ในยุคปัจจุบันที่โลกกำลังจับตามองการเติบโตอย่างก้าวกระโดด.. “มหาอำนาจอินเดีย” นเรนทรา ดาโมดาร์ดาส โมดี (Narendra Damodardas Modi) นายกรัฐมนตรีอินเดีย เป็น “ผู้นำ” ที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศอินเดียทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมโดยเฉพาะภาพสะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีโมดี “อินเดีย”...GDP เติบโตขึ้นจาก 2.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2015 เป็น 4.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯในปี 2025 ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงกว่าจีนในช่วงเวลาเดียวกันและ..ตั้งเป้าที่จะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกภายในปี 2030ประเด็นสำคัญคือ “รัฐบาลโมดี” ประสบความสำเร็จในการลดจำนวนประชาชนที่อยู่ใต้เส้นความยากจนลงอย่างมาก (กว่า 250 ล้านคนพ้นขีดความยากจน) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับการเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น สุขภาพ สุขาภิบาล น้ำประปา และส่งเสริมความสะดวกในการทำธุรกิจนอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี AI รวมถึงโครงการอวกาศบทบาทที่เข้มแข็งในเวทีโลกเป็นอีกภาพสะท้อนสำคัญที่น่าจับตา นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ประธานอาศรมวัฒนธรรมไทย-ภารต องค์กรที่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับ “สุภาส จันทรา โบส” บอกว่า ภายใต้การนำของโมดีที่มีนโยบายต่างประเทศเน้น “Neighborhood First”..เพื่อนบ้านมาก่อน “ท่านเยี่ยมเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดอย่างเนปาล ศรีลังกา ภูฏาน..ประเทศตะวันออกกลางซึ่งเป็นชาวมุสลิม แม้ว่าอินเดียจะมีปัญหาทางประวัติศาสตร์กับปากีสถานกับจีนมาตลอดเวลา แต่ด้วยนโยบายพยายามเป็นมิตรกับทุกคนปัญหาก็เข้มข้นลดน้อยลงไปมาก”ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์กันว่า..นายกฯโมดีสามารถเป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกาได้อย่างสนิทแนบแน่น ที่สำคัญคือสามารถที่จะเป็นมิตรกับรัสเซีย แล้วก็จีนได้ในเวลาเดียวกันพร้อมๆกันนอกจากนี้ที่ผ่านมา “อินเดีย” ยังแสดงบทบาทของการเป็น “ผู้ให้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบริจาควัคซีนจำนวนมากในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้กับประเทศต่างๆกว่า 100 ประเทศ เฉพาะในทวีปแอฟริกาเป็นจำนวนถึง 300 ล้านโดส และเป็นการบริจาคให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งในช่วงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน “อินเดีย” ก็ยังมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ประเทศตะวันตกมีมุมมองต่อสงครามนี้ในอีกแง่มุมหนึ่งแม้ว่า “ประเทศไทย” และ “อินเดีย” อาจจะเพิ่งตระหนักถึงความสัมพันธ์อันดีในด้านการค้าเมื่อไม่นานมานี้ แต่จากการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินเดียนั้นมีมายาวนานเกือบ 2,000 ปี โดยมีหลักฐานจากการค้นพบเหรียญโรมันและการค้าขายทางเรือน่าสนใจว่าความสัมพันธ์อันยาวนานนี้สะท้อนให้เห็นถึงรากฐานทางวัฒนธรรมและสังคมที่ลึกซึ้งระหว่างสองประเทศ ซึ่งอาจมีนัยสำคัญต่อความสัมพันธ์ในปัจจุบันและอนาคต ซึ่ง “นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี” เดินทางมาเยือนประเทศไทยในวันที่ 3 เมษายนที่จะถึงนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ อาศรมวัฒนธรรมไทย-ภารต เป็นองค์กรที่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับ “สุภาส จันทราโบส” ซึ่งเป็นผู้นำการต่อสู้อิสรภาพของอินเดียที่สำคัญที่สุด ชาวอินเดียเรียกว่า “Netaji” ซึ่งแปลว่า “ท่านผู้นำ”ท่านนายกฯโมดีพยายามจะทำประวัติศาสตร์นี้ให้ชาวอินเดียและประชาชนรู้จัก ซึ่งท่านเคารพสุภาสมาก..ถือเป็นวาระแห่งชาติหนึ่งและได้สร้างอนุสาวรีย์สุภาสไว้ที่กรุงเดลี“นายกรัฐมนตรีโมดีได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีคุณธรรม ไม่มีการทุจริต และเป็นที่รักของประชาชน ความสามารถในการนำพาประเทศที่มีความหลากหลายทางภาษาและวัฒนธรรมไปในทิศทางเดียวกันถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง” นพ.ธีระเกียรติ ว่า“นายกรัฐมนตรีโมดีได้รับแรงบันดาลใจจากสวามี วิเวกานันทะ ซึ่งเป็นนักบุญชาวอินเดีย ท่านมีความเชื่อว่าการรับใช้ชาวอินเดียก็เสมือนหนึ่งการรับใช้พระเจ้าและมองเห็นพระเจ้าในทุกคน แรงบันดาลใจทางจิตวิญญาณนี้เป็นรากฐานสำคัญในวิสัยทัศน์และการทำงานของท่าน”นายกรัฐมนตรีโมดีได้รับการยกย่องในเรื่องความถ่อมตัว ความเรียบง่าย การมีสมาธิ การให้เกียรติผู้อื่น และที่สำคัญที่สุดคือการไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องการคอร์รัปชันเลยแม้แต่น้อย คุณสมบัติเหล่านี้สร้างความน่าเชื่อถือ..ความไว้วางใจจากประชาชนและทีมงานผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับท่านก็ไม่มีเรื่องทุจริต“การทำงาน” คือ “การปฏิบัติทางจิตวิญญาณ” ท่านเริ่มต้นวันด้วยการฝึกโยคะ สวดมนต์ ภาวนา ถือว่าการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นการฝึกทางจิตวิญญาณไปในตัว ท่านไม่ยึดติดกับผลประโยชน์ส่วนตน อุทิศตนเพื่อประเทศชาติ... ประชาชนการนำหลัก “พรหมวิหาร 4” มาใช้อย่างชัดเจน คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ความปรารถนาให้ประชาชนมีความสุข พ้นจากความทุกข์ เป็นแรงผลักดันสำคัญในการดำเนินนโยบายต่างๆ“นเรนทรา ดาโมดาร์ดาส โมดี” ผู้นำที่มีจิตวิญญาณให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เข้าใจถึงความ ต้องการของประชาชนโดยเฉพาะผู้ยากไร้ มีวิสัยทัศน์ที่ผสมผสาน “อินเดีย” เป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความแตกต่างหลากหลายทางภาษาศาสนา ความเชื่อและความคิด การที่ท่านนายกฯโมดีสามารถนำพาคนจำนวนมากที่มีความแตกต่างเหล่านี้ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันได้ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ และยังสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลให้กับประเทศ นายกรัฐมนตรีโมดีเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ผ่านความเข้าใจในปัญหาและความมุ่งมั่นในการแก้ไขที่มีรากฐานจากจิตวิญญาณและความจริง.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม