หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ.....ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ....ฉบับประจำวันพุธที่ 4 มกราคม 2566
- การเมืองรับปีใหม่ เหล้าเก่าในขวดใหม่ .....พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ...ใช้ใจบันดาลแรง ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของ พลังประชารัฐ มั่นอกมั่นใจที่จะพา พลังประชารัฐ เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลอีกครั้ง...ด้วยจำนวน ส.ส.เกิน 100 ที่นั่ง.....แม้วันนี้จะไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะพี่น้องสามป. ที่กอดคอกันมา...ถึงจะไม่ถึงขั้นแตกคอ ความสัมพันธ์ฉันพี่น้องยังเหนียว แน่น.....การปรากฏตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.ประวิตร ที่บ้านป่ารอยต่อที่คุ้นเคย....เท่ากับพิสูจน์แล้วว่าพี่น้องคู่นี้ แยกกันไม่ออก....แต่ไม่การันตีว่า จะแยกกันเดินร่วมกันตี จริงหรือไม่

...
- โพลการเมือง รับปีใหม่จาก สวนดุสิตโพล....นักการเมืองชายอันดับ 1 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อันดับ 2 ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา อันดับ 3 ได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา...ส่วนนักการเมืองหญิงยอดนิยม อันดับ 1 แพทองธาร ชินวัตร อันดับ 2 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และอันดับ 3 พรรณิการ์ วานิช....คนไทยอยากเห็นเศรษฐกิจดีขึ้น อยากเห็นการเลือกตั้งใหญ่.....ขอให้สมหวังซะที
- หลังประกาศเข้าร่วมกับ รวมไทยสร้างชาติ แน่นอน....พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความชัดเจนทางการเมืองมากขึ้น....ส่วนจะตัดสินใจลงสนามการเมืองแค่ในฐานะแคนดิเดตนายกฯของรวมไทยสร้างชาติ ในฐานะสมาชิกพรรค หรือถึงขั้นจะ ลงสนามเลือกตั้ง....ต้องดูสภาพแวดล้อมทางการเมืองอีกกระทอก......การประกาศเป็น ปีแห่งชัยชนะ...ฝ่าวิกฤติซ้อนวิกฤติ ทั้ง โควิดและความขัดแย้งทางการเมือง ........ขอให้ปี 2566 เป็นปีแห่งความรักและความสามัคคี....แต่เมื่อดูจากบรรยากาศทางการเมืองตอนนี้....ชาวบ้านได้แต่เลิ่กลั่ก

- ส่วน บุคคลที่ทรงอิทธิพลทางสังคม ปีนี้ สมควรยกให้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่โพสต์คลิปอวยพรปีใหม่ ระบุปี 2565 เป็นปีแห่งความพ่ายแพ้...สวนหมัด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่โพสต์คลิปว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งชัยชนะ ทันทีทันควัน....เหตุเพราะ ไม่สามารถก้าวข้ามวิกฤติซ้อนวิกฤติ......ความพ่ายแพ้ที่ชัดเจนที่สุดคือ การปราบคอร์รัปชัน มีการเรียกรับผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงชัดเจน ทนโท่...ความพ่ายแพ้ของ ระบบรัฐต่อมาเฟียจีน ที่แสดงอิทธิพลอยู่เหนือกฎหมายไทย.....สะท้อนถึงความเพิกเฉยของ ผู้นำประเทศ ที่มีผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจและความมั่นคง....พูดอีกก็ถูกอีก.....การออกมาแฉของ ชูวิทย์ เฉพาะ มาเฟียจีน ทุนสีเทา แค่เรื่องเดียว สะเทือนไปสามภพสามชาติ......ทำเอา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ไปไม่เป็น.....ใช่ไม่ใช่
- จับตา ศึกซักฟอกรัฐบาล ที่ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุ...ญัตติอภิปรายทั่วไป โดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 มีแต่ข้อมูลเด็ดทั้งนั้นใช้เวลา 3 วันเชือดรัฐบาลก็น่าจะพอ โดยเฉพาะประเด็นการทุจริต......ขึ้นอยู่กับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยอมถูกเชือดคาเขียงกลางสภา หรือ จะยุบสภา ก่อนให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเท่านั้น

...

...
- เศรษฐกิจจริงยังสวนทางกับตัวเลข รายได้หลักจากการท่องเที่ยว ที่ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวเอาไว้กว่า 20 ล้านคน...โดยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวตามที่ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวฯ จับมือ กระทรวงสาธารณสุข...พร้อมให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ต้องการ รับวัคซีนโควิดในไทย โดยมีการคิดค่าบริการรายละ 500 แต่ไม่เกิน 800 บาท...จะเวิร์กหรือไม่เป็นอีกเรื่อง...แต่ที่ สาธารณสุขยืนยันว่า ปีนี้โควิด–19 ยังคงที่....บวกกับ จีนมีนโยบายผ่อนคลายมาตรการโควิด ให้กับนักท่องเที่ยวที่จะทะลักออกมาจากจีน.....ควรจะเตรียมรับมือโควิดรอบใหม่อีกระลอกดีกว่า
- ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้...ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน ระบุ....ปีนี้ เศรษฐกิจโลก จะชะลอตัว เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบกับเศรษฐกิจไทย....อาทิ การส่งออก ที่ลดลงกว่าร้อยละ 6 การขยายตัวการส่งออก อยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.2 ในปีที่แล้ว และ ปีนี้จะขยายตัวแค่ร้อยละ 2.7 เท่านั้น....สภาวะทางการเงินของโลกอยู่ในสภาพที่เปราะบาง.....คาดปีนี้ อัตราเงินเฟ้อ จะถึงจุดสูงสุด .....ข้อดีคือ ธนาคารพาณิชย์ ในบ้านเรายังเข้มแข็ง หนี้ต่างประเทศ ยังอยู่ในระดับต่ำ และเรายังมี เงินสำรองในระดับที่สูงพอที่จะสามารถรับมือกับความเสี่ยง.....ที่ต้องเฝ้าระวังคือ หนี้ครัวเรือนกลุ่มเปราะบาง และ ธุรกิจเอสเอ็มอี รวมทั้งมาตรการช่วยลดค่าครองชีพ ที่จะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตด้วย......ส่วนการหารือระหว่าง คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน นำโดย สนั่น อังอุบลกุล ประธาน กกร. กับ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน ได้ข้อสรุปที่ภาครัฐจะยอมถอย ลดค่าไฟฟ้า โดยจะขอให้ สมาคมธนาคารไทย ยืดหนี้และลดดอกเบี้ยให้โรงไฟฟ้าเอกชน...เพื่อนำไปพิจารณาลดค่าไฟฟ้าอัตราใหม่เฉลี่ย 5.69 บาทต่อหน่วยลงมาอีกรอบ.....จบข่าว
...


- มองนโยบายต่างประเทศผ่าน ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ....ผลพวงจาก สงครามรัสเซีย–ยูเครน ที่กลายเป็นข้อพิพาทระดับโลก ที่มีผลต่อวิถีชีวิตของประชาชนและผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง....ที่จะต้องคำนึงถึง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย.....ปัญหารัสเซีย-ยูเครน จะเป็นปัญหาที่ท้าทายด้านต่างประเทศในปีนี้มากที่สุด....เช่นเดียวกับ ปัญหาในประเทศเมียนมา ที่เป็นปัญหาท้าทายในกลุ่มประเทศอาเซียน....โฟกัสไปที่การเดินทาง เยือนรัสเซีย ของ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ตามคำเชิญของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย...กับท่าทีของ นาโต ในการตัดสินใจเข้าสนับสนุนการ ทำสงครามในยูเครน เป็นทางการ......และการตัดสินใจของ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน.....ที่ได้รับอานิสงส์จากการขายอาวุธให้กับสหภาพยุโรป.....จะเป็นคำตอบสุดท้ายของวิกฤติโลกในปีนี้

"อินทรีเหล็ก"