วันหนึ่งในครั้งหนึ่ง ราว พ.ศ.2501-02 เจ้าเณรน้อยวัดดาวดึงส์ เปลี่ยนทิศทาง ไม่ลงเรือข้ามฟาก ไปเรียนบาลี เรียนนักธรรมตรี วัดมหาธาตุ เดินเลี้ยวขวาผ่านโรงเหล้าบางยี่ขัน... ไปจนถึงวัดคฤหบดี

สิบปีต่อมา เป็นทหารประจำเรือจันทร...ทอดสมอกลางเจ้าพระยา ท่าน้ำเทเวศร์ ท่าวัดคฤหบดี คุยได้ ตอนอยู่ในเรือเห็นวัดคฤหบดีทุกวัน จนสิบปีที่แล้วใครก็จำไม่ได้แล้ว ชวนไปนั่งเรือ ไหว้พระ 9 วัดสำคัญ

ตอนขึ้นวัดคฤหบดี พอจะรู้จักพระแซกคำบ้าง ตั้งใจกราบไหว้ องค์ใหญ่ตรงหน้าโบสถ์...เป็นนาน จึงรู้ว่าเป็นองค์จำลอง พระแซกคำ องค์จริง องค์ย่อมกว่า ตั้งเด่นเป็นพระประธานอยู่ในโบสถ์

คนรักศิลปะดูก็รู้ องค์นี้ “งามมาก” เทียบกันแล้ว งามกว่าเก่ากว่าพระที่ไทยได้จากลาว พระเสริม พระใส พระแสน สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาฯ งามกว่า พระแสนเมืองเชียงแตน

พระเสริม พระใส พระแสน ร.4 ท่านโปรดฯให้อัญเชิญไว้ที่วัดปทุมวนาราม วัดของท่าน พระแสนเมืองเชียงแตง โปรดฯให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า...นิมนต์ไปไว้ที่วัดหงส์รัตนาราม

ประเด็นที่ผมสะดุดใจ...พระแซกคำ พระพุทธรูปองค์สวยแถวหน้า ในเอกสารที่กราบทูลถวาย ร.4 เรียกพระแซ่คำ พระที่มีพระบรมสารีริกธาตุบรรจุอยู่ถึงร้อยองค์ ทำไม? จึงไปอยู่วัดคฤหบดี

ชื่อวัดคฤหบดีเป็นวัดพ่อค้า ไม่มีเค้า เป็นวัดเจ้านาย ถ้ากระนั้น ฐานะวัดคฤหบดี ก็ต้องไม่ธรรมดา

ส.พลายน้อย เล่าไว้ในหนังสือพระพุทธรูปสำคัญ ในกรุงเทพมหานคร...ในครั้งนั้น จางวางภู่ ข้าหลวงเดิม ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯได้เลื่อนขึ้นเป็นพระยาราชมนตรี จางวางมหาดเล็ก มีตำแหน่ง “ว่าพระคลังมหาสมบัติ”

โปรดเกล้าฯตำแหน่งสำคัญให้แล้ว พระราชทานบ้านหลวง...อยู่แถวบริเวณท่าพระ

เป็นเรื่องบังเอิญ บ้านหลวงจางวางภู่ เป็นบ้านเดิมของพระสุนทรโวหาร (ภู่) กวีเอกราชสำนักพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ชื่อภู่เหมือนกัน ได้มาอยู่บ้านหลังเดียวกัน

...

คงพอจำนิราศภูเขาทอง ตอนบีบหัวใจกันได้บ้าง!

“ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิสร โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น...”

เรื่องที่ทำให้สุนทรภู่ ใจจะขาดรอนๆ คงอยู่ที่เห็นบ้านตัวเอง...ที่เคยอยู่สมัยรุ่งเรือง

กลับมาหาเรื่อง พระยาราชมนตรีภู่ ได้บ้านหลวงพระราชทานหลังใหม่ท่าพระฝั่งพระนคร ท่านก็ยกบ้านเดิม สร้างวัดคฤหบดีถวายเป็นวัดหลวง วัดที่คนโปรดถวาย...จึงเป็นเหตุผลให้ ร.3 ท่านจงใจ ถวายพระแซกคำ

แม้ชื่อวัดคฤหบดี แต่ที่จริง เป็นวัดของท่านเอง

ส.พลายน้อย เริ่มต้นประวัติพระแซกคำว่า...พ.ศ.2369 ครั้งเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เป็นกบฏ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ซึ่งเสด็จยกทัพไปปราบ...กราบทูล พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เรื่องพระพุทธรูปที่รวบรวมไว้ว่า

“อนึ่ง พระพุทธรูปสำหรับเมืองเวียงจันทน์ พระบางหายไป ว่าข้าพระพาไปฝังเสีย สืบยังหาได้ไม่ ได้แต่พระเสิม พระใส พระแซ่คำ ฯลฯ รวมอื่นๆ 8 องค์...”

อ่านเรื่องพระพุทธรูปลาวตอนนี้ ก็เห็นว่า คนลาวรักพระของเขา ถ้าฝังซ่อนได้ทัน ก็ทำ รู้มาถึงแค่นี้ตอนไปไหว้พระลาวองค์งามในวัดเมืองไทย...เมื่อไหร่ หัวใจที่เคยปลื้มดื่มด่ำก็วูบหาย

นึกถึง เจ้าเณรน้อยสมัยเดินผ่านโรงเหล้าบางยี่ขันไปถึงวัดคฤหบดี จนวันนี้เพิ่งรู้จักวัดคฤหบดี

อายุแก่ปูนนี้จึงเข้าใจอนิจจัง สิ่งทั้งหลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เราไม่ได้เป็นนั่นเป็นนี่ นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา นั่นไม่ใช่ของของเรา พระที่เรานึกว่าเป็นของเรา จะแน่ใจได้แค่ไหนว่าพรุ่งนี้จะยังเป็นของเรา.

กิเลน ประลองเชิง