“มูลนิธิกระจกเงา” ชี้ภัยร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเด็กไทยอายุระหว่าง 15-22 ปี 11 คนไปเป็นแอดมินเพจหลอกลวงเหยื่อช่วยกลับมาได้แล้ว 9 คน แต่ที่เหลือปรับตัวได้ขอทำงานให้แก๊งชั่วต่อไป นอกจากนี้ยังพบกรณีหลอกเด็กพิเศษจากประเทศไทยไปเปิดบัญชีม้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากนั้นปล่อยตัวกลับ ช่วงสัปดาห์เดียวมีเงินเข้าออกบัญชีกว่าล้านบาท ถูกตำรวจสอบสวนดำเนินคดี ผบช.ภ.2 สั่งสกัดชายแดน จ.สระแก้ว พาคนไปเปิดบัญชีม้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อไม่มีบัญชีธนาคารใช้โอนเงิน เหมือนตัดมือตัดเท้าแก๊งมิจฉาชีพ
แฉภัยร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเด็กไทยไปเป็นเครื่องมือ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ก.พ. นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา เผยถึงปัญหาเด็กเยาวชนไทยถูกหลอกลวงทำงานแอดมินแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ตั้งแต่ปลายปี 2566 จนถึงปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนถูกหลอกลวงทำงานแอดมินแก๊งคอลเซ็นเตอร์รวม 11 คน อายุตั้งแต่ 15 ถึง 22 ปี ที่ถูกนำตัวออกไปยังฝั่งเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชาและ อ.แม่สอด จ.ตาก เหยื่อที่ถูกหลอกมีทั้งจากภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง กรุงเทพฯ มีวิธีการ 2 ประเภท แบบแรกกลุ่มคนที่ดูประกาศสมัครงานตามอินเตอร์เน็ต รับสมัครเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก หรือเว็บไซต์ต่างๆ ได้เงินเดือน 15,000 บาท แบบที่ 2 คือ กลุ่มเพื่อนที่เคยมาทำงานและรู้จักนายหน้าชักชวนกันไป ขบวนการนี้คล้ายคลึงกับกระบวนการค้ามนุษย์หลอกลวงคนลงเรือประมง กลุ่มขบวนการพวกนี้จะไม่หาคนเองแต่จะอาศัยนายหน้า โบรกเกอร์ และเอเย่นต์หาเหยื่อเอาไปส่งแล้วได้ค่าหัว
“วิธีการนำเด็กออกไปนอกประเทศเริ่มจากให้เด็กนั่งรถทัวร์จากบ้านเกิดมาที่สถานีขนส่งหมอชิต โทรศัพท์ผ่านระบบแมสเซนเจอร์ให้คนขายตั๋วพูดคุยและโอนเงินค่าตั๋วให้ เมื่อมาลงที่หมอชิตจะเดินทางต่อด้วยรถตู้ ใช้วิธีการคุยผ่านโทรศัพท์และโอนเงินให้แก่คนขายตั๋วเหมือนกัน เมื่อไปถึง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จะมีคนมารับพาเข้าช่องทางธรรมชาติ มีผู้เสียหายคนหนึ่งเป็นเด็กอายุ 15 ปีทำให้ไม่มีมารับ จึงพาไปออกตรงแนวชายแดน จ.สุรินทร์ แล้วปล่อยกลับ เชื่อว่าคนขายตั๋วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ เพราะเหยื่อมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้ง 11 คนที่หายตัวไปช่วยเหลือกลับคืนมาได้ 9 คน อีก 2 คนสมัครใจทำงานต่อ ส่วนอีกคนถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเนื่องจากมีคดียาเสพติด หมายความว่าแก๊งไม่ได้บังคับทั้งหมด เพราะมีคนสมัครใจทำงาน หรือบางรายไม่รู้ว่าไปทำงานอะไร แต่สุดท้ายเข้าไปทำเพราะปรับตัวได้ ทำให้บางคนเลือกทำงานต่อ” นายเอกลักษณ์กล่าว
...
หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวต่อว่า หลักในการช่วยเหลือคนหายคือ ต้องปลอดภัย ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้คนกลับมาอย่างปลอดภัย วิธีการช่วยเหลือเราประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับตัวบุคคลที่ถูกนำตัวออกไปกลับคืนมา การป้องกันเหตุคนหายเพื่อนำตัวไปทำงานแบบนี้ ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศเพราะการที่ประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดนมีการตั้งฐานแบบนี้ จำเป็นต้องขอความร่วมมือกัน สุดท้ายแล้วการป้องกันตัวเองและการให้ความรู้เท่าทันขบวนการมิจฉาชีพเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
นายเอกลักษณ์กล่าวด้วยว่า บางรายที่ถูกหลอก พัฒนาการช้า มีอาการทางสมองหายออกจากบ้าน ถูกพาไปเปิดบัญชีม้า ภายใน 1 สัปดาห์มีหมายมาถึงที่บ้านเพราะเป็นบัญชีที่เอาไปหลอกโอนเงิน ภายใน 1 สัปดาห์มีเงินเข้าออกผ่านบัญชีล้านกว่าบาท ทำให้เชื่อว่ามีบุคคลส่วนหนึ่งถูกพาไปเปิดบัญชีม้า ขบวนการที่นำตัวเด็กออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านมีมากขึ้นในช่วง 2-3 ปีหลัง เนื่องจากขบวนการคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพปรับตัวตามเทคโนโลยีทำให้การทำงานของมูลนิธิกระจกเงายากขึ้น จะตรวจสอบย้อนกลับไปถึงใครยังถูกมองว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปด้วย แม้
กระทั่งตำรวจยังถูกมองว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้การทำงานยากมากขึ้น
“ขอฝากเตือนภัย หากบุตรหลานถูกชักชวนไปเป็นแอดมินเพจต่างๆ มันคือการไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องเตือนภัยในรูปแบบนี้ ส่วนการกวาดล้างหรือปราบปรามขบวนการเหล่านี้อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ทุกวันนี้เราเป็นฐานให้แก๊งพวกนี้ เพราะใช้ทั้งเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต ไฟฟ้า การคมนาคมและสุดท้ายคนของเรากลายเป็นเหยื่อไปด้วย” หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าว
ด้าน พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.ภ.2 กล่าวว่า ปัจจุบันคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเอาเงินประชาชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ต้นทางการหลอกลวงคือบัญชีม้าที่รับจ้างเปิดบัญชีแลกกับผลตอบแทนเล็กน้อยหลักพันบาท เมื่อเทียบความผิดและโทษที่ต้องรับ หลังจากธนาคารมีมาตรการสแกนใบหน้าโอนเงินเข้าออก แก๊งคอลเซ็นเตอร์จำเป็นต้องพาบัญชีม้าข้ามแดนเพื่อไปสแกนใบหน้าตามช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ ตำรวจภูธรภาค 2 มีมาตรการมุ่งเน้นสกัดกั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งชาวไทยชาวจีนไปเป็นพนักงานออฟฟิศ ไปทำหน้าที่หลอกลวง ไปเป็นบอส หรือบัญชีม้า หลักสำคัญถ้าสกัดการข้ามแดนบัญชีม้าได้ แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะไม่มีบัญชีรับโอนเงินผิดกฎหมาย
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่