พายุสงครามการค้าโลก ที่ ประธานาธิบดีทรัมป์  ก่อขึ้นตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง 20 มกราคม ไม่เพียงสร้างความปั่นป่วนไปทั่วโลก แต่ยังส่งผลร้ายอย่างมหันต์ต่อประเทศสหรัฐอเมริกาและชาวอเมริกันกว่า 340 ล้านคน การขึ้นภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% เป็น 20% กำลังก่อให้เกิด “พายุแห่งความหายนะทางเศรษฐกิจ” พัดถาโถมเข้า

ใส่อเมริกา  การขึ้นภาษีของทรัมป์ครั้งนี้  ไม่เพียงไม่สามารถทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง (Make America Great Again) แต่กลับทำให้อเมริกาเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า  Stagflation “ภาวะเงินเฟ้อและเงินฝืดพร้อมกัน” ซึ่งจะส่งผลให้ชาวอเมริกันกว่า 340 ล้านคน ประสบความยากลำบากไปอีกยาวนาน

ทันทีที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า 25% จากเม็กซิโก แคนาดา และ 20% จากจีน สินค้านำเข้าในสหรัฐฯก็ขึ้นราคาทันที ราคาบ้านก็ขึ้น ขณะที่บริษัทรถยนต์สหรัฐฯต้องลดกำลังการผลิต

จอห์น วิลเลียม ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก ระบุว่า มาตรการขึ้นภาษีของทรัมป์ จะเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ยังไม่รวมปัจจัยที่คาดการณ์ยาก คือ มาตรการตอบโต้ทางการค้าจากประเทศอื่นๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ  ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯประเมินว่า การขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ครั้งนี้ ส่งผลให้ครัวเรือนอเมริกันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1,000 ดอลลาร์ 34,000 บาทต่อปี

นอกจากนี้ สมาคมผู้ก่อสร้างบ้านในสหรัฐฯ ก็ออกมาระบุว่า ภาษีใหม่ของทรัมป์จะทำให้ค่าก่อสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 7,500-10,000 ดอลลาร์ ราว 255,000-340,000 บาทต่อหลังทันที และที่ เมืองดีทรอยท์  ศูนย์กลางผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ S&P Mobility เปิดเผยว่า ผลจากการขึ้นภาษีของทรัมป์ ทำให้การผลิตรถยนต์ในอเมริกาเหนือต้องลดลงประมาณ 20,000 คันต่อวัน ซึ่งจะเริ่มในสัปดาห์หน้า  ส่งผลให้การผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯปีนี้ลดลงกว่า 6 ล้านคันเลยทีเดียว

...

ในขณะที่ ประธานาธิบดีทรัมป์  กำลังแสดงสปีชที่สภาคองเกรสอย่างภาคภูมิใจในผลงานขึ้นภาษีนำเข้า เพื่อทำลายการค้าของทุกประเทศทั่วโลก หวังสร้างความยิ่งใหญ่ให้อเมริกาอีกครั้ง (Make America Great Again) เพื่อตามความฝันของอเมริกา  (American Dream) กลับคืนมา Mark Zandi หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Moody’s Analytics กลับมีความเห็นว่า การขึ้นภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ของทรัมป์ครั้งนี้ มีทิศทางชัดเจนว่าจะนำเศรษฐกิจสหรัฐฯก้าวไปสู่ภาวะ Stagflation  (สภาวะเงินเฟ้อและฝืด) ซึ่งจะ ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯอ่อนแอลง

เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้า องค์ประกอบ  Stagflation  อย่างชัดเจน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯแถลงเมื่อวันศุกร์ว่า การใช้จ่ายของชาว อเมริกันในเดือนมกราคมลดลงใกล้ตํ่าที่สุดในรอบ 4 ปี แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา ได้ทำตัวเลขคาดการณ์จีดีพีไตรมาสแรกของสหรัฐฯ พบว่า จีดีพี ไตรมาสแรกขยายตัวลดลงเหลือ 2.8% ตํ่าสุดเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกในปี 2022 หลังโควิด

Zandi กล่าวว่า เงินเฟ้อในสหรัฐฯกำลังเพิ่มขึ้น ชาวอเมริกันกำลังประสาทกิน ทิศทางชัดเจนมาก เรากำลังเดินหน้าไปสู่ Stagflation ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น การขยายตัวของจีดีพีลดลง การว่างงานสูงขึ้น ตั้งแต่ปีที่แล้วเราก็ได้เห็นข่าวการปลดพนักงานครั้งใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯอย่างต่อเนื่องทั้งปี ยิ่งภาวะ Stagflation กำลังมาจากการขึ้นภาษีอย่างบ้าคลั่งของทรัมป์ บริษัทในสหรัฐฯก็ยิ่งปลดพนักงานมากขึ้น และเร็วขึ้น อนาคตอเมริกา 4 ปีในยุคทรัมป์คงจบไม่สวยแน่นอน ทรัมป์จะทำให้อเมริกาแย่ลงกว่าเดิม.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม