วันที่ 7 ของการช่วยเหลือ ลุ้นระทึกจะมีปาฏิหาริย์เมื่อมีเสียงตอบรับจากใต้ซากตึก สตง.กลางดึก “ชัชชาติ” ยันเป็นเสียงหญิงสาวบริเวณโพรงบันไดหนีไฟ ใช้โซนาร์วัดระยะห่างจากต้นทางประมาณ 3 เมตร ทีมกู้ภัยเร่งช่วยเหลือเต็มที่ ย้ำไม่หมดหวัง แต่ไม่อยากให้ทุกคนคาดหวัง ตกบ่ายสถานการณ์เปลี่ยน วัดจากเครื่องสแกนคาดไม่ถึง 1 ม. แต่ไร้เสียงตอบรับเหมือนเมื่อคืน ด้าน รมว.พาณิชย์เผยผลตรวจ 2 บริษัท “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10-ซิน เคอ หยวน สตีล” เกี่ยวข้องสร้างตึก สตง. พบ 2 บริษัทมีเครือข่ายรวม 37 บริษัท ส่งข้อมูลให้ดีเอสไอสาวต่อ จี้ตรวจสอบ 26 โครงการที่ 2 บริษัทและเครือข่ายก่อสร้างมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ป้องกันความเสียหาย ขณะที่ดีเอสไอเดินหน้าสอบคดีนอมินี สรรพากรโร่แจ้ง บ.เหล็ก SKY ปลอมใบกำกับภาษี 58-60 เสียหาย 200 ล้านบาท แต่ถ้ารวมค่าเบี้ยปรับอาจสูงถึง 1,000 ล้านบาทกรณีอาคารก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) 30 ชั้น ย่านถนนกำแพงเพชร เขตจตุจักร กทม. ถล่มฝังทั้งเป็นคนงานร่วมร้อยคนเป็นผลพวงมาจากการเกิดเหตุแผ่นดินไหว ความรุนแรงขนาด 8.2 ที่เมืองลอยกอใกล้เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค. เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานอยู่ระหว่างเร่งช่วยเหลือผู้ที่ยังมีสัญญาณชีพที่ติดค้างอยู่ใต้ซากปรักหักพังที่กองเป็นภูเขาปูนลูกย่อมๆ อย่างเร่งด่วน ล่าสุดทีมกู้ภัยทั้งไทยและต่างประเทศที่ร่วมช่วยค้นหาพบแล้ว 15 ศพ เป็นชาย 8 ราย หญิง 6 ราย ยังลุยค้นหาที่สูญหายอีก 72 ชีวิต ขณะที่ “นายกรัฐมนตรี” ตั้ง มท.1 สอบให้รู้ผลใน 7 วัน ส่วนดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ พบพฤติการณ์ใช้นอมินี พร้อมขยายผลความผิดอื่นทั้งฮั้วประมูล-สินค้าไม่ได้มาตรฐาน ตำรวจประชุมวางแผนเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญกำหนดจุดช่วยเข้าหาพยานหลักฐาน ด้าน “ชัชชาติ” เผยใช้วิธีรื้อถอนสลับการช่วยเหลือ รับเห็นอีก 14 ศพ แต่ยังไม่สามารถนำออกมาได้ ลั่นทำ ตามแผนแม้ไม่ถูกใจใครบางคน ตามที่เสนอข่าวไปนั้นลุ้นระทึกมีเสียงผู้รอดชีวิตล่าสุดการค้นหาผู้รอดชีวิตติดใต้ซากตึก สตง.เริ่มมีความหวัง มีรายงานว่าเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 2 เม.ย. ทีมกู้ภัยในพื้นที่โซน B ส่งสัญญาณให้กู้ภัยด้านนอกหยุดเคลื่อนไหวหยุดส่งเสียงดังกว่า 10 นาที หลังพบสัญญาณตอบรับจากผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคารถล่มเป็นสัญญาณที่คุยตอบโต้ได้ดีมาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ในที่เกิดเหตุพอดีเร่งส่งทีมกู้ภัยจากหลายหน่วยรวมกว่า 48 ชีวิตเข้าไประดมค้นหาในจุดดังกล่าวรถพยาบาลสแตนด์บายรอต่อมาเวลา 01.00 น. วันที่ 3 เม.ย. ทีมกู้ภัยไทยและต่างประเทศ ยกแผ่นปูนแผ่นแรกเหมือนไม้กางเขนได้แต่ยังไม่พบโพรงที่คาดว่ามีผู้รอดชีวิต เจ้าหน้าที่กู้ภัยไม่ละความพยายามเร่งเปิดแผ่นปูนแผ่นสองเพื่อหาโพรงเข้าถึงตัวผู้ประสบภัยให้ได้ พร้อมกับรถพยาบาลสแตนด์บายรอด้านใน หากพบผู้บาดเจ็บจะส่งทีมพยาบาลเข้าช่วยเหลือโดยด่วนทันที ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนลุ้นมากว่าจะเจอโพรงในจุดนี้หลังได้ยินเสียงตอบรับจากผู้ที่คาดว่ายังมีชีวิตอยู่ในพื้นที่โซน B แต่สุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จถึงเวลาเช้าจะค้นหาต่อไปอย่างต่อเนื่อง“ชัชชาติ” ยันต้นเสียงอยู่ลึก 3 ม.ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงคืบหน้าหลังพบสัญญาณชีพผู้สูญหายในบริเวณโพรงบันไดหนีไฟโซนบีต่อเนื่องโซนซี เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่หยุดใช้เครื่องจักรหนักชั่วคราวตั้งแต่ 24.00 น. วันที่ 2 เม.ย.ต่อเนื่องไปจนถึง 13.00 น.วันที่ 3 เม.ย. เพื่อให้ทีมค้นหาและเครื่องมือขนาดเล็กเข้าไปค้นหาผู้สูญหาย หลังพบสัญญาณขอความช่วยเหลือ เมื่อใช้โซนาร์วัดระยะความลึกของเสียงพบว่าจากต้นทางปลายอุโมงค์ที่ขุดไปจนถึงสัญญาณเสียงที่พบลึกประมาณ 3 เมตรระบุเป็นเสียงผู้หญิงอ่อนล้านายชัชชาติกล่าวต่อว่า สัญญาณขอความช่วยเหลือเป็นเสียงหญิงสาวหนึ่งคนแต่เสียงดังกล่าวอ่อนล้ามากแล้ว เจ้าหน้าที่ให้หญิงสาวคนดังกล่าวเคาะสัญญาณ 3 ครั้ง ก็มีสัญญาณตอบรับกลับมา อุปสรรคหลังเจอสัญญาณเสียงขอความช่วยเหลือเป็นคอนกรีตบันไดหนีไฟสามชั้นน้ำหนักร่วม 60 ตัน เมื่อคืนเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายออกไปหมดแล้ว หน่วยกู้ภัยได้ใช้มือและอุปกรณ์ขนาดเล็กขุดจนพบโพรงอุโมงค์ตามที่คาดไว้ แต่ยังพบเหล็กเส้นจำนวนมากขวางอยู่ เมื่อช่วงเช้าได้ตัดถ่างเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้การขุดอุโมงค์ลงไปค้นหาผู้สูญหายยังทำอุโมงค์ในจุดอื่นๆซึ่งยังพบสัญญาณชีพในบางจุดด้วยไม่คาดหวังแต่ไม่หมดหวัง“วันนี้หน่วยกู้ภัยทั้งไทยและนานาชาติมีกำลังใจดีขึ้น หลังพบสัญญาณชีพดังกล่าว ทำให้ทุกคนเร่งรีบและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้สามารถนำตัวหญิงสาวผู้ขอความช่วยเหลือคนนี้ออกมาอย่างปลอดภัย ณ เวลานี้ ตนไม่คาดหวังแต่ไม่หมดหวัง ขณะเดียวกัน ไม่อยากให้การแถลงข่าวความคืบหน้าวันนี้ทำให้ผู้คนคาดหวังหรือตั้งความหวังแต่อย่างใด แต่เราไม่หมดหวัง” ผู้ว่าฯ กทม.ระบุขนถังออกซิเจนตัดเหล็กต่อเวลา 14.00 น. เครื่องจักรหนักกลับมาทำงานอีกครั้ง หลังหยุดเครื่องตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน โดยเริ่มเจาะแผ่นคอนกรีต บริเวณโซน A และโซน D หลังเจ้าหน้าที่หยุดการทำงานไปกว่า 12 ชั่วโมง เพื่อเปิดทางให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินเท้าเข้าค้นหาผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากอาคาร หลังได้ยินสัญญาณขอความช่วยเหลือ แต่ทำได้ 1 ชั่วโมงต้องหยุดอีกครั้ง ให้หน่วยกู้ภัยเดินเท้าหาผู้ติดใต้ซากอาคาร เจ้าหน้าที่นำถังออกซิเจน 128 ถัง เข้าไปใช้ตัดเหล็กในอาคาร และแม้เจ้าหน้าที่จะมีแบบแปลนอาคารที่ระบุว่า มีผู้ที่ทำงานอยู่ในแต่ละชั้นกี่คนแต่ไม่สามารถจำแนกได้เนื่องจากอาคารที่พังถล่มลงมาทับกันหมดทำให้ต้องระมัดระวังในการค้นหา และประเมินสถานการณ์ตามหน้างานกู้ภัยระดมค้น 2 จุดเจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องต่างระดมเครื่องมือขุดเจาะค้นหา ผู้ติดอยู่ภายใต้ตัวของซากตึก เนื่องจากที่ผ่านมาที่จุด B มีเสียงร้องถามและตอบรับจากชั้นใต้ดินกลับมา คาดลึกลงไปน่าจะเป็นโพรงมีผู้ประสบภัยทำให้ได้ยินเป็นเสียงก้อง คาดว่าจะพบผู้ประสบภัย ยังคงเร่งรัดในการค้นหาไปอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความคาดหวัง ขณะเดียวกันที่จุด C มีการใช้เครื่องมือหนักทะลวงเป็นโพรงโดยได้รับสัญญาณชีพคาดลึกลงไปเป็นส่วนในห้องน้ำและใกล้ปล่องลิฟต์ ทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมช่วยกันค้นหาอย่างเต็มที่ ทั้งเครื่องมือขุดเจาะ สุนัข K9 และใช้เครื่องสแกนโซนาร์หาจุดใกล้ถึงตัวแต่ไร้การตอบรับกระทั่งเวลา 16.25 น. รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นางสาวภัทร์กร สินสุข ผอ.การสำนักงานเขตจตุจักร พ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการค้นหาผู้สูญหาย โดยนายสุริยชัยเผยว่า สถานการณ์คืบหน้าจากช่วงเช้ายังคงทำงานอยู่ในพื้นที่โซนบีและโซน C โดยโซน B อยู่ใต้พื้นไป 3 เมตร ปัจจุบันใช้เครื่องจักรที่หนักขึ้นดำเนินการไปได้ 2 เมตรกว่า จากเครื่องสแกนคาดจะถึงตัวผู้ที่ติดค้างอยู่ด้านใน มีการตรวจสอบการตอบรับของผู้ที่ติดค้าง ล่าสุดยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมาเหมือนเมื่อวานนี้เจาะถึงช่องลิฟต์คาดมีผู้ติดค้างนายสุริยชัยเผยอีกว่า ส่วนโซน C ใกล้เคียงโซน D บริเวณช่องลิฟต์และเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดของโครงสร้างที่พังถล่มลงมา คาดว่ามีผู้ติดค้างอยู่ภายในเป็นจุดที่สุนัข K9 มีปฏิกิริยาที่ต้องสงสัยว่าพบผู้ติดค้าง ตลอดทั้งวันได้ระดมกำลังค้นหา สุนัข K9 และทีมกู้ภัยนานาชาติเข้าไปค้นหา ปัจจุบันได้เจาะและเคลื่อนย้าย ซากอาคารและขุดเจาะเข้าไปถึงผนังช่องลิฟต์แล้ว กำลังจะเจาะผนังช่องลิฟต์ เข้าไปถึงโพรงด้านในที่ยังคงมีความหวังอยู่ว่าจะพบผู้ติดค้างบริเวณนี้ ส่วนปัญหาและอุปสรรคคือพื้นคอนกรีตที่กดทับลงมาหลายชั้นมีความหนายากที่จะขุดเจาะช่องให้คนเข้าไปได้ ต้องกว้างพอสมควรปรับยอดผู้สูญหายเป็น 79 คนด้าน รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า มีการเปลี่ยนแปลงยอดผู้ติดค้างภายในเนื่องจากประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบเพิ่มเติมพบยอดประสบภัยจาก 96 คน เปลี่ยนเป็น 103 คน ส่วนผู้บาดเจ็บมีอยู่ 8 คน ที่ยังรักษาตัวอยู่ รพ. มีพนักงานในเขตก่อสร้างมารายงานตัว 1 คน ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 15 คน หากบวกลบแล้วขณะนี้มีผู้สูญหาย 79 คน ไม่นับรวมยอดผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 คนให้ญาติเก็บ DNA ไม่มีค่าใช้จ่ายพ.ต.ท.วรภัทร สุขไทย รอง ผกก.ป.สน.บางซื่อ กล่าวว่า ผบ.ตร.และ ผบช.น. ได้ประชุมหารือสั่งการให้ สน.บางซื่อ อำนวยความสะดวกกับญาติผู้ประสบภัย ให้ไปเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอได้ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อพบบุคคลที่ค้นหาแล้วจะได้พิสูจน์ทราบว่าตรงกันหรือไม่เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการร่วมอยู่ 2 แห่ง คือจุดเกิดเหตุและศูนย์อำนวยการที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตร.เผาหนุ่มรถเครนญาติคาใจต้นสังกัดส่วนบรรยากาศงานศพผู้เสียชีวิตจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันเดียวกัน ที่เมรุชั่วคราว ป่าช้าบ้านโนนก่อ หมู่ที่ 4 ต.โนนก่อ อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี นายอุทัย อรัมสัจจากุล นายอำเภอสิรินธร เป็นประธานฌาปนกิจศพนายมนตรี จิ้งโจ้ อายุ 30 ปี คนงานขับเครนตึก บรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด เพราะผู้ตายตั้งใจว่าสงกรานต์ปีนี้จะกลับบ้านมาบวชให้พ่อที่เสียชีวิตและแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อทดแทนบุญคุณ แต่ก็มาเสียชีวิตก่อน สำหรับความช่วยเหลือการเสียชีวิตเบื้องต้น ได้รับเงินค่าปลงศพ 50,000 บาท จากสำนักงานประกันสังคมจังหวัดอุบลราชธานี เงินทดแทน 70 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างเป็นเวลา 10 ปี รวมทั้งเงินชราภาพสะสมประมาณ 4 หมื่นบาท ส่วนความช่วยเหลือจากเงินประกันของบริษัท ต้องรอสรุปและให้บริษัทแจ้งเพิ่มเติมอีกครั้งในภายหลัง ด้าน น.ส.ภัศรีพร จิ้งโจ้ 38 ปี พี่สาว กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือ แต่ติดใจว่าบริษัทต้นสังกัดน่าจะให้ข้อมูลรายละเอียดที่ชัดเจนมากกว่านี้ เพราะบริษัทส่งตัวแทนมาเคารพศพเท่านั้น ส่วนเรื่องการเยียวยาอย่างอื่นยังไม่มี และติดใจว่าทำไมถึงไม่มีประกันอุบัติเหตุทั้งที่ทำงานอันตรายอย่างนี้ ในวันนี้วันที่ฌาปนกิจทางบริษัทเองก็ยังไม่มาร่วม“อิ๊งค์” นัดหารือตึก สตง.ถล่มเมื่อเวลา 08.10 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยถึงผลการสอบสวนหาสาเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหว ว่า เตรียมนัดประชุม อาจจะเป็นวันที่ 4 หรือ 7 เม.ย. เนื่องจากจะมีรายงานเรื่องรายละเอียดเพิ่มเติม ขอให้ชัวร์มากกว่านี้ก่อน ถ้าพูดไปก่อนอาจมีผลกระทบ แต่มีรายงานความคืบหน้ามาเรื่อยๆ เรื่องเหล็กก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างชัดเจนพบ 2 บ.โยง–มีเครือข่าย 37 บ.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เผยหลังประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 4 (2/68) เพื่อตรวจสอบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม กรณีมีข้อสงสัยเรื่องนอมินีว่า ตรวจสอบมีนิติบุคคล 2 รายที่เกี่ยวข้อง คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีชาวจีนถือหุ้นสัดส่วน 49% เชื่อมโยงอีก 13 บริษัท และบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีชาวจีนถือหุ้น 80% เชื่อมโยงอีก 24 บริษัท รวมทั้งหมด 37 บริษัท ข้อมูลทั้งหมด ส่งมอบดีเอสไอดำเนินการต่อส่งต่อข้อมูลดีเอสไอรมว.พาณิชย์กล่าวอีกว่า อาคาร สตง.ที่ถล่ม ดำเนินการโดยกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ผลตรวจสอบมีวัสดุที่ใช้ก่อสร้างบางส่วนเป็นของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ทำให้สังคมสงสัยว่า ทั้ง 2 บริษัทนี้เป็นนอมินีหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบและได้ข้อมูลทั้งหมดส่งให้ดีเอสไอนำไปตรวจสอบต่อแล้ว นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมอบให้กรมบัญชีกลางตรวจสอบการรับงานของบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และเครือข่าย พบว่า มี 26 โครงการ บางส่วนได้ทิ้งงาน หากพบความผิดปกติอาจขึ้นบัญชีดำบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อไปทุกหน่วยต้องส่งผลสอบต่อด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ทุกหน่วยงานต้องนำข้อมูลทั้งหมดให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อโดย 1.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และเครือข่าย 13 บริษัท พร้อมป้อนข้อมูลให้ดีเอสไอ 2.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้เกี่ยวข้อง 3.กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีของบริษัทและผู้ถือหุ้นทั้งหมด 4.สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ตรวจสอบคุณภาพเหล็กและอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้าง 5.กรมการจัดหางาน ตรวจสอบใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว 6.กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก 7.กรมที่ดิน ตรวจสอบการถือครองที่ดินของคนไทยและต่างชาติ 8.กรมบัญชีกลาง ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างบี้ 26 โครงการค่า 1 หมื่น ล.รมช.พาณิชย์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ 26 โครงการ ที่บริษัทรับงาน ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยมูลค่าทั้ง 26 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท และในนี้ มี 1 โครงการ มีมูลค่า 9,348 ล้านบาท ที่เหลือเป็นหลักร้อยล้านบาท สำหรับรายละเอียด 2 บริษัทที่ถูกตรวจสอบ พบว่า บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 จดทะเบียนเมื่อ 10 ส.ค.61 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท สัดส่วนหุ้น ไทย 51% จีน 49% ผลประกอบการปี 66 ขาดทุนสะสม 208,489,056.67 บาท และบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จดทะเบียนเมื่อ 23 ก.พ.54 ทุนจดทะเบียน 1,530 ล้านบาท สัดส่วนหุ้น ไทย 20% จีน 80% โทษตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หากพบว่า มีการกระทำผิดจะมีบทลงโทษดังนี้ 1.กรณีคนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ (นอมินี) โทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.กรณีคนต่างด้าวดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 3.กรณีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสามารถสั่งให้เลิกกิจการ หรือเพิกถอนการถือหุ้นได้ดีเอสไอเดินหน้าสอบพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณีรับคดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (อาคาร สตง.) ว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ไปยังสำนักงานของ บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมกับเจ้าหน้าที่สรรพากร เน้นตรวจสอบเรื่องพยานหลักฐานเอกสาร ทั้งหนังสือ สัญญากิจการร่วมค้า และข้อมูลนิติบุคคล และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นที่มาการสอบสวนคดีนอมินี โดยยังไม่ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดอาคาร สตง.ถล่มบี้ข้อมูล 3 คนไทยหุ้นใหญ่โฆษกดีเอสไอกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มี 3 คนไทยเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บ.ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ขณะนี้ได้เร่งตรวจสอบข้อมูลแล้ว เพราะพยานหลักฐานที่ปรากฏอยู่ตอนนี้ สถานะของทั้งหมดไม่ได้สอดคล้องกับการถือหุ้นในธุรกิจขนาดใหญ่ และไม่ได้มีเพียงที่เดียวแต่ยังมีอีกหลายที่ จะต้องลงลึกไปยังรายละเอียดต่างๆ ต้องสอบสวนเพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริง ถ้ามีหลักฐานเพียงพอ จะต้องแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มาตรา 36 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000—1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งอาจมีความผิดตามมาตรา 8 มาตรา 9 ด้วย เพราะ การก่อสร้างเป็นธุรกิจประเภท 3 ที่ห้ามต่างชาติประกอบธุรกิจ จากนั้นทั้งหมดจะได้เข้าสู่กระบวนการชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อที่จะได้รู้ว่าทั้ง 3 ชาวไทยนี้เข้าถือหุ้นแทนใครกันแน่ประสาน สมอ.เรื่องเหล็ก SKYพ.ต.ต.วรณันกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีเรื่องเหล็ก บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ทราบว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานข้อมูลกับ สมอ.ต่อไป และในวันที่ 4 เม.ย. จะเป็นการประชุมนัดแรกคณะพนักงานสอบสวนเป็นการประชุมเปิดคดี กำหนดประเด็นการสอบสวน มอบหมายหน้าที่ให้ดำเนินการ รวมถึงพิจารณาเรื่องการออกหมายเรียกพยานกลุ่มแรกโร่แจ้งปลอมใบกำกับภาษีด้าน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวน คดีพิเศษ กล่าวว่า เช้าวันนี้มีเจ้าหน้าที่สรรพากร ร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (Xin Ke Yuan Co., Ltd.) มีพฤติการณ์ออกเอกสารใบกำกับภาษีปลอม ตั้งแต่ปี 58-60 มูลค่าความเสียหาย 200 กว่าล้านบาท แต่ถ้ารวมค่าเบี้ยปรับต่างๆ อาจสูงถึง 1,000 ล้านบาท เมื่อดีเอสไอได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวน จะต้องพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มาสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม อาจรวมรายละเอียดคดีนี้เข้าไว้ในเลขคดีพิเศษ 32/2568 คดีนอมินีก็ได้ หรือแยกเป็นอีกคดีพิเศษก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอธิบดีดีเอสไอและพยานหลักฐานตรวจซ้ำ รง.เหล็กอายัดฝุ่นแดงที่ จ.ระยอง ชุดตรวจสุดซอย พร้อม จนท.ดีเอสไอ กรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ลงพื้นที่บริษัทซิน เคอ หยวนอีกครั้งเพื่อใช้อำนาจ พรบ.โรงงานตรวจยึดอายัดฝุ่นแดง เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงว่าที่มาที่ไป ฝุ่นแดงดังกล่าวที่ตรวจเจอกว่า 4 หมื่นตัน มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร โดยตัวแทนบริษัทเซ็นรับเอกสาร จนท.ติดประกาศเอกสารยึดอายัดฝุ่นแดงห้ามเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ จากนั้น จนท. เข้าเก็บตัวอย่างฝุ่นแดงไปตรวจสอบค่าต่างๆว่าใช่ฝุ่นแดงจากการผลิตเหล็กหรือไม่ โดยตัวแทนโรงงานได้แบ่งฝุ่นแดงตัวอย่างจากเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเช่นกัน ภายในโกดัง 47 พบกองเหล็กที่ตรวจยึดอายัดและพบถุงฝุ่นแดงหมายเลข N330 กองเป็นภูเขาอยู่ภายใน ด้าน น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าชุดตรวจสุดซอย ของ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า จากที่ลงพื้นที่เมื่อวานนี้พบว่าฝุ่นแดงที่เก็บไว้ในโกดังกับตัวเลขที่รายงานไม่ตรงกันมีความคลาดเคลื่อน หลังนำข้อมูลไปรายงานให้ รมว.อุตสาหกรรมรับทราบ วันนี้จึงนำคณะลงมาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อปิดหมายตรวจยึดอายัดฝุ่นแดงตรวจสอบที่มาโดยวันนี้พบว่าฝุ่นแดงมีถึง 50,000 ตัน เปิดโอกาสให้บริษัทแสดงที่มาของฝุ่นแดงดังกล่าวภายใน 10 วันดีเอสไอชี้มีเกิน ก.ม.กำหนดพ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ที่ปรึกษาอำนวยความยุติธรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้พบว่าฝุ่นแดงที่บริษัทมีไว้นั้นเกินกฎหมายกำหนดและยังไม่สามารถชี้แจงที่มาได้ ดีเอสไอร่วมกับชุดตรวจสุดซอยเพื่อลงมาอายัดตรวจยึดไปตรวจสอบในวันนี้ ส่วนคดีที่เหล็กจากบริษัทไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ตึกถล่มแยกเป็นคนละคดีกัน โดยทางดีเอสไอจะตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อให้ประชาชนคลายข้อสงสัยต่างๆแรงงานสอบ 22 บ.สร้างตึก สตง.ที่ห้องประชุมชั้น 9 สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (พื้นที่ 9) ตั้งอยู่ในสำนักงานเขตจตุจักร กทม. บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตึก สตง. ประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทควบคุมงาน 3 บริษัท บริษัทรับเหมาช่วง 17 บริษัท เข้าให้ข้อมูลการจ้างงานสร้างตึก สตง. โดย น.ส.สุนัน เพชรชู ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวว่า ได้เชิญมาสอบข้อเท็จจริง 21 ราย แต่มา 20 ราย ไม่มา 1 ราย แต่มีนายจ้าง 1 ราย ที่ไม่ได้เชิญแต่เข้ามาให้ข้อมูลเองเพราะอาจจะรู้ตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง หากพบอีกก็ต้องเรียกมาสอบเพิ่มเพื่อดูว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานและกฎหมายด้านความปลอดภัยในการทำงานหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลจำนวนลูกจ้างที่ชัดเจน สัญญาจ้าง และการขึ้นทะเบียนประกันสังคม เพื่อให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเยียวยาแล้วกว่า 17 ล.นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้จ่ายเยียวยาผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวทั่วประเทศ 22 ราย รวม 17.3 ล้านบาท ส่วนกรณีตึก สตง.ถล่มมีผู้ได้รับผลกระทบ 96 ราย บาดเจ็บ 9 ราย เป็นแรงงานไทย 2 ราย แรงงานต่างชาติ 6 ราย ไม่ทราบชื่อและสัญชาติ 1 ราย เสียชีวิต 15 ราย เป็นคนไทย 10 ราย ต่างชาติ 3 ราย ยังไม่ทราบชื่อ ไม่ทราบสัญชาติ 2 ราย ขณะนี้ได้เตรียมจ่ายสิทธิประโยชน์ 15 ราย เป็นเงิน 12.7 ล้านบาท เป็นค่าทำศพ รายละ 5 หมื่นบาท เงินทดแทนกรณีตายรวม 11.4 ล้านบาทเปิดหลักเกณฑ์ กทม.เยียวยาจากการรายงานผ่านทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy fondue) มีประชาชนรายงานและส่งหลักฐานเข้ามา ให้ตรวจสภาพอาคาร 17,112 เคส สามารถเข้าอยู่อาศัยได้ (สีเขียว) 13,570 เคส ยังอยู่อาศัยได้ แต่ต้องตรวจซ้ำอีกครั้ง (สีเหลือง) 387 เคส อยู่อาศัยไม่ได้ (สีแดง) 2 เคส ส่วนการเยียวยาและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีการขอที่พักอาศัยผ่าน Airbnb และเปิดศูนย์พักพิงและศูนย์พักคอยญาติ 3 แห่ง นอกจากนี้ยังมีรายการที่ ปภ.และ กทม. ให้ความช่วยเหลือ ดังนี้ ค่าวัสดุซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำซึ่งผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของที่ได้รับความเสียหายเท่าที่จ่ายจริง หลังละไม่เกิน 49,500 บาท, ค่าที่พักอาศัยชั่วคราวหรือค่าเช่าบ้านจ่ายเฉพาะอาคารที่ กทม.ประกาศระงับการใช้และไม่ได้เข้าไปอยู่ในส่วนพักพิงที่ กทม.จัดสรรเป็นเงินค่าเช่าบ้านเดือนละ 3,000 บาท ไม่เกิน 2 เดือน เป็นเงินไม่เกิน 6,000 บาทค่างานศพรายละ 2.97 หมื่น บ.ค่าจัดงานศพผู้เสียชีวิตรายละ 29,700 บาท และกรณีผู้ประสบภัยเสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้หารายได้หลักของครอบครัว ได้เพิ่มครอบครัวละไม่เกิน 29,700 บาท, ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ กรณีบาดเจ็บสาหัสช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงิน 4,000 บาท กรณีบาดเจ็บถึงขั้นพิการช่วยเหลือเบื้องต้นเป็นเงิน 13,300 บาท, เงินปลอบขวัญกรณีรับบาดเจ็บจากเหตุสาธารณภัยรายละ 2,300 บาท, เงินทุนประกอบอาชีพครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท เป็นไปตามการประเมินของคณะกรรมการระดับเขตพื้นที่ เป็นหน่วยที่สำรวจและประเมินความเสียหายโดยรายงานไปยัง ทสกภ.กทม. ขอรับเงินช่วยเหลือมายัง ปภ.ต่อไป ส่วนขั้นตอนการขอรับเงินช่วยเหลือกรณีการเกิดแผ่นดินไหว สามารถดาวน์โหลดแบบคำร้องขอรับความช่วยเหลือได้ที่เว็บไซต์สำนักงานเขตหรือเว็บไซต์ของ กทม.ยกเว้นค่าเช่าที่ราชพัสดุขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เผยว่า เหตุการณ์เกิดแผ่นดินไหวที่ผ่านมา ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อไทย กรมธนารักษ์ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าที่ราชพัสดุเป็นเวลา 6 เดือน -1 ปี พื้นที่ที่จะได้รับยกเว้นค่าเช่าต้องเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายตามรายงานสถานการณ์สาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ยื่นคำร้องโดยแนบแบบสำรวจความเสียหายขั้นต้นของโครงสร้างอาคารหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ณ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ สำหรับที่ตั้งอยู่ใน กทม. ให้ยื่นต่อกรมธนารักษ์ตั้งแต่วันที่ 1-30 เม.ย.68 นี้“เจเจมอลล์” แข็งแรงปลอดภัยส่วนห้าง “เจเจมอลล์ จตุจักร ติดแอร์” ที่อยู่ตรงข้ามที่เกิดเหตุตึก สตง.ถล่มนั้น มีรายงานว่าหลังเกิดเหตุได้บิ๊กคลีนนิงทั่วห้าง พร้อมทั้งยืนยันความปลอดภัยของอาคารด้วยการตรวจสอบความแข็งแรงมั่นคง เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านค้าภายในห้างและบรรดาลูกค้าที่มาเดินซื้อสินค้าในห้างหรือทานอาหารที่ฟู้ดคอร์ตมีความสบายใจ โดยเมื่อ วันที่ 2 เม.ย. เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเขตจตุจักร พร้อมด้วยวิศวกรฝ่ายโยธา วิศวกรโยธาจากมหา วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิศวกรโยธาจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและวิศวกรโยธาจากหน่วยงานอื่นๆเข้าตรวจสอบโครงสร้างอาคารของห้างเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ ผลตรวจสอบยืนยันว่า อาคารเจเจมอลล์ จตุจักร ติดแอร์ สามารถใช้งานได้ตามปกติ นอกจากนี้ทางห้างยังจัดพื้นที่ให้ กทม. และตำรวจ สน.บางซื่อ ใช้เป็นกองอำนวยการร่วม ติดต่อประสานงานและปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งร่วมกับกรุงเทพ มหานครเตรียมพื้นที่จุดพักคอยญาติผู้ประสบภัยที่หน้าประตู 2 และซัพพอร์ตน้ำไฟให้ผู้ที่เข้าไปช่วยผู้ประสบภัยอีกด้วยเมียนมายอดดับทะลุ 3 พันศพสำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในเมียนมา โดยรัฐบาลเมียนมาแถลงปรับยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 3,085 ศพ คาดว่าจะมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก ขณะที่มีผู้บาดเจ็บ 4,715 ราย และสูญหาย 341 ราย เจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาเหยื่อแผ่นดินไหวอย่างยากลำบาก รวมถึงยังกังวลว่าสภาพอากาศที่ร้อนระอุ และฝนตกหนักในเมียนมาส่งผลกระทบต่อผู้ประสบภัย อาจก่อให้เกิดโรคระบาดได้ ทั้งนี้ สำนักข่าวท้องถิ่นเมียนมารายงานด้วยว่า ยอดผู้ประสบภัยมีมากกว่าที่รัฐบาลแถลง เนื่องจากระบบการสื่อสารในหลายพื้นที่ขัดข้อง การระบุข้อมูลทำได้อย่างยากลำบาก ก่อนหน้านี้รัฐบาลเมียนมายังประกาศหยุดยิงชั่วคราวเป็นเวลา 20 วัน ระหว่างวันที่ 2 เม.ย. จนถึงวันที่ 22 เม.ย. เพื่อเปิดทางและสนับสนุนการฟื้นฟูประเทศหลังได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา รวมถึงยังเตือนว่ารัฐบาลเมียนมาจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อตอบโต้ หากกองกำลังต่อต้านกลุ่มต่างๆ ใช้เวลาในระหว่างการหยุดยิงชั่วคราวดังกล่าว เพื่อรวมกลุ่ม ฝึกฝนกองกำลัง หรือปฏิบัติการโจมตีอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่