“ปวีณา” ประสานตำรวจสากลไทยช่วย 4 สาวไทยถูกแก๊งจีนเทาหลอกไปอุ้มบุญจอร์เจีย สุดท้ายโดนบังคับขายไข่ประเทศที่ 3 พบเหยื่อรายแรกเป็นเซลส์สาว เจอเพจชักชวนอ้างมีผัวเมียต่างชาติเซ็นสัญญาจ้างถูกกฎหมาย ได้ค่าตอบแทน 4-6 แสนบาท หลงเชื่อ บินไปตามนัด พาไปอยู่ในบ้านร่วมกับสาวไทยอีกนับ 100 คน ถูกฉีดยากระตุ้นการตกไข่ แล้ววางยาสลบ ใช้เครื่องมือดูดไข่ไปขายทำเด็กหลอดแก้ว แจ้งญาติโอนเงินไถ่ตัว 7 หมื่นบาท บินกลับมาร้องทุกข์มูลนิธิ ปวีณาฯ ช่วยเหยื่อสาวอีก 3 คน

มูลนิธิปวีณาฯช่วย 4 สาวถูกแก๊งจีนเทาร่วมกับคนไทยหลอกไปอุ้มบุญประเทศจอร์เจีย สุดท้ายโดนบังคับรีดขายไข่เหมือนไม่ใช่คน เปิดเผยเวลา 10.00 น.วันที่ 3 ก.พ. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ร่วมกับ พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ ช่วยเหลือหญิงชาวไทย 3 คนที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นสาวอุ้มบุญในประเทศจอร์เจีย แต่กลับถูกขบวนการค้ามนุษย์บังคับให้ขายไข่ส่งไปประเทศที่ 3 เพื่อทำเป็นเด็กหลอดแก้ว ล่าสุดตำรวจสากลของไทยประสานตำรวจสากลระหว่างประเทศช่วยเหยื่อ 3 คนเดินทางกลับไทยตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมาและพาไปพักฟื้นที่เซฟเฮาส์แห่งหนึ่ง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา น.ส.ออย (นามสมมติ) เข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯระบุว่า ก่อนหน้านี้มีอาชีพเป็นเซลส์ขายของแต่รายได้ไม่พอรายจ่าย เพราะมีภาระมากและลูก 1 คน อยากหาอาชีพเสริมช่วยสามีใช้หนี้ ช่วงเดือน ก.ค.67 ได้หางานในโซเชียล พบเพจเฟซบุ๊กระบุว่า “มีงานสำหรับผู้หญิง รายได้ 4-6 แสนบาท” ทำให้สนใจติดต่อไป แอดมินบอกว่าเป็นงานอุ้มบุญที่ถูกกฎหมายในประเทศจอร์เจีย มีสามีภรรยาต่างชาติที่มีลูกยากจะเซ็นสัญญาให้อุ้มบุญ รายได้ 4-6 แสนบาท แถมกินอยู่อย่างสบาย และพร้อมจะออกค่าใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ต และค่าเดินทางทั้งหมด โดยใช้เวลาเดินเรื่องประมาณ 1 เดือน

...

จากนั้นแอดมินให้ไปทำพาสปอร์ต และนัดเดินทางวันที่ 30 ส.ค.67 ไปขึ้นเครื่องสนามบินอู่ตะเภา ถึงวันนัดหมายพบสาวไทยร่วมเดินทางไปด้วยอีก 10 คน มีสาวไทยเป็นคนพาไป 1 คน รวมเป็น 12 คน แต่ละคนไม่รู้จักกัน จากนั้นสาวที่พาไปให้เงินติดตัวคนละ 500 ดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 15,000 บาท บอกว่าเอาไว้โชว์เวลาตำรวจ ตม.ตรวจ เครื่องบิน ไปลงที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อนเปลี่ยนเครื่องไปลงประเทศอาร์มีเนีย นอนค้างที่โรงแรม 3 คืน และพาไปสถานที่ต่างๆเพื่อถ่ายรูป วันที่ 4 เดินทางโดยรถไฟเข้าประเทศจอร์เจีย ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ถึงจอร์เจียเข้าพักโรงแรม 1 คืน และยึดพาสปอร์ตทุกคน

ต่อมามีคนพาไปบ้านหลังหนึ่ง เนื้อที่กว้างใหญ่ ภายในบริเวณมีบ้านรวม 4 หลัง ก่อนถูกพาไปบ้านหลังที่ 1 พบสาวไทยกว่า 60 คน บางคนสภาพร่างกายทรุดโทรมมาก นั่งร้องไห้บอกว่า อยากกลับบ้าน แล้วถูกย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ 2 มีสาวไทยอยู่ 10 กว่าคน ส่วนบ้านอีก 2 หลังก็มีสาวไทยอยู่เช่นเดียวกัน รวมทั้งหมดประมาณ 100 คน บริเวณดังกล่าวมีชาวจีนเข้าออกตลอดเวลา เท่าที่สอบถามหญิงไทยคนอื่นๆทราบว่า ถูกหลอกมาให้อุ้มบุญ แต่ไม่มีพ่อแม่ต่างชาติมาให้เซ็นสัญญาจ้างตามที่คุยกัน ทุกคนถูกบังคับให้ขายไข่ คนที่ยอมจะถูกรีดไข่ทุกเดือนเหมือนไม่ใช่คน คนไหนไม่ยอมและอยากกลับบ้านก็ถูกเรียกค่าไถ่ตัว อ้างว่าเป็นค่าเดินทางและค่ากินอยู่ 50,000-70,000 บาท ส่วนใหญ่ไม่มีเงินและถูกข่มขู่ว่า หากกลับประเทศไทยจะถูกจับกุมดำเนินคดี

น.ส.ออยเล่าต่ออีกว่า ทุกวันจะมีคนจีนพาหญิงไทยไปเก็บไข่หมุนเวียนกันอยู่ตลอด ก่อนจะถูกรีดไข่ต้องโดนฉีดยากระตุ้นการตกไข่ก่อนเพื่อให้ไข่ตกหลายใบ เมื่อไข่ตกพร้อมปฏิสนธิก็จะถูกวางยาสลบและใช้เครื่องมือดูดไข่ ทุกคนที่อยู่ที่นั่นเหมือนตกนรกทั้งเป็น ส่วนตนเมื่อรู้ว่าถูกหลอกและไม่ยอมรีดไข่ตัดสินใจติดต่อญาติขอให้ช่วยหาเงินส่งมาไถ่ตัว 70,000 บาท โอนเงินเข้าบัญชีคนในขบวนการคาดว่าเป็นหัวหน้า กระทั่งได้รับการปล่อยตัวและซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับไทยวันที่ 9 ก.ย.67 อย่างไรก็ตาม ก่อนเดินทางกลับมีเพื่อนสาวไทย 3 คนที่ถูกหลอก ไม่มีเงินค่าไถ่ตัวขอร้องให้ตนช่วยร้องเรียนหน่วยงานต่างๆให้ได้กลับบ้าน เมื่อตนกลับถึงเมืองไทยตัดสินใจเข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือเพื่อนสาวไทยที่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันทั้ง 3 คน

ด้านนางปวีณา ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า หลังรับเรื่องหญิงไทยถูกหลอกไปอุ้มบุญประเทศจอร์เจียรีบประสานไปยัง พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ นำตำรวจสากลไทยกับ ตำรวจสากลระหว่างประเทศนำกำลังกว่า 30 นายเข้าไปช่วยสาวไทยทั้ง 3 คน ออกจากบ้านหลังดังกล่าวที่ประเทศจอร์เจีย มูลนิธิปวีณาฯได้ช่วยเหลือค่าเครื่องบินในการเดินทางกลับไทยอย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ทุกคนมีสภาพจิตใจย่ำแย่ ยังหวาดผวาจากการถูกข่มขู่ทำร้าย ขณะที่สาวไทยจำนวนมากต้องทนทุกข์และอยากเดินทางกลับบ้านเดิมเช่นกัน

“กรณีนี้ถือว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์ที่ทำโดยกลุ่มจีนเทาและมีคนไทยร่วมขบวนการ อยากขอวอนให้รัฐบาลไทยประสานรัฐบาลจีนตรวจสอบทลายเส้นทางการค้ามนุษย์ ที่มีจีนเทาแฝงคอยบัญชาการอยู่ในประเทศไทย และขอให้รัฐบาลจีนเข้ามาตรวจสอบขบวนการค้ามนุษย์ของจีนเทา และปราบปรามให้สิ้นซากเพราะถือเป็นภัยมหันต์ มีการรีดรังไข่ในตัวผู้หญิงเพื่อหวังนำไข่ไปขายต่อทำเด็กหลอดแก้ว เป็นธุรกิจค้ามนุษย์ส่งขายประเทศที่ 3 ทารกที่คลอดออกมาอาจจะถูกเก็บสเต็มเซลล์เพื่อนำไปรักษาโรคหรือเพื่อประโยชน์คนบางคน และทารกที่เกิดมาอาจต้องเสียชีวิตในที่สุด” ประธานมูลนิธิปวีณาฯกล่าว

นางปวีณากล่าวอีกว่า ฝากเตือนภัยสาวไทยที่คิดจะหางานทำหรือไปทำงานในต่างประเทศควรจะตรวจสอบให้ดี อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ อย่าไปเพราะไปแล้วอาจไม่มีโอกาสกลับบ้าน เพราะงานสบายรายได้ดีไม่มีอยู่จริง หลายคนต้องไปตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ ถูกกักขัง ทรมาน ทำร้ายร่างกาย บังคับเสพยา ค้าประเวณี บางคนถึงกับเอาชีวิตไม่รอด จากสถิติมูลนิธิปวีณาฯปี 2567 ปัญหาล่อลวงค้าประเวณี/ค้ามนุษย์ สูงถึง 257 ราย แยกเป็นแจ้งเบาะแสค้าประเวณีในประเทศ 53 ราย และขอความช่วยเหลือค้าประเวณี ค้ามนุษย์ต่างประเทศ 204 ราย กรณีถูกหลอกค้ามนุษย์ต่างประเทศ มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือกลับมาแล้ว 152 ราย การช่วยเหลืออาจจะช่วยไม่ได้ทุกคน เพราะฉะนั้น ควรจะตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ดีก่อนตัดสินใจเดินทางเพราะอาจตกเป็นเหยื่อได้

...

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่