เรื่องเล่าที่ติดอยู่ในความทรงจำ จนลืมชื่อหนังสือที่อ่านสามสงครามใหญ่ในดินแดนทะเลใต้ ที่สุไลมัน พ่อค้าเรือสำเภา บันทึกไปเล่าต่อจนแพร่หลายรู้กันไปค่อนโลก

ไล่เรียงเวลาจากน้อยไปหามาก เรื่องแรก สงครามยุทธหัตถีของสมเด็จพระนเรศวร

เรื่องที่สอง กษัตริย์เขมร เปรยๆทำนองฝากความ อยากได้ศีรษะกษัตริย์ศรีวิชัยมากลิ้งตรงหน้า

แต่เรื่องพลิกผันกษัตริย์ศรีวิชัยนำกองเรือทำทีเป็นท่องเที่ยวแต่มุ่งหน้าข้ามอ่าว รุกรบชนะตัดศีรษะกษัตริย์ปากพล่อย ยึดเมืองทะเลสาบ สถาปนานครใหม่ เข้าเค้ากับเรื่องพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 กษัตริย์ พนมกุเลนของเขมร

เรื่องที่สาม พระเจ้าตราพกราช กษัตริย์หริภุญไชย (ลำพูน) ยกทัพมาประชิดติดเมืองละโว้ของพระเจ้าอุจฉิตตจักรพรรดิ ระหว่างสองทัพกำลังตั้งท่าจะรบกัน เพื่อชำระความบาดหมางยาวนาน

เกิดมีกองทัพที่สาม จากนครศรีธรรมราช พระเจ้าชีวกราชา (จามเทวีวงศ์เรียก สุชิตราช) โผล่เข้าไป ยึดเมืองละโว้ได้ทันที มีผลให้ทัพละโว้ กับทัพหริภุญไชย เลิกรบกัน หันหลังกลับไปหริภุญไชย

เรื่องเก่าที่ผมจำได้ ผมเล่าสั้นๆว่า ทัพละโว้ถึงหริภุญไชยก่อน เข้าเมืองได้

ส่วนทัพพระเจ้าตราพกราช ซึ่งตกที่นั่งแม่สายบัวแต่งตัวค้าง เรื่องในหนังสือที่ผมอ่านตอนนั้น ไม่ได้บอกว่า...เร่ร่อนไปอยู่ที่ไหนต่อ

ปริศนา...พระเจ้าหริภุญไชย...ไปอยู่ที่ไหน ค้างคาใจคนอ่านอย่างผมกว่ายี่สิบปี

ผมเพิ่งเจอคำตอบ ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนมีนาคม พ.ศ.2568 หัวข้อเรื่อง ละโว้ภายใต้อิทธิพลมอญ-เขมร นับแต่พระยากาฬวรรณดิศ พ.ศ.1002-1893 ในงานเขียนทางวิชาการ ของ ร.ศ.วัลลภา รุ่งศิริแสงรัตน์...ตอนหนึ่ง

เขมรเข้ามาครอบครองบริเวณเมืองศรีเทพ ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 และอาจเป็นไปได้ว่า เมืองศรีเทพเป็นศูนย์กลางอำนาจของเขมร ในดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำป่าสัก

...

จนกระทั่งหลังพุทธศตวรรษที่ 15 ศูนย์กลางอำนาจนี้จึงย้ายมาที่ละโว้

ละโว้เป็นเมืองมีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีความเจริญรุ่งเรืองทางการค้าและทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะพุทธศาสนา ละโว้จึงตกเป็นเป้าหมายของการแย่งชิงอำนาจ ระหว่างกษัตริย์เมืองต่างๆที่อยู่โดยรอบ

นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 ตำนานต่างๆของภาคเหนือบรรยายถึงสงครามที่ยืดเยื้อละโว้กับหริภุญไชย และนครศรีธรรมราช

งานเขียนอาจารย์วัลลภา...บรรยายสงครามระหว่างสามเมือง เหมือนที่ผมได้รู้มา แต่ให้ความรู้ต่อว่า พระเจ้าตราพกราช กษัตริย์หริภุญไชย...เมื่อกลับเข้าเมืองตัวเองไม่ได้ ก็หันหลังย้อนกลับลงใต้

มีหลักฐานว่าไปลงหลักปักฐานใหม่อยู่ที่สรรคบุรี (เมืองแพรกศรีราชา แถบเมืองชัยนาท)

ความรู้เดิมๆที่กะริบกะร่อยของผม ก็ได้เติมต่อ...ยาวไปอีกหน่อย

และจะขอพลอยเสือก สานต่องานค้นคว้าของอาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม...ที่ตั้งใจอ่านทางออนไลน์มาหลายตอน เมืองสรรคบุรี หรือแพรกศรีราชานี้ อาจารย์ศรีศักดิ์ท่านยืนยันว่า เป็นเมืองสำคัญ

มีบันทึกในเอกสารจีน...ว่า “เมืองเจนลี่ฟู”

ผมก็ยิ่งสนุกไปใหญ่ เพราะเคยอ่าน งานเขียน อาจารย์ ตวนลี่ เชิง เขียนถึงเมืองโบราณทางภาคเหนือของไทย เมื่อสมัยพันปี หลังสมัยพระนางจามเทวี ชื่อเมืองปาไป๋ซีฟู แปลเป็นไทยว่า เมืองสนมแปดร้อย

อย่างน้อยตอนนี้ ผมตายก็นอนตาหลับ ที่ได้รู้ว่า กษัตริย์เมืองปาไป๋ซีฟู ได้เมืองใหม่ ที่จีนเรียกว่า เจนลี่ฟู

วันสองวันนี้ ผมคงไม่อดตาหลับขับตานอนดูสงคราม เอ๊ย! อภิปรายนายกฯแพทองธาร ที่ว่ากันว่าจะว่ากันถึงตีห้านะครับ... แก่เต็มที...แต่เอาใจช่วย ขอให้รอดปลอดภัย...นี่แค่สงครามน้ำลาย ไม่ใช่สงครามชิงเมือง.

กิเลน ประลองเชิง

คลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม