ชุดสืบสวนยังสาละวนอยู่กับการคลี่คลายคดียิง นายลิม คิมยา อดีต สส.พรรคฝ่ายค้านกัมพูชา เพราะ “ผู้การจ๋อ” ตั้งเป้าจะเริ่มสืบสวนจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุไปหาผู้เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ประเด็นการสังหารโหดกลางกรุงครั้งนี้ผิดเพี้ยน

แต่มันไม่สามารถไปห้ามการวิเคราะห์ของผู้อยากจะรู้ สู่รู้ หรือรู้ทุกเรื่อง แต่ไม่ได้เกี่ยวกับการสืบสวนคลี่คลายคดีแม้แต่น้อย แต่ก็พอเข้าใจได้ว่า เพราะตัวผู้ตายเป็นนักการเมือง เรื่องราวเลยบานปลาย?

ทว่าการคลี่คลายคดียังเดินหน้ามาได้เรื่อยๆ เริ่มจากการจับกุมตัวมือปืน “จ่าเอ็ม” นายเอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารเรือ หลังจากลั่นกระสุนกระเสือกกระสนหนีข้ามชายแดนไปยังประเทศกัมพูชาสำเร็จ

แต่ถูกชุดสืบสวนนครบาลประสานตำรวจกัมพูชาตามไปจับกุมตัวได้คาจานข้าวที่ร้านอาหารในเมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา หลังส่งตัวให้ทางการไทยสอบสวน ให้การแค่ว่า รับงานจากผู้มีพระคุณ?!

ต่อมาออกหมายจับ นายคิม สะลินพิส คนชี้เป้า หลังแฝงตัวเดินทางมากับกลุ่มผู้เสียชีวิต อ้างว่าเป็นนักข่าวกัมพูชา หลังก่อเหตุซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางหนีออกนอกประเทศไทยแล้ว

ล่าสุดพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายลี รัตนรัศมี อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา มีชื่อไทยว่า นายสมหวัง บำรุงกิจ ข้อหาจ้างวานฆ่า เพราะเป็นคนโอนเงิน 6 หมื่นบาทให้มือปืน

ผู้ต้องหารายนี้เป็นตัวละครสำคัญ ถ้าได้ตัวมาจะรู้สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด?

ตรวจสอบประวัติ นายลี รัตนรัศมี ถือเป็นผู้กว้างขวางตามรอยตะเข็บชายแดนประเทศกัมพูชาและประเทศไทย เปิดบริษัท รปภ.ใหญ่โตในประเทศไทย โดยเกณฑ์คนกัมพูชามาทำงานในบ้านเราเป็นล่ำเป็นสัน

ทั้งที่ตามกฎหมาย อาชีพนี้สงวนไว้เฉพาะคนไทยเท่านั้น!

...

ปล่อยให้ต่างด้าวมาทำธุรกิจผิดกฎหมาย สุดท้ายใหญ่โตไม่เห็นหัวเจ้าบ้าน จ้างคนมาฆ่าโหดศัตรูอย่างอุกอาจกลางเมืองบ้านเราแบบนี้

มีธุรกิจอะไร ใครเป็นนอมินี ต้องรื้อให้หมด?


"สหบาท"

คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม