนี้จะเน้นขุดรื้อบริเวณนี้เพิ่มขึ้นพร้อมขุดรื้อชั้นคอนกรีตในพื้นที่โซน A และ D ไปพร้อมกันทีละชั้น ให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ประสบภัยรายใดตกหล่นจากการค้นหาตรวจเหล็กเส้นตึกถล่ม 40 ท่อนวันเดียวกัน นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่า เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ทีมสุดซอยร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และผู้แทนบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด เข้าเก็บตัวอย่างเหล็กเพิ่มจากบริเวณตึก สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม การเก็บตัวอย่างเหล็กเส้นหลายจุดหลากหลายชนิดและขนาด จำเป็นต้องเลือกชุดตัวอย่างให้ครบ 5 เส้น/ ชั้นคุณภาพ/ขนาด/ยี่ห้อ ให้เป็นไปตามหลักวิชาการเรื่องการชักตัวอย่างและการตัดสิน โดยได้ตัวอย่างเหล็กเส้นเพิ่ม 8 ชนิด ชนิดละ 5 ท่อน รวม 40 ท่อน และจะตรวจสอบตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ในวันที่ 21 เม.ย.นี้ โดยสถาบันเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยเพื่อให้ได้ข้อมูลในการดำเนินการเอาผิดต่อผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ในส่วนของการตรวจสอบหากพบเจ้าหน้าที่คนใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องได้รับโทษด้วยไม่มีการช่วยเหลือใดๆผิดรับโทษยึดใบอนุญาตปิด รง.ทั้งนี้ สถาบันเหล็กฯ จะทดสอบมาตรฐานเหล็กทุกรายการตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหรือ มอก. 24-2559 ดังนี้ 1.มวลต่อเมตร 2.ช่วงระหว่างบั้ง ส่วนสูงของบั้ง และความกว้างครีบ 3. ส่วนประกอบทางเคมี 4.ความต้านแรงดึง (Tensile) 5.ความต้านแรงดึงที่จุดคราก (Yield strength) 6.ความยืด (Elongation) และ 7.ความดัดโค้ง (Bending) 8.มุมระหว่างบั้งครีบแกนของเหล็ก 9.เครื่องหมายที่เหล็กข้ออ้อย ผลการตรวจสอบหากผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ทุกอย่างเป็นไปตามกติกา หากผู้ผลิตมีความผิดต้องรับโทษ-ยึดใบอนุญาต-ปิดโรงงานตามขั้นตอนกฎหมายเรียกสอบไรเดอร์-ส่ง จยย.ตรวจส่วนการสอบสวนกรณี พ.อ.พิฆราช สุริยะ หรือ เสธ.เหยี่ยว หัวหน้ากองกรมการกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 11 (หน.กกร.มทบ.11) จิตอาสาพระราชทานกองทัพบกและร่วมค้นหาช่วยเหลือเหตุตึก สตง.ถล่ม ประสบอุบัติเหตุหักหลบ จยย.ไรเดอร์ระหว่างขี่ จยย.ไปพื้นที่ตึกถล่มจนล้มหัวน็อกพื้นดับ เมื่อเวลา 15.40 น. วันที่ 20 เม.ย. ร.ต.อ.วีระชัย แก้วสง่า รอง สว. (สอบสวน) สน.พญาไท เผยว่า เมื่อคืนวันที่ 19 เม.ย. คนขี่รถ จยย. ส่งอาหาร (ช้อปปี้) เป็นชายอายุ 20 ปี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อเป็นพยานในคดีให้การเป็นประโยชน์ต่อคดีไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยนำรถหนุ่มช้อปปี้ให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจแล้วไม่พบร่องรอยการเฉี่ยวชน ประกอบกับภาพจากกล้องวงจรปิดไม่พบการเฉี่ยวชนเช่นกัน แต่ที่เรียกมาสอบปากคำเพราะถือเป็นบุคคลขี่รถ จยย.อยู่ใกล้รถผู้ตายมากที่สุด คาดว่าจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดประกอบสรุปสำนวนคดีต่อไปแม่ เสธ.เหยี่ยวเสียสิทธิรักษาวันเดียวกัน พล.ต.ยอดอาวุธ พึ่งพักตร์ ผบ.มทบ.11 เผยว่า การดูแลสิทธิ พ.อ.พิฆราช ขั้นต้นในการดูแลมารดา พ.อ.พิฆราชที่จะต้องผ่าตัดหัวใจในวันที่ 4 มิ.ย.68 สรุปได้ดังนี้ จากเหตุการณ์ที่ พ.อ.พิฆราช หนึ่งในกำลังพลจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ที่เข้าร่วมค้นหาและช่วยเหลือเหตุอาคาร สตง.ถล่ม ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในวันที่ 18 เม.ย.68 เนื่องจาก พ.อ.พิฆราชมีมารดาคือนางพสรี สุริยะ มีประวัติรับการรักษาโรคหัวใจต่อเนื่องมีกำหนดนัดทำหัตถการ Med cath lab (Radiofrequency Ablation) ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ในวันที่ 4 มิ.ย.68 เมื่อ พ.อ.พิฆราชเสียชีวิต สิทธิในการเบิกค่ารักษาพยาบาลของมารดาจะสิ้นสุดทันทีทบ.ประสาน รพ.รับดูแลต่อพล.ต.ยอดอาวุธกล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้ ผบ.ทบ. สั่งการให้กรมแพทย์ทหารบกดูแลคุณแม่พสรี สุริยะ เรื่องการจี้หัวใจ เจ้ากรมแพทย์ทหารบกสั่งการให้ ผอ.รพ.ค่ายกาวิละ ขอความอนุเคราะห์ในการรักษา ทั้งในช่วงทำหัตถการและการดูแลต่อเนื่องหลังการทำหัตถการของนางพสรี กับ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ และประสาน รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำให้ได้รับการอนุเคราะห์ในการรักษาต่อเนื่อง ถึงแม้ภายหลังทำหัตถการ ผู้ป่วยจะไม่สามารถใช้สิทธิรักษาของข้าราชการได้ แต่เนื่องจาก รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เห็นว่าเป็นมารดากำลังพลจิตอาสาซึ่งทำสาธารณประโยชน์ให้แก่ประชาชน และประเทศชาติมาต่อเนื่อง ยินดีรับไว้เป็นสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า รพ.มหาราชนครเชียงใหม่และยินดีดูแลหากมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินในการรักษาต่อไปพวงมาลาในหลวงราชินีหน้าศพเวลา 18.30 น. ที่วัดสันทรายต้นกอก ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมืองเชียงใหม่ นายศิวกร บัวป้อง รอง ผวจ.เชียงใหม่ อัญเชิญพวงมาลาหลวงพระราชทานพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีวางหน้าศพ พ.อ.พิฆราช สุริยะ หัวหน้ากองอำนวยการบรรเทาสาธารณภัยค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.ถล่ม กรุงเทพมหานคร หลังประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตรถจักรยานยนต์ล้ม เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพรดน้ำศพ มี พล.ต.ธีระ ผดุงสุนทร ผบ.มทบ.33 เป็นประธาน และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของครอบครัว ญาติพี่น้อง และเพื่อนร่วมงานที่มาร่วมพิธีไว้อาลัยด้วยแม่เสธ.เหยี่ยวรับคิดอะไรไม่ออกนางพสวี สุริยะ อายุ 65 ปี แม่ พ.อ.พิฆราช สุริยะ หรือ เสธ.เหยี่ยว เล่าว่า การจากไปของลูกชายไม่ทันได้ตั้งตัว ที่ผ่านมาโทร.คุยถามสารทุกข์สุกดิบกับลูกชายเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อทราบว่าลูกชายเข้าไปทำงานค้นหาผู้สูญหายที่อาคาร สตง. รู้สึกเป็นห่วง แต่ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนรักในหน้าที่การงานคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเมื่อลูกชายคนเดียวซึ่งเป็นเสาหลักและความหวังของครอบครัวไม่อยู่แล้วต่อไปชีวิตตนจะเป็นอย่างไรเพราะเขาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ครอบครัวต้องอยู่กันอย่างยากลำบากเพราะลูกชายเป็นเสาหลัก หลานชายสองคนซึ่งเป็นลูก เสธ.เหยี่ยวก็ยังเล็กและกำลังเรียนตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก อย่างไรก็ตาม จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 24 เมษายน 2568 ที่สุสานบ้านท่าหลุกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่