ระหว่างการฟังฝ่ายค้าน อภิปรายนโยบายของรัฐบาลในรัฐสภา ผมอยู่ในภาวะจิตว่าง เปิดหนังสือสำนวนไทย อ่านเจอ สำนวน “ราชรถมาเกย” เห็นว่าพอเข้าเค้า ต้องเอามาเล่าต่อมูลสำนวนนี้ มาจากราชประเพณีโบราณ เมื่อพระเจ้าแผ่นดินสวรรคต ไม่มีรัชทายาท เสนาอำมาตย์ก็พร้อมกันเอาราชรถมาเสี่ยงทายให้ราชรถแล่นไป ไปหยุดที่บุคคลใด ก็เชิญผู้นั้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินพงศาวดารเขมรโบราณ มีเรื่องเล่า...วันหนึ่งตาเคเห ตาแก่บ้านนอกคอกนา ไม่รู้ประสีประสาคนหนึ่ง ปลูกบ้านอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ เก็บเด็กผู้ชายหน่วยก้านดีคนหนึ่งมาเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรมพอดีเวลานั้นในพระราชวัง พระมหากษัตริย์สวรรคต ไม่มีรัชทายาทสืบราชสมบัติ เสนาพฤฒามาตย์ราชปุโรหิต ประชุมพร้อมกัน ให้หาโหรทำนาย โหรทำนายว่า ชะตาเมืองยังดีเพราะมีผู้มีบุญอยู่จึงต้องเสี่ยงราชรถหาราชรถมุ่งตรงไปหยุดริมฝั่งแม่น้ำ ก็หาเรือนำราชรถข้าม ราชรถก็ตรงไปหาเด็กผู้ชายที่นายเคเหเลี้ยงไว้ อำมาตย์ราชปุโรหิต ดูเด็กชายลักษณะดี จึงประโคมดุริยางค์ดนตรี เชิญขึ้นราชรถไปพระนครจัตรมุขพนมเพ็ญ เป็นสมมติกษัตริย์ด้วยเหตุว่า กษัตริย์พระองค์นี้อยู่ที่ไหนจะมีนกฝูงใหญ่บินตามมาวนเวียนรอบล้อมตลอดเวลาจึงได้พระนามว่า พระเจ้าปักษีจำกรงยึดหลักฐานจากศิลาจารึกเขมร พระเจ้าปักษีจำกรงพระองค์นี้ คือ พระเจ้าไชยวรมันที่ 4 ทรงราชย์ พ.ศ.1471-1484พงศาวดารเขมรยังมีเรื่องเล่าต่อ...กษัตริย์ราชวงศ์พระเจ้าปักษี จำกรงองค์ต่อมา...วันหนึ่งเสด็จประพาสออกนอกเมือง เจอไร่แตงใหญ่...ทรงกระหายน้ำ ไม่ทันได้ถามหาเจ้าของ ก็ปลิดแตงรสหวานเสวยเจ้าของไร่มาเห็นเข้า ไม่พูดพร่ำทำเพลง...พุ่งหอกเข้าใส่องค์กษัตริย์สวรรคต องค์นี้ก็ไม่มีรัชทายาท อำมาตย์ราชปุโรหิต ต้องใช้วิธีเก่า เสี่ยงราชรถทายราชรถก็ดันพุ่งเข้าหา เจ้าของไร่แตงคนนั้น...แม้พยายามปฏิเสธไม่รับ...ก็ไม่ได้ ถูกบุญหล่นทับบังคับให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ จึงได้พระนามตามที่มา พระเจ้าแตงหวานนี่เป็นเรื่องเล่าจากฟากเขมร ส่วนฟากไทย กาญจนาคพันธุ์ เล่าว่า ของเรานั้น ไม่เคยมีพระเจ้าแผ่นดินที่ได้จากการเสี่ยงราชรถ แต่มีพระเจ้าแผ่นดิน ที่ได้จากการเสี่ยงเรือเอกไชยเด็กคนนั้น เป็นลูกชาวบ้านธรรมดา เลี้ยงวัวอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เมื่อเรือเอกไชยไปเกย ก็ถูกเชิญเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แล้วก็เป็นองค์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ พระนาม พระเจ้าสายน้ำผึ้งชื่อนี้ คงพอนึกได้...พร ภิรมย์ เคยแต่งเป็นเพลงแหล่ร้อง... พระเจ้าแผ่นดินไทย องค์ที่ได้นางสร้อยดอกหมาก พระราชธิดาพระเจ้ากรุงจีน เป็นชายา แล้วก็มีเรื่องกระบิดกระบวน กลั้นใจตายเป็นที่มาของการสร้างวัดพนัญเชิงหรือวัดพระนางเชิง ที่กรุงเก่า ถึงวันนี้ก็ยังมีผู้คนไปกราบไหว้กันอยู่กาญจนาคพันธุ์ บอกว่า เราไม่มีสำนวนทางเรือ จึงต้องใช้สำนวนทางรถอย่างเขมร คือใครสบโชคใหญ่โดยไม่รู้ตัว ก็พูดกันว่า ราชรถมาเกยใครผู้ใดที่ไม่ขวนขวายทำอะไร เอาแต่อยู่นิ่งๆเฉยๆก็จะถูกพูดว่า จะรอให้ราชรถมาเกยหรืออย่างไร?ผู้นำบางบ้านเมือง...มีเสียงด่า ตบหัวที่ศาลา ขอสมาที่บ้าน หรือพูดอย่างทำอย่าง สำนวนใหม่ พูดไม่ตรงปก มีแรงก็ด่ากันไป ผู้นำแบบมาง่าย ถึงเวลาก็ไปง่าย จะทนแรงเสียดไปได้ สักแค่ไหนเชียวพ่อคุณ.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ "ชักธงรบ" เพิ่มเติม