ไล่เลียงอ่านหนังสือกองใหญ่ ในอารมณ์ที่ทางพระเรียก ฟุ้งซ่านรำคาญ ตอนนี้มาสะดุดหยุดลงตรงหนังสือ ศัพท์สรรพรรณนา (สถาพรบุ๊คส์ ก.พ.2565) หัวข้อ “เจ็ดชั่วโคตร”อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ เริ่มต้นว่า “โคตร” อ่านว่า /โคด/ หมายถึง วงศ์สกุล เผ่าพันธุ์ ต้นสกุล มักใช้ในสำนวน หรือเมื่อพูดอย่างไม่สุภาพ เช่น ฆ่าล้างโคตร เลวทั้งโคตรหรือ...ซ้อนคำเพื่อบ่งความให้เด่นชัดได้อีก เช่น “โคตรเหง้า” เช่น ไม่รู้จักโคตรเหง้าไม่เอาทำผัวที่เจ็บช้ำน้ำใจ คือนำไปเป็นคำด่า เช่น “ก่นโคตร”“ก่น” คือขุดโค่น...ก่นโคตร จึงหมายถึงขุดโคตรขึ้นมาด่า เช่น คำว่า “โคตรพ่อโคตรแม่”เวลาออกเสียงจริง โคตรพ่อ (ง) โคตรแม่ (ง) มาจาก โคตรพ่อมึง โคตรแม่มึง คำด่านี้มีนัยว่าพาดพิงให้เสียหายถึงต้นตระกูลของพ่อแม่ดังตอนที่นางวันทองด่าขุนช้าง เมื่อเอาหม้อกระดูกมาโกหกว่า ขุนแผนตายไอ้งูเห่าเจ้าเล่ห์ทุกอย่างไป หม้อละใบสิบเบี้ยสู้เสียมา กระทืบตีนผางผางกลางประตู โคตรแม่มึงกูขี้คร้านด่า...แต่ขุนช้างหน้าด้านกว่าที่นางวันทองคิด นอกจากไม่กระเทือนซางแล้ว ยังกลับไปบอกทางมารดาว่า...หล่อนจึงขึ้นโคตรแม่แน่กระนั้น ว่าให้ไปหากันตามผู้ใหญ่ คงจะได้เป็นเมียอย่าเสียใจ หาที่ไหนไม่เหมือนแม่แก้วตาด่าพ่อแม่แล้ว คู่กรณีไม่สะดุ้งสะเทือน ก็ต้องด่าไปถึงปู่ย่าตายาย ดังที่ อักขราภิธานศรับท์ เก็บคำว่า “โคตรเค้าเถ้าแก่” ไว้เป็นตัวอย่าง แล้วให้คำนิยามว่า“โคตรเค้าเถ้าแก่ เป็นคำด่ากันถึงพ่อแม่ เป็นต้นนั้น คือความกล่าวถึงปู่ย่าตายายในเดิมนั้น...”ถ้าด่าปู่ย่าตายายแล้ว ยังไม่รู้สึก ก็ต้องขุดบรรพบุรุษชั้นลึกๆขึ้นมาด่า เช่น โคตรเหง้าบรรพชน โคตรเหง้าเหล่าปราน โคตรเหง้าเหล่ากอ โคตรเหง้าศักราชคำหนึ่งที่ปรากฏร่วมกับคำว่า “โคตร” คือ “ชั่วโคตร” หมายถึง ทั้งวงศ์สกุล ทั้งเผ่าพันธุ์ในสมัยถ้าทำความผิดร้ายแรง อาทิ เป็นกบฏต่อแผ่นดิน จะต้องถูกริบราชบาตร แล้วให้ประหาร “เจ็ดชั่วโคตร” (คำให้การขุนหลวงหาวัด) เช่น“จึ่งมีพระโองการตรัสสั่งกับนายเพชฌฆาฏ ให้เอาเสนามอญ เหล่านี้กับทั้งเจ็ดชั่วโคตรด้วยกันทั้งสิ้น ให้เอาไม้ลำทำตับเข้า แล้วให้ปิ้งเพลิงเสียทั้งเจ็ดชั่วโคตร แล้วให้ทำพลีกรรมเทวดา...”พระไอยการกระบดศึก ระบุโทษที่ต้องฆ่าทั้งโคตร และถูกฆ่าเจ็ดชั่วโคตรไว้หลายมาตรา เช่น กบฏ หนีทัพโบราณว่าคนหนึ่ง มีญาติสายตรง 12 ชั่ว นับแต่ เทียด ทวด ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ เจ้าตัว ลูก หลาน เหลน โหลน (ลื่อ) ลี้ ลืบ และลืด ถ้ารวมสาขาญาติก็จะได้เป็น 12 ชั้นเจ็ดชั่วโคตรหมายถึงวงศ์สกุลที่สืบสายโลหิตซึ่ง นับแต่ตัวเองขึ้นไป 3 ชั้น คือชั้นพ่อ ชั้นปู่ และชั้นทวดกับนับจากตัวเองลงมาอีก 3 ชั้น คือชั้นลูกชั้นหลานชั้นเหลน รวมเป็นเจ็ดชั่วโคตร ไม่นับผู้หญิงรวมด้วยสันนิษฐานว่า ผู้หญิงนับรวมอยู่ในราชบาตร จึงไม่ถูกประหารเรียกได้ว่า ฆ่าทิ้งจนสิ้นโคตรสิ้นวงศ์ ไม่ให้หลงเหลือเป็นเสี้ยนเป็นหนามแก่แผ่นดินได้ให้ความรู้เรื่องโคตรมาถึงตรงนี้ อาจารย์ปรัชญา ปานเกตุ รำพึงว่า กว่าจะเกิดเป็นคนได้นั้นแสนยากเย็น เกิดมาแล้วต้องถูกฆ่าตายง่ายๆ เพราะการกระทำของคนอื่น ทำนองต้องรับผิดชอบร่วมกัน “จึงเจ็บปวดนัก”ดังนี้ อาจารย์ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง จึงสั่งความกับผมเสมอว่า เห็นใครเปล่งบุญญาบารมีอย่าผลีผลามไปนับญาติ เดี๋ยวจะติดหลังแหไปด้วยและข้อเค้าหนึ่งที่ผมจำไปกำชับกับลูกศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็คือ “อย่าให้ถึงกับต้องประหารเจ็ดชั่วโคตร”“โคตรก็โคตรผม” ลูกศิษย์เลือดร้อนคนหนึ่งแย้ง “...ก็ถ้าโคตรตัวเองไม่ครบเจ็ด เขาก็เอาครูด้วยน่ะสิ!”อาจารย์ปรัชญา...เขียนเรื่องเจ็ดชั่วโคตร ทางสื่อโซเชียล เมื่อ 22 พ.ค.2564 ครับ...ผมคัดเอามาขยายต่อตอนนี้...ไม่ได้ตั้งใจ เอาไปกระทบกระเทียบใคร...พ่อเขาจะเอาใครเป็นรัฐมนตรี พ่อเขาจะเอาลูกเป็นหัวหน้าพรรค ก็ช่างพ่อเขา เกี่ยวอะไรกับเราด้วยเล่า?กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม