กลายเป็นกรณีศึกษาข้อพิพาทระหว่าง เนสท์เล่ บริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ผลิตอาหารและเครื่องดื่มวางจำหน่ายไปทั่วโลก บริษัทแม่ตั้งอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของแบรนด์กาแฟ เนสกาแฟ ที่อยู่กับคนไทยมานานแสนนานกับตระกูลดัง มหากิจศิริ ที่ร่วมกันตั้ง บริษัท ควอลิตี้ คอฟฟี่ โปรดักท์ส เพื่อผลิต เนสกาแฟ ตั้งแต่ปี 2533 เป็นต้นมา

จนกระทั่งเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา เนสท์เล่ ได้แจ้งยุติสัญญาการให้สิทธิในการผลิตเนสกาแฟในประเทศไทย มีผลเป็นทางการตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 แต่เกิดปัญหาในส่วนของผู้ถือหุ้นที่ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการดำเนินงานการผลิตในอนาคต

ต่อมาหนึ่งในผู้ถือหุ้น ได้นำเรื่องไปร้องศาลแพ่งมีนบุรี ให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว และ ศาลแพ่งมีนบุรี ได้ออกคำสั่ง ห้ามไม่ให้เนสท์เล่ผลิต ว่าจ้างผลิต จำหน่ายและนำเข้ากาแฟสำเร็จรูป โดยใช้เครื่องหมาย เนสกาแฟ ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมานี้เอง

วุ่นวายเลยทีนี้ โดยเฉพาะสินค้า เนสกาแฟ ที่มีผู้บริโภคจำนวนมาก รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ เนสกาแฟ เกิดความสับสนขึ้นมาทันที ดังนั้น เนสท์เล่ จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งมีนบุรี ขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างและส่งผลเสียหายต่อธุรกิจ ศาลแพ่งมีนบุรี นัดไต่สวนฉุกเฉินในวันที่ 17 เม.ย.นี้

เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้ส่งหนังสือยืนยันไปยังพันธมิตรทางการค้า เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ เนสท์เล่ เป็นผู้ถือสิทธิ์เครื่องหมายการค้า เนสกาแฟ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศ ทำให้ เนสท์เล่ สามารถจำหน่าย เนสกาแฟ ได้ตามปกติ

ดังนั้นเรื่องนี้ต้องแยกเป็นสองกรณี กรณีการถือลิขสิทธิ์แบรนด์สินค้า เนสกาแฟ ย่อมเป็นของบริษัทแม่อยู่แล้วตามคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขใดๆ ส่วนในกรณีการร่วมผลิต เนสกาแฟ จะมีความขัดแย้งกันอย่างไร ระหว่างผู้ถือหุ้นก็เป็นอีกกรณี

...

ที่จะต้องยึดเป็นมาตรฐานสากล ถ้าเป็นกรณีในการสิ้นสุดสัญญาจ้างผลิตสินค้า ไม่ว่าจะเป็นสินค้าชนิดใด ประเภทใดก็ตาม ก็ต้องปฏิบัติไปตามสัญญาที่ระบุไว้ และเรื่องนี้ต้องปฏิบัติด้วยความโปร่งใสและตรงไปตรงมา

ข่าวห้ามจำหน่าย เนสกาแฟในไทย ที่เป็นข่าวไปทั่วโลก จะมีผลดีผลเสียต่อการลงทุนในประเทศไทยหรือไม่อย่างไรเป็นอีกเรื่อง แต่ในยุค สงครามการค้า ควรยึดธรรมาภิบาลมาตรฐานสากลทางธุรกิจ โปร่งใส ตรวจสอบได้.


หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม