นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข แถลงผลการสำรวจไอคิว อีคิวเด็กไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ปี 2564 ภายในงาน “เดินหน้า...สร้างเด็กไทยไอคิวดี” ว่า ผลสำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญาและความฉลาดทางอารมณ์เด็กไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ประจำปี 2564 ทั่วประเทศ โดยกรมสุขภาพจิต พบว่า ระดับสติปัญญา (ไอคิว) เฉลี่ยเกิน 100 แล้วเป็นครั้งแรก คือ 102.8 อยู่ในเกณฑ์ปกติ และผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 100 ตามเป้าหมายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และสูงขึ้นกว่าการสำรวจเมื่อปี 2559 ถึง 4.5 จุด โดยอยู่เกณฑ์ฉลาดมาก คือ ไอคิวมากกว่า 130 สูงถึง 10.4% ส่วนที่ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติหรือต่ำกว่า 90 ลดลงจาก 31.8% เหลือ 21.7% สะท้อนถึงความสำเร็จที่ทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนาเด็กไทย แต่ยังพบกลุ่มที่อยู่ในเกณฑ์บกพร่องหรือไอคิวต่ำกว่า 70 อยู่ 4.2% สูงกว่ามาตรฐานสากลคือไม่ควรเกิน 2% สะท้อนว่า ยังมีเด็กกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่ส่งผลต่อสติปัญญา ในช่วงแรกเกิดถึง 5 ปี พบในกลุ่มขาดโอกาสทางสังคม เช่น ครอบครัวที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ กลุ่มเด็กที่เกิดจากมารดาวัยรุ่น ครอบครัวขาดความพร้อมในการเลี้ยงดูเด็กขณะที่ตั้งครรภ์ เป็นต้น ส่วนผลสำรวจความฉลาดทางอารมณ์ (อีคิว) อยู่ในเกณฑ์ปกติ 83.4% แสดงว่าเด็กยังมีความสามารถในการรู้จัก เข้าใจ ควบคุมอารมณ์ สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ เอาชนะอุปสรรคในชีวิต และอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างเหมาะสม ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากต่อความสำเร็จและความสุขในอนาคตนายอนุทินกล่าวว่า แม้แนวโน้มดีขึ้น แต่ขอให้พัฒนาไปต่อเนื่อง การมีระดับสติปัญญาที่ดีเริ่มมาจากการฝากครรภ์คุณภาพ มีโภชนาการที่ดีเพียงพอ ซึ่ง สมเด็จ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาประชุมที่ สธ.ทุกปี ได้พระราชทานแนวทางแก้ปัญหาการขาดสารไอโอดีนในเด็ก ซึ่ง สธ.ได้รับแนวทางไปปฏิบัติและได้เห็นการพัฒนาขึ้นอย่างเป็นที่ประจักษ์ทุกปี ทำให้เด็กมีพัฒนาการสมวัยมากขึ้น ลดการเป็นโรคเอ๋อ จึงขอให้กรมสุขภาพจิตและกรมอนามัยเพิ่มเรื่องความรอบรู้ด้านไอโอดีนให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีความใกล้ชิดกับชาวบ้าน เพื่ออธิบายต่อกับชาวบ้านถึงความสำคัญให้เด็กบริโภครับสารไอโอดีนเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต.