ดีเอสไอบุกจับ “ชวน หลิง จาง” กก.บ.ไชน่าฯ คดีนอมินี คาโรงแรมรัชดา หลังศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 4 ผู้ต้องหา ยังเหลืออีก 3 เป็นคนไทยมีชื่อเป็นหุ้นส่วนปรากฏในบริษัท ยังอยู่ระหว่างตามจับกุม หนุ่มแรงงานพม่าเข้ารับข้าวของส่วนตัวที่กู้ภัยเก็บไว้ ก่อนเล่านาทีระทึกอยู่บนชั้น 29 กับเพื่อนอีก 14 คน ก่อนตึก สตง.ถล่มลงเป็นรูปตัววีร่างไถลมากับซากปูนก่อนจะมุดออกจากซากตึกรอดตายเหลือเชื่อ “ชัชชาติ” ยันไม่มีเกาเหลาทีมสอบสวน แจงให้ความร่วมมือดี ส่วนยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 47 ราย และยังค้นหาอีก 47 ราย อาลัย “เสธ.เหยี่ยว-พ.อ.พิฆราช สุริยะ” ทีมจิตอาสา 904 ตึก สตง.ถล่ม ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะขี่รถจยย.ไปที่พื้นที่ปฏิบัติงาน ถึงหน้า รพ.สงฆ์หักหลบไรเดอร์ที่เปลี่ยนเลนกะทันหันจนชนขอบฟุตปาทล้มศีรษะกระแทกพื้น เผยเจ้าตัวเข้าปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือตั้งแต่เหตุเกิดวันแรก ผบ.ทบ.เศร้าเสียบุคลากรดีเด่น พ่อแม่ลูกเมียเดินทางรับศพกลับเชียงใหม่
ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมตำรวจ-ดีเอสไอ และผู้เกี่ยวข้องถกคืบหน้าเอาผิดคดีตึกก่อสร้าง สตง.แห่งใหม่ถล่ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มี.ค.จนมีผู้เสียชีวิตที่พบขณะนี้อยู่ในซากตึกจำนวนมาก หลังเกิดเหตุนายกรัฐมนตรีสั่งให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เพราะเชื่อว่ามีการก่อสร้างไม่โปร่งใสเป็นอาคารก่อสร้างแห่งเดียวที่ถล่มลงมาจากผลพวงแผ่นดินไหวจากประเทศเมียนมาและอยู่ห่างไกลเป็นพันกิโลเมตรเมื่อ 28 มี.ค.68 รวมทั้งให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย สืบสวนอีกทางสรุปผลรายงานเบื้องต้นพุ่งเป้าที่การออกแบบ-ปล่องลิฟต์อสมมาตร และพบมีการปลอมลายเซ็นวิศวกรคุมงานหลายคน ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารระบุด้วยว่าจะมีหมายจับเร็วๆนี้พร้อมสั่งทุกหน่วยให้ความร่วมมือตำรวจมากขึ้น ขณะที่โฆษกดีเอสไอเผย คดีนอมินีคืบหน้ามากอยู่ในขั้นตอนพิจารณาแจ้งข้อหา พร้อมเชิญ 51 วิศวกรเข้าให้ข้อมูล ขณะที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ ปรับลดยอดผู้เสียชีวิตจาก 44 เหลือ 42 ราย หลังต้องตรวจอัตลักษณ์ยืนยันใหม่ 2 ร่าง
...
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 19 เม.ย. การปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย จากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่กำลังก่อสร้างใหม่พังถล่ม เขตจตุจักร กทม. เข้าสู่วันที่ 23 เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จากหลายหน่วยงานยังเดินหน้าเครื่องจักรกลหนักเจาะสกัดแผ่นคอนกรีต และโกยเหล็กเส้น สลับกับทีมค้นหาเดินเท้าพร้อมอุปกรณ์ตัดเหล็กเส้นที่ถักทอในแผ่นคอนกรีตขุดรื้อซากตึกและกองดินขนาดใหญ่ที่ทับถมซากอาคาร
เก็บหลักฐานบริเวณปล่องลิฟต์
เวลา 08.00 น. ที่จุดเกิดเหตุ ตึก สตง.ถล่ม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนดีเอสไอ พนักงานสอบสวนตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เข้าไปตรวจและเก็บหลักฐานวัสดุก่อสร้างบริเวณปล่องลิฟต์ ที่สงสัยว่า เป็นจุดที่ทำให้โครงสร้างตึก สตง.ทั้งหมดถล่มพังลงมามีทีม USAR สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. สนับสนุนช่วยเก็บหลักฐาน และอายัดพื้นที่กันไว้เป็นหลักฐาน
“ชัชชาติ” ยันเข้าขากับทุกฝ่าย
ต่อมาเวลา 10.20 น. ที่กองอำนวยการร่วม ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นายชัชชาติกล่าวว่า ตามที่มีกระแสข่าว กทม. ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่นในการเข้าไปเก็บหลักฐาน ยืนยันว่า กทม.อยากช่วยทุกฝ่ายให้เก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุดเพื่อหาผู้ที่รับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ อาจจะติดปัญหาในช่วง 2-3 วันแรกที่เราจะค้นหาผู้รอดชีวิต ติดปัญหาเรื่องของการสื่อสารนิดหน่อย เพียงแต่เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครไม่มีความเชี่ยวชาญเก็บพยานหลักฐาน ต้องขอให้เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ด้วยกันดูว่าต้องการหลักฐานชิ้นไหนให้ระบุความต้องการ กทม.พร้อมจะสนับสนุนเก็บหลักฐานให้ ต้องมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาอยู่กับเราตลอด เพราะงานยังคงเดินไปอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี
เจาะลึกปล่องลิฟต์เชื่อพบศพเพิ่ม
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าภารกิจการค้นหาร่างผู้สูญหายในวันนี้ เริ่มเจาะบริเวณปล่องลิฟต์คาดว่าเป็นบันไดหนีไฟเนื่องจากเจอราวจับบันไดเจอขั้นบันได เมื่อวานเจอร่างบริเวณนี้ 6 ร่าง วันนี้เจาะลงไปบริเวณปล่องลิฟต์ให้ลึกลงไปอีกคาดว่าน่าจะเจอผู้ที่ติดค้างเพิ่มเติม งานยังเดินหน้าไปได้ด้วยดีแม้อาจจะเจอปัญหา เช่น เครื่องจักรเสียเยอะขึ้นเฉลี่ยวันละ 20 เคสต่อวันมีการเตรียมอะไหล่และช่างซ่อมบำรุงไว้หน้างานแล้ว
ล่าสุดพบ 47 ศพ ชิ้นส่วนร่วม 200 ชิ้น
นายชัชชาติเผยต่อว่า “กระบวนการค้นหาเวลาได้ชิ้นส่วนมนุษย์ต้องให้พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ เพราะไม่แน่ใจว่าชิ้นส่วนที่นำออกมานั้นเป็นร่างเดียวกันหรือไม่ ขณะนี้มีชิ้นส่วนทั้งหมดกว่า 183 ชิ้น ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดคือ 47 ราย แต่ต้องรอตัวเลขที่ได้รับการยืนยันจากพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง ขณะนี้ส่งเจ้าหน้าที่ไปค้นบริเวณกองดินที่อยู่ตรงการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีชิ้นส่วนมนุษย์ติดค้างไป แต่ก่อนที่จะส่งวัสดุออกไปจากไซต์งาน มีการตรวจเช็กไปแล้ว อาจจะมีหลุดรอดไปบ้างแต่เล็กน้อยเท่านั้น พิสูจน์หลักฐาน และสุนัข K9 จะตรวจสอบอีกขั้นหนึ่ง โดยการดมกลิ่นและใช้ตามนุษย์สังเกต ต้องเร่งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลโดยการตรวจสอบดีเอ็นเอ เพราะยังไม่ได้รับข้อมูลการตรวจดีเอ็นเอกว่า 10 คน” นายชัชชาติกล่าว
เปลี่ยนวิธีเจาะ “แพนเค้กซีเมนต์”
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเจาะส่วนที่ยากที่สุด คือโซน A D ที่อยู่ด้านหน้า เป็นส่วนที่พื้นพังถล่มลงมาเป็น “แพนเค้กซีเมนต์”จากเมื่อก่อนเราใช้วิธีการดึง เป็นไปได้ยากเนื่องจากมีชิ้นส่วนเหล็กจำนวนมาก ปัจจุบันใช้วิธีการเจาะจากด้านล่างค่อยสกัดคอนกรีตทำให้ขั้นตอนนั้นเร็วขึ้น และมั่นใจว่าบริเวณโซนนี้จะไม่มีผู้ติดค้างอยู่เนื่องจากวันที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวคนน่าจะไปที่จุดอื่น แต่ถึงอย่างไรจะคอยสังเกตอยู่ตลอด
...
กำหนดเดิมจบภารกิจสิ้น เม.ย.
เมื่อถามว่าปฏิบัติการการค้นหาผู้สูญหายแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนหรือไม่ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เรายังคงลุยต่อ เรากำหนดเป้าหมายไว้ว่าในช่วงเดือนเมษายนเราจะต้องลุยให้เต็มที่ แต่ต้องขึ้นอยู่กับหน้างาน เพราะไม่ใช่เพียงแค่ต้องรื้อตึก แต่เป็นการรื้อ และค้นหาผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในซาก รวมถึงมีการฆ่าเชื้อ เนื่องจากภายในไซต์งานยังคงทำอยู่ตลอดเวลา อย่างเจ้าหน้าที่หลังปฏิบัติภารกิจเสร็จออกมาก็ต้องพ่นฆ่าเชื้อ ตรวจสอบคุณภาพน้ำอยู่ตลอด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งอันตรายปะปนมาสู่คนด้านนอก
ดูเกณฑ์เยียวยาผู้รับผลกระทบ
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการที่อยู่รอบข้างที่เกิดเหตุและได้รับผลกระทบเนื่องจากไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ นายชัชชาติกล่าวว่า ได้ยินเสียงบ่นมา แต่ยังไม่ได้คุยกับผู้ประกอบการ จะพยายามที่จะเคลียร์พื้นที่ และเปิดทางให้มอบหมายผอ.เขตเป็นผู้ดำเนินการ ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ประสบเหตุ ปภ.จะเป็นผู้ควบคุมงบประมาณ ตั้งเกณฑ์ขึ้นมา เช่น รอยร้าวจะได้เท่าไหร่ ความเสียหายอะไรจะได้เท่าไหร่แต่ไม่อยากให้คาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือเต็มพิกัด ขึ้นอยู่กับความเสียหายของแต่ละคน ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ อาจจะต้องไปคุยกันก่อนว่าจะเข้าเงื่อนไขไหนบ้าง และมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้าง
เผยตัวเลขค้นหาอีก 47 ราย
ด้านศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดความคืบหน้าภารกิจกู้ภัยคนงานผู้สูญหายจากซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหลังใหม่พังถล่ม ณ เวลา 10.00 น. ของวันที่ 19 เม.ย. ว่า มีจำนวนผู้ประสบเหตุ 103 ราย แยกเป็นผู้เสียชีวิต 47 ราย ผู้บาดเจ็บ 9 ราย และยังมีผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 47 ราย
แรงงานพม่าเล่านาทีรอดเหลือเชื่อ
...
เวลา 11.00 น. นายเมียนมอง ช่างเตรียมแบบหล่อคอนกรีต บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อายุ 43 ปี ชาวเมียนมา แรงงานที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์จากชั้น 29 ตึก สตง.เพียงคนเดียวจากแรงงานไทย-ชาวเมียนมาทั้งหมด 14 คน เข้าติดต่อขอรับทรัพย์สินกระเป๋าส่วนตัว ที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเก็บกู้ได้ระหว่างรื้อซากตึก พร้อมให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยมีล่ามช่วยแปลภาษาให้ นายเมียนมอง เผยว่า ช่วงเกิดเหตุนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนแรงงานที่เป็นพนักงาน บ.อิตาเลียนไทยฯทั้งหมด 13 คน บนชั้น 29 ระหว่างโซน B และ C ใกล้กันมีพนักงานกดลิฟต์ก่อสร้างหญิงเป็นพนักงานบริษัทอื่นอีก 1 คน เมื่อตึกเริ่มจะถล่ม มีเศษอิฐ เศษปูนร่วงลงจากแผ่นคอนกรีตเพดานตลอดเวลา มีอิฐก้อนหนึ่งหล่นกระแทกหัวแตกจึงแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน หลังจากนั้นตึกก็ถล่มลงมา
ร่วงจากชั้น 29-มุดซากตึกออกมา
นายเมียนมองกล่าวต่อว่า ตนร่วงหล่นไถลไปกับแผ่นพื้นคอนกรีตชั้น 29 ที่ยุบแตกเป็นตัววี เพียง 2 นาที ทุกอย่างกลายเป็นกองซากตึก ตอนนั้นไม่รู้ว่าร่วงหล่นมาอยู่ตรงส่วนไหนของตึก รู้แต่ว่าลงมาใกล้กับพื้นดิน ตอนนั้นปวดหัว บาดเจ็บถูกปูนทับร่างทุกอย่างเงียบไปหมด คิดว่าไม่รอด ไม่สามารถกลับไปหาแม่ที่บ้านเกิดได้อีก ต้องตายแน่ๆเพราะไม่มีความช่วยเหลือใดๆในตอนนั้น อย่างไรก็ตาม ได้หาทางมุดซากตึกออกมาด้านนอกจนได้ แต่ตอนออกมาไม่เห็นเพื่อนร่วมงานเลย ในเหตุการณ์มีเพื่อนสนิทสูญหาย 7 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย ส่วนเงินเยียวยาช่วยเหลือ เบื้องต้นได้รับจากบริษัทอิตาเลียน 1 หมื่นบาท ส่วนของรัฐบาลไทยอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานยื่นคำร้องเป็นทางการ
ดีเอสไอจับ กก.ไชน่าฯคดีนอมินี
วันเดียวกัน เฟซบุ๊กกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุข้อความ ด่วน DSI จับกรรมการไชน่า เรลเวย์ No.10 ข้อหานอมินีแล้ว กำลังนำตัวมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าจับกุมนายชวนหลิง จาง กรรมการฯ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ No.10 จับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดา ในข้อหานอมินีแล้ว อยู่ระหว่างนำตัวมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม จะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอีกครั้ง เวลา 18.30 น.
...
หลักฐานรับฟังได้มีการทำผิด
มีรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 เปิดเผยถึงกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมขอศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ว่า หลังจากขยายผลอย่างต่อเนื่องและเร่งรวบรวมหลักฐาน คู่ขนานไปกับการสอบสวนปากคำพยานที่ได้ดำเนินการไปพอสมควรแล้ว รับฟังได้ว่าอาจมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นตามที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ คือ คดีนอมินี หรือความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
ศาลอาญาอนุมัติ 4 หมายจับ
ล่าสุดได้รับการยืนยัน ว่า ศาลอาญาอนุมัติหมายจับความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 37 และมาตรา 41 จำนวน 4 หมายจับ ได้แก่ 1.บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายชวน หลิง จาง กรรมการฯ ในฐานะกรรมการ 2.นายมานัส ศรีอนันท์ 3.นายประจวบ ศิริเขตร 4.นายโสภณ มีชัย ทั้งนี้นายชวนหลิง จาง ตามรายงานการสืบสวนพบว่ามีรายชื่อเป็นกรรมการอยู่ในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มาเป็นกิจการร่วมค้า หรือ Joint Venture กับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) โดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ มีที่ตั้งเลขที่ 493 ซอยพุทธบูชา 44 แยก 11 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพ มหานคร ตามการจำแนกเป็นสัดส่วนของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ มีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย 51 เปอร์เซ็นต์ ดังนี้ นายโสภณ มีชัย ถือหุ้น 40.7997 เปอร์เซ็นต์ นายประจวบ ศิริเขตร ถือหุ้น 10.2 เปอร์เซ็นต์ และนายมานัส ศรีอนันท์ ถือหุ้น 0.0003 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสัดส่วนผู้ถือหุ้นสัญชาติจีน 49 เปอร์เซ็นต์ เป็นบุคคล 1 ราย คือ นายชวนหลิง จาง
ตะครุบได้คาโรงแรมย่านรัชดา
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเผยด้วยว่า ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าวได้ติดตามตัวนายชวนหลิง จาง จนพบว่าเข้าพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ มา 2 วัน เบื้องต้นเจ้าตัวประสงค์ขอรอล่ามแปลภาษาซึ่งเป็นทนายความด้วย ขณะเข้าจับกุม นายชวนหลิง จาง สวมใส่เสื้อผ้าชุดลำลอง มีอาการตกใจที่ถูกออกหมายจับ หลังจากจบกระบวนการแจ้งจับแล้ว ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว จะได้ควบคุมตัวไปที่อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ นำส่งให้คณะพนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนคดี เพื่อสอบสวนปากคำและบันทึกการจับกุม ส่วนกรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 ราย คือ นายประจวบ นายโสภณ และนายมานัส ยังคงอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว
สอบอยู่เข้าข่ายใช้อุบายหรือไม่
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า การออกหมายจับของดีเอสไอวันนี้ ที่ได้ขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ข้อหาเกี่ยวกับเป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้าม เพราะพบหลักฐานน่าเชื่อได้ว่าบริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ให้กรรมการคนไทย 3 คน ตรวจสอบแล้วไม่ได้มีฐานะทางการเงินมาถือหุ้นแทนคนต่างด้าว จากการพบหลักฐานทางการเงินกว่า 2,000 ล้านบาท ที่กู้ยืมจากกรรมการคนจีน อีกคดีเกี่ยวกับการฮั้วประมูลนั้น ดีเอสไอกำลังเร่งดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะหากเป็นนอมินีของบุคคลต่างด้าวอำพรางมาร่วมทำสัญญากับ สตง. จะเข้าข่ายความผิดมาตรา 7 เรื่องการใช้อุบายหรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดเพื่อให้ได้งาน เป็นความผิดเกี่ยวกับการฮั้วประมูล ดีเอสไอกำลังสอบสวนอยู่ว่าเข้าข่ายการใช้อุบายหรือไม่
อยากดูหลักฐานฝั่ง บ.ไชน่า
รมว.ยุติธรรมกล่าวต่อว่า ส่วนการสอบปากคำวิศวกรผู้ควบคุมงาน ส่วนใหญ่จะปฏิเสธอ้างว่ามีการปลอมลายเซ็น ส่วนคดีที่มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ตำรวจตั้งเรื่องไว้เป็นเรื่องกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว ส่วนจะมีเจตนาทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือไม่ ถือเป็นอีกส่วนที่พนักงานสอบสวนต้องรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้บริษัทไชน่าเรลเวย์ฯ ถือเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง อยากให้ทางบริษัทเอาหลักฐานมาดู เพื่อหาคำตอบว่าทำไมตึก สตง.จึงถล่มทำให้มีคนตายจำนวนมาก เราพร้อมจะรับฟังข้อมูลทั้งหมด
3 หุ้นคนไทยเชื่อยังอยู่ในประเทศ
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าตัวให้ความร่วมมือดี จากจะเริ่มสอบปากคำหลังจากที่ล่ามและทนายความเจ้าตัวมาถึง ส่วนกรรมการคนไทยอีก 3 คนที่ถูกออกหมายจับ เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุม สำหรับจำนวนหุ้นที่กรรมการทั้ง 3 คน ถืออยู่รวมกัน 51 เปอร์เซ็นต์ ดีเอสไอ มีพยานหลักฐานน่าเชื่อได้ว่าไม่ได้ถือหุ้นจริง แต่เป็นการถือหุ้นอำพรางแทนคนต่างด้าว จึงได้ออกหมายจับ มาดำเนินคดี ขณะที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้ข้อมูลว่าจากการตรวจสอบวีซ่าของเจ้าตัวยังไม่หมดอายุ มีการเข้าออกประเทศไทยอยู่เป็นระยะๆ
สลด “เสธ.เหยี่ยว” ประสบอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตาม จากเหตุตึกก่อสร้าง สตง.แห่งใหม่ถล่ม มีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยราชการและเอกชนเข้าร่วมกู้ภัยค้นหาผู้รอดชีวิตและผู้ติดอยู่ใต้ซากตึก ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมกู้ภัย ทีมจิตอาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุตึกถล่ม ร่วมแสดงความเสียใจ กรณี พ.อ.พิฆราช สุริยะ หรือ เสธ.เหยี่ยว อายุ 43 ปี หัวหน้ากองกิจการพลเรือนมณฑลทหารบกที่ 11 (หน.กกร.มทบ.11) เข้ามาร่วมปฏิบัติการช่วยเหลือทำหน้าที่จิตอาสา 904 หน่วย มทบ.11 กองทัพภาคที่ 1 ให้บริการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในเหตุตึก สตง.ถล่ม ตั้งแต่วันแรกและเป็น เจ้าหน้าที่ประสานงานทำหน้าที่จิตอาสาทุกวัน ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตหน้า รพ.สงฆ์ ถนนศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. ใกล้แยกศรีอยุธยา เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 เม.ย.
ดับคาชุดจิตอาสาหน้า รพ.สงฆ์
วันเวลาดังกล่าว ร.ต.อ.วีระชัย แก้วสง่า รอง สว. (สอบสวน) สน.พญาไท รับแจ้งเหตุไปตรวจสอบมีอุบัติเหตุรถ จยย.เฉี่ยวชนกัน พบผู้บาดเจ็บนอนหงายสวมเสื้อโปโลสีเหลือง แขนสั้น กางเกงขายาวสีครีม (ชุดจิตอาสา) หายใจรวยริน มีบาดแผลแตกที่ศีรษะ มี ร.ต.อ.สมัชชา ภูมิสถาน ร.ต.ต.อารยะ ป้อมค่าย รอง สว.กก.6 บก.จร. (จราจรโครงการพระราชดำริ) และหน่วยกู้ชีพ รพ.พระมงกุฎเกล้า พยายามทำซีพีอาร์แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ใกล้กันพบรถ จยย.ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน ขยท 524 ราชบุรี ที่ผู้ตายขี่แต่ไม่พบคู่กรณี
จยย.ชนฟุตปาทหัวน็อกพื้น
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้เสียชีวิตกลับจากการสรุปเหตุการณ์จิตอาสาช่วยเหลือเหตุตึก สตง. ถล่ม กำลังขี่รถ จยย.มุ่งหน้ากลับไปที่พื้นที่อาคารถล่ม ขี่มาจากทางด้านกระทรวงการต่างประเทศด้วยความเร็ว ผ่านแยกศรีอยุธยา เลนที่ 3 ขวาสุดก่อนเปลี่ยนเลนออกซ้ายช่วงผ่านหน้า รพ.สงฆ์ เป็นจังหวะเดียวกับ มีผู้ขี่รถ จยย.ส่งอาหาร (ช้อปปี้) ขี่คู่กันเปลี่ยนเลนออกซ้ายเช่นกันยังไม่แน่ชัดเฉี่ยวชนกันหรือไม่ แต่ทำให้ผู้เสียชีวิตอาจตกใจหักหลบรถเสียหลักชนขอบฟุตปาทศีรษะกระแทกพื้น ส่วนรถคู่กรณีขี่หลบหนีไป
เจอตัวแล้วคู่กรณีเป็นไรเดอร์
ด้าน ร.ต.อ.วีระชัยกล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่จุดเกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียงทราบรถคู่กรณีขี่รถ จยย. (ช้อปปี้) เป็นผู้ชายอายุประมาณ 20 ปี ติดต่อได้แล้วประสานจะเข้าพบตำรวจให้ปากคำเร็วๆนี้ ทั้งนี้ ให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่แผนกนิติเวชฯ รพ.รามาธิบดี บิดา มารดาผู้เสียชีวิตกำลังเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ เพื่อประสานรับศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ครอบครัวรับศพกลับเชียงใหม่
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่แผนกนิติเวชฯ รพ.รามาธิบดี พ่อแม่ ภรรยา และลูกชาย 2 คน พร้อมญาติพี่น้องของ พ.อ.พิฆราช รวมทั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อนทหารและเพื่อนร่วมงานจิตอาสาตึก สตง.ถล่ม เดินทางมาติดต่อรับศพ พ.อ.พิฆราช ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสันทรายต้นกอก ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยกำหนดการสวดอภิธรรมศพ และพิธีพระราชทานเพลิงศพ พ.อ.พิฆราช สุริยะ (ตท.41) หน.กกร.มทบ.11 ที่วัดสันทรายต้นกอก วันที่ 20เม.ย.68 เวลา 16.00 น. พิธีรดน้ำศพเวลา 17.30 น. พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และ18.00น. พิธีสวดอภิธรรม วันที่ 21, 22, 23เม.ย.68 เวลา20.00น. พิธีสวดอภิธรรม วันที่ 24 เม.ย.68 เวลา 10.00 น. สวดพุทธมนต์ ถวายเพล เวลา13.30น. พิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ สุสานบ้านท่าหลุก ต.สันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
ทบ.แจง–หักหลบ จยย.เปลี่ยนเลน
วันเดียวกัน กองทัพบกได้รับแจ้งเหตุกำลังพลประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทราบชื่อคือ พ.อ.พิฆราช สุริยะ หัวหน้ากองกิจการพลเรือน มณฑลทหารบกที่ 11 ผู้อำนวยการศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ กองทัพภาคที่ 1 เป็นหนึ่งในกำลังพลจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ที่เข้าร่วมค้นหาและช่วยเหลือเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่ม ตั้งแต่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เหตุเกิดวานนี้ (18 เมษายน) ขณะเดินทางไปประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวัน ณ กองอำนวยการ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ส่วนหน้า (จตุจักร) มีที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า JJ Mall จากภาพกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ กำลังพลหักหลบรถจักรยานยนต์ที่เปลี่ยนเลนกะทันหัน ทำให้เสียหลักชนฟุตปาทเสียชีวิต
ผบ.ทบ.เศร้าเสียบุคลากร
จากเหตุดังกล่าว พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการจิตอาสาพระราชทานกองทัพบก ได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวของกำลังพลที่สูญเสียบุคคลสำคัญในครอบครัวซึ่งเป็นบุคลากรดีเด่น ร่วมปฏิบัติงานในภารกิจต่างๆของกองทัพบก เพื่อประชาชนและประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง มอบหมายให้มณฑลทหารบกที่ 11 ประสานและอำนวยความสะดวกครอบครัวเดินทางมารับศพ ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี และกระทำพิธีทางศาสนา รวมทั้งเร่งดำเนินการในเรื่องสิทธิและสวัสดิการต่างๆ ของกำลังพลโดยเร็ว เพื่อดูแลช่วยเหลือครอบครัวให้ได้รับตามสิทธิอย่างดีที่สุด
ขณะเดียวกัน สั่งการให้นายทหารพระธรรมนูญของหน่วยร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท พื้นที่เกิดเหตุ สอบสวนและดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายกับคู่กรณี กองทัพบกพร้อมเป็นตัวแทนครอบครัวประสานงานและดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อยุติของคดี และให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวโดยเร็ว
จบ ตท.41 จปร.52
สำหรับ พ.อ.พิฆราช สุริยะ หรือ เสธ.เหยี่ยว จบการศึกษา ม.ต้น จากยุพราชวิทยาลัย รุ่น 39-42 จบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 41 (ตท.41) จปร.52 เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันพัฒนา กองพลพัฒนาที่ 1 กองทัพบก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองกิจการพลเรือนมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) รับผิดชอบส่วนงานบรรเทาสาธารณภัยที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองทัพภาคที่ 1 ปัจจุบันมอบหมายให้ มทบ.11 เป็นศูนย์ประสานงานกลางบูรณาการหน่วยงานกองทัพบกที่ร่วมสนับสนุนภารกิจกู้ภัยตึก สตง.ถล่ม รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานหลัก อาทิ กทม. และกู้ภัย ล่าสุดมีชื่อได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองเสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 11 ในสัปดาห์หน้า แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่