วันนี้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ในวาระ 2-3 โครงการที่ฝ่ายค้านหยิบมาท้วงติงพอเป็นประเด็นข่าวก็มีการจัดซื้อเรือฟริเกตของกองทัพเรือ และการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งทั้ง 2 โครงการถูกคณะกรรมาธิการตัดงบฯไปแล้วคุณสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมาธิการงบฯจากพรรคก้าวไกล หัวหอกผลักดัน ตัดงบโครงการฝายแกนดินซีเมนต์ 1,254 ล้านบาท ระบุว่าโครงการนี้ส่อแววทุจริตด้วยเหตุผล 8 ข้อ อาทิ มีการซอยเป็นโครงการย่อยแบบแจกเสื้อโหล ขนาดหน้ากว้าง 1 เมตร 1.5 เมตร 2 เมตร, เร่งรีบผิดสังเกตให้เวลาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพียง 12 วันในการเลือกสถานที่และทำแบบก่อสร้าง, ตั้งงบประมาณต่ำกว่า 5 แสนบาทเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันให้เลือกจิ้มผู้รับเหมาได้, ไม่มีใบอนุญาตมาแสดง ฯลฯ พร้อมตั้งข้อสังเกตมี สว.กับ สส.พรรคเพื่อไทยอยู่เบื้องหลังไม่รู้ว่าคุณสุรเชษฐ์ทำความเข้าใจเกี่ยวกับฝายแกนดินซีเมนต์ลึกซึ้งเพียงไหน และเคยลงพื้นที่ไปดูของจริงมากแค่ไหน แต่ในฐานะที่ผมเขียนบทความเรื่องนี้มาหลายครั้ง ยืนยันว่า ฝายแกนดินซีเมนต์มีประโยชน์กับชาวบ้านอย่างแท้จริงที่มาที่ไปที่ทำให้ฝายแกนดินซีเมนต์เริ่มเป็นที่ต้องการของชาวบ้าน มาจาก คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ที่มี ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ เป็นประธาน ต้องการหาหนทางช่วยเหลือคนกลุ่มใหญ่ที่ยากจน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทาน จึงได้แสวงหาความรู้ทุกส่วนของแผ่นดินที่จะทำให้เกษตรกร มีน้ำใช้เพาะปลูกทำการเกษตรตลอดทั้งปี 365 วันกระทั่งได้พบนวัตกรรม “ฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์” ที่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ สร้างจากภูมิปัญญาชาวบ้าน มีความแข็งแรงทนทาน เก็บน้ำไว้ใช้ ทำการเกษตรได้ทั้งปี เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น หลังจากเก็บข้อมูล วิเคราะห์โครงการ ศึกษาผลกระทบแง่มุมต่างๆ จนเป็นที่ประจักษ์ถึงคุณประโยชน์ของฝายแกนดินซีเมนต์ คณะกรรมาธิการฯจึงได้เผยแพร่ความรู้ไปยัง อปท.ต่างๆตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ทั้งประเทศแล้วมากกว่า 600 ฝาย ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือและอีสานในพื้นที่แล้งซ้ำซากในสมัยรัฐบาลบิ๊กตู่ คณะกรรมาธิการฯเคยให้ข้อมูลกับรัฐบาลหลายครั้ง เพื่อให้สนับสนุนโครงการนี้แก่ อปท. แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะรัฐบาลต้องการทำเฉพาะ แหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง เมื่อมาถึงยุครัฐบาลเศรษฐา ดร.สังศิตได้นำคณะกรรมาธิการฯเข้าไปให้ข้อมูลกับกระทรวงมหาดไทย หวังฝากให้เป็นผลงานในช่วงปลายวาระ สว. ซึ่งผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยตอบรับทันที เพราะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งย่อมเข้าใจปัญหาของชาวบ้าน จึงรีบให้ศึกษาข้อมูลทั้งระบบและบรรจุในแผนงบประมาณข้อห่วงใยเรื่องมาตรฐานและใบอนุญาตนั้น กรมโยธาธิการฯกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ช่วยจัดทำแบบมาตรฐานกลางสำหรับฝายแกนดินซีเมนต์แล้ว คำนวณราคาได้ตามแต่ละขนาด ขณะที่กรมเจ้าท่าก็มีหนังสือรับรองว่า ฝายแกนดินซีเมนต์สามารถทำได้ทั้งในลำน้ำหลักและลำน้ำสาขา นอกจากนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ศึกษาวิเคราะห์ความคุ้มค่าของโครงการแล้วค่าก่อสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ไม่แพง ฝายขนาดเล็กแค่แสนกว่าบาท ขนาดกลางประมาณ 3 แสน ขนาดใหญ่อาจจะเกือบล้านบาท ต้นทุนถูกด้วยตัวเองอยู่แล้ว ไม่ใช่ซอยย่อยโครงการเพื่อล็อกผู้รับเหมา ถ้าห่วงเรื่องทุจริต ผมว่าโครงการขนาดใหญ่และขนาดกลางที่รัฐบาลชุดก่อนจ้องทำ น่าระแวงกว่าฝายแกนดินซีเมนต์ 600 กว่าฝายที่มีอยู่ ล้วนใช้งบฯจากท้องถิ่น องค์กรเอกชน และชาวบ้านระดมสมทบทุนกันเอง ไม่เคยได้รับงบจากรัฐบาลกลาง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้ชาวบ้าน ต.บ่อสวก อ.เมืองน่าน จัดทอดผ้าป่าน้ำ เพื่อสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ คุณสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทย ก็ร่วมทำบุญมอบปูนซีเมนต์ให้ 1 พันถุง ผมขอส่งจิตร่วมอนุโมทนาบุญด้วยปีนี้เป็นปีแรกที่เกษตรกรในพื้นที่แล้งซ้ำซากจะมีโอกาสได้ฝายแกนดินซีเมนต์จากงบประมาณของรัฐ แต่กลับถูกคณะกรรมาธิการงบฯตัดงบฯทิ้งทั้งโครงการ วันนี้คงต้องฝากความหวังไว้กับ สส.ทั้งสภาฯร่วมใจโหวตสวนมติคณะกรรมาธิการงบฯ เอาโครงการฝายแกนดินซีเมนต์กลับคืนมาแต่ถ้าสภาฯโหวตเห็นชอบให้ตัดงบดังกล่าว งบ 1,254 ล้านบาทจะถูกโยกไปอยู่ที่งบกลาง ผมก็หวังว่า นายกฯเศรษฐาจะเห็นประโยชน์ของโครงการนี้ แล้วหยิบยื่นช่องทางให้เกษตรกรมีน้ำใช้ทำมาหากินครับ.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ "หมายเหตุประเทศไทย" เพิ่มเติม