ผบ.ตร.มั่นใจ “แป้ง นาโหนด” ยังกบดานอยู่ในเมืองไทย ย้ำหากจะเข้ามอบตัวต้องไม่มีเงื่อนไข รับประกันถ้าไม่ต่อสู้ ไม่มีวิสามัญฯ รู้หมดแล้วหนีลงเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครช่วยเหลือบ้าง สั่งจเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบข้อมูลในคลิป หากมีมูลพาดพิงถึงตำรวจนายใดให้ตั้งกรรมการสอบทันที “โฆษกอัยการสูงสุด” แจง กำลังวิเคราะห์สำนวนคดีที่สั่งไม่ฟ้อง “อัยการบอยกับพวก” หลังถูกแฉเข้าไปมีส่วนพัวพันคดีด้วย ขณะที่ “จรวด” เปิดใจยอมรับเป็นต้นเหตุให้แป้งโดนจับ แต่ไม่ได้หลอกลวงหรือหักหลังกันกลายเป็นหนังเรื่องยาว สังคมยังเฝ้าจับตาการไล่ล่านายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด นักโทษหลบหนีจากเตียงผู้ป่วย รพ.มหาราชนครศรี ธรรมราช เมื่อกลางดึกวันที่ 22 ต.ค. ตำรวจ ทหาร และกรมราชทัณฑ์ ระดมกำลังหลายร้อยนายปิดล้อมเทือกเขาบรรทัด จ.พัทลุง พลิกแผ่นดินล่าตัวกว่า 1 เดือนยังจับกุมนายแป้งไม่ได้ แต่นายแป้ง กลับอัดคลิปแฉผ่านโซเชียล อ้างสาเหตุที่ต้องหลบหนีเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรมความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษส่วนหน้า สภ.ตะโหมด จ.พัทลุง ตำรวจ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และฝ่ายปกครอง กว่า 40 คน ยังตรึงกำลังตั้งจุดตรวจที่น้ำตกท่าช้าง หมู่ 9 ต.ตะโหมด และน้ำตกหม่อมจุ้ย หมู่ 11 ต.ตะโหมด ท่ามกลางฝนตกหนักบนเทือกเขาบรรทัด ด้านผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่งกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังเข้มในพื้นที่ เป็นปัญหาอุปสรรคในการใช้ชีวิตของชาวบ้านไม่ต่ำกว่า 3 หมู่บ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำคลองเขาหัวช้าง ช่วงนี้ฤดูฝน ชาวบ้านออกกรีดยางไม่ได้ จะออกไปหาปลาหาเลี้ยงชีพตอนกลางคืนก็ถูกสั่งห้าม แบบนี้จะหาเงินที่ไหนมาเลี้ยงครอบครัว ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้าน ทุกคนมั่นใจคนร้ายหนีไปนานแล้วพ.ต.ท.วีระศักดิ์ คงเพชร อดีต ผบ.ร้อย ตชด.434 พัทลุง 1 ในผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอ้างว่า วันที่ 2 ก.ค.62 ตำรวจจับนายอัตชัย เลื่อนแป้น เครือข่ายยาเสพติดได้ที่จ.สุราษฎร์ธานี ขยายผลพบหัวหน้าใหญ่คือนาย “ต้น พม่า” ที่ซื้อขายยาบ้ากับนายจรวด วันเกิดเหตุนายต้นใช้ให้นายอัตชัยไปทวงเงินจากนายจรวดที่ค้างจ่ายค่ายาบ้าอยู่กว่า 10 ล้านบาท เมื่อตำรวจสืบรู้ ได้บุกจับนายจรวดที่บ้าน จ.พัทลุง นำตัวทั้ง 2 คนไปขยายผล นายจรวดโทร.หาลูกพี่คือ “อัยการบอย” บอกให้นำยาเสพติดที่เหลือมาคืนนายต้น นัดเจอกันในพื้นที่ ต.นาขยาด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง แต่เมื่อถึงเวลานัดนายแป้งได้พาพวกกว่า 20 คน มาชิงตัวนายจรวดกับนายอัตชัย ระหว่างนั้นนายจรวดได้ยิงตำรวจเจ็บ 1 นาย พร้อมชิงปืนไป 3 กระบอก มีประธานติ่ง และจ่าติ๊ก ร่วมชิงตัวประกันด้วยพ.ต.ท.วีระศักดิ์กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุตำรวจที่ถูกยิงเจ็บและถูกชิงปืนไปได้มาขอให้ตนช่วยเหลือ พอรู้ว่า 1 ในคนร้ายคือนายแป้ง ตนโทร.ไปหาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น นายแป้งอ้างว่าถูกอัยการบอย ประธานติ่ง และพ่อของนายจรวด หลอกใช้ นายแป้งอ้างอีกว่า ก่อนไปชิงตัวประกันอัยการบอยโทร.หา บอกว่านายจรวดหลานชายถูกแก๊งคนร้ายอุ้มไปรีดค่าไถ่ ไม่ยอมบอกความจริงว่านายจรวดถูกตำรวจจับจากการขยายผลยาเสพติด ตนได้บอกให้นายแป้งนำปืนของตำรวจมาคืน นายแป้งตอบว่าคนที่เอาปืนไปคือประธานติ่ง 1 กระบอก จ่าติ๊ก 1 กระบอก นายจรวด 1 กระบอก แต่ประธานติ่งนำปืนไปจำนำต้องไปไถ่ถอนออกมา ผ่านไป 2 วัน นายแป้งให้ลูกน้องนำปืนทั้ง 3 กระบอกใส่ถุงมาคืน ก่อนที่นายแป้งและพวกจะถูกจับ ต่อมากลุ่มที่ร่วมชิงตัวประกันไม่มีใครโดนคดี แต่นายแป้งกลับถูกดำเนินคดีคนเดียว ยืนยันทุกอย่างเป็นความจริง ตนมีหลักฐานเก็บไว้ เรื่องเกิดจากนายจรวดไปเบี้ยวค่ายาเสพติดขณะที่นายสิทธิ์เดช หรือจรวด ทรงเดชะ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกับทีมข่าวไทยรัฐว่า เมื่อเดือน ก.ค.62 มีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจภาค 8 บุกจับตัวตนถึงบ้านใน อ.เมืองพัทลุง กล่าวหามีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอุ้มตัวขึ้นรถออกจากบ้าน ต่อมาสั่งให้ตนโทร.หาญาตินำเงินสด 1.5 ล้านบาทไปไถ่ตัว พ่อของตนทราบเรื่องได้โทร.หาอัยการบอยเพื่อขอความช่วยเหลือ อัยการบอยได้โทร.หานายแป้งบอกว่า หลานชายถูกจับขอให้ไปช่วย นายแป้งและญาติของตนกว่า 20 คน ขับรถยนต์มา 4 คัน ไปพบกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ริมถนนเอเชีย ต.แพรกษา อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ก่อนเข้าไปชิงตัวตน ระหว่างนั้นเกิดยิงปะทะกันทำให้ 1 ใน 8 ตำรวจบาดเจ็บ หลังหลบหนีมาได้ ตนไปพบอัยการบอยที่บ้านแล้วพากันไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว“ส่วนที่นายแป้งอ้างว่าถูกหักหลัง ถูกพ่อของผมหลอกใช้ ยืนยันว่าไม่มีการหลอกใช้หรือหักหลัง เพราะพ่อของผมไม่รู้จักกับนายแป้งเป็นการส่วนตัว ผมกับนายแป้งก็ไม่เคยสนิทสนมกันมาก่อน รู้จักเพียงผิวเผินตามประสาวัยรุ่นใน จ.พัทลุง เท่านั้น ยอมรับผมเป็นต้นเหตุให้นายแป้งถูกจับกุม อยากขอโทษนายแป้งด้วย ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ต้องขอบคุณนายแป้งที่กล้าบุกเข้าไปช่วยเหลือในวันนั้นจนทำให้มีชีวิตรอด แต่หลังจากนั้นผมและนายแป้งไม่เคยได้พบเจอหรือติดต่อกันอีกเลย” นายจรวดกล่าววันเดียวกัน นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงการตรวจสอบกรณีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด เผยแพร่คลิปพัวพันกับ “อัยการบอย” ที่เคยเป็นผู้ต้องหาร่วมกัน แต่อัยการภาค 9 สั่งไม่ฟ้องอัยการบอยว่า เรื่องนี้อัยการสูงสุดสั่งให้อธิบดีอัยการภาค 9 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และยังได้สั่งให้อธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการนำสำนวนดังกล่าวมาวิเคราะห์ สำนวนคดีนี้มีอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นส่วนที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา มีชื่ออัยการบอยอยู่ในกลุ่ม 1 ใน 6 ผู้ต้องหาที่อธิบดีอัยการภาค 9 ในปี 2563 มีคำสั่งไม่ฟ้อง และคำสั่งส่งไปยัง ผบช.ภ.9 พิจารณาแล้วเห็นพ้องกัน ไม่ได้โต้แย้ง ถือเป็นคำสั่งเด็ดขาด ส่วนอีกคำสั่งคือคำสั่งฟ้องนายแป้ง จนศาลพัทลุงมีคำพิพากษาจำคุก และต่อมานายแป้งหลบหนี ก่อนเผยแพร่คลิปพาดพิงถึงอัยการบอย“ในส่วนคำสั่งไม่ฟ้องอัยการบอยกับพวกรวม 6 คน และสำนวนที่ฟ้องนายแป้ง อธิบดีอัยการภาค 9 ได้ส่งให้นายวัชระ อินทุสุต อธิบดีอัยการสำนักงานวิชาการแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องรอผลการวิเคราะห์คดีของสำนักงานอัยการสำนักงานวิชาการ สิ่งที่แจ้งให้ทราบได้ตอนนี้คือ กระบวนการสั่งไม่ฟ้อง หรือฟ้องคดีดังกล่าว เป็นการสั่งเด็ดขาดตามกฎหมายบัญญัติทุกประการ กฎหมายเขียนไว้ว่าการจะสั่งคดีใหม่ได้จะเป็นไปตาม ป.วิอาญา มาตรา 141 ต้องมีข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานใหม่ที่สามารถนำสืบพิสูจน์ให้ศาลลงโทษผู้ถูกกล่าวหาได้ ถ้าเป็นกรณีเช่นนี้อาจจะรื้อฟื้นคดีได้ แต่ต้องรอผลวิเคราะห์สำนวนก่อน” นายประยุทธกล่าวพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวถึงการติดตามตัวนายแป้ง นาโหนด ว่า ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาคติดตามตัวผู้ต้องหาอยู่ มี พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ลงพื้นที่ติดตามคดี ตำรวจทราบแล้วว่าคนร้ายหนีลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครที่เป็นผู้ช่วยเหลือจะดำเนินคดีทั้งหมดทุกคน ส่วนคลิปที่ปรากฏในโลกโซเชียลได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบข้อมูลในคลิปแล้วว่ามีมูลหรือไม่ หากมีมูลให้ตั้งเรื่องเสนอขึ้นมาตั้งกรรมการสอบ หากมีเจ้าหน้าที่รายใดเกี่ยวข้องต้องรับกันไป ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่านายแป้งหลบหนีไปอยู่ที่ใด แต่เชื่อว่ายังอยู่ในประเทศไทย ขอเวลาให้ตำรวจได้ทำงานก่อนผู้สื่อข่าวถามถึงนายแป้งติดต่อเข้ามอบตัวหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มี มีแต่ญาติประสานทีมงานว่าจะมอบตัว แต่มีเงื่อนไข หากมีเงื่อนไข ตนไม่รับ ไม่ให้มีเงื่อนไข ต้องมอบตัวอย่างเดียว หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้ทำหนังสือร้องเรียนมาที่กระทรวงยุติธรรม ยืนยันไม่มีเรื่องที่จะตามไปวิสามัญฯ แต่หากต่อสู้ขณะเข้าจับกุมให้ว่าไปตามกฎหมาย ไม่มีใครตั้งเป้าจะไปเอาชีวิต หากไม่มั่นใจให้ติดต่อมาจะส่งทีมไปรับ หรือจะมากับญาติพี่น้องก็ได้ ฝากไปถึงนายแป้งว่า การหลบหนีแบบนี้จะต้องหนีไปตลอดชีวิต ควรจะเข้ามอบตัว แต่ถ้าหากไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้แจ้งมาได้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่