นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ส่งผลกระทบต่อราคาพืชผลทางการเกษตรอย่างต่อเนื่อง พืชผลราคาตกต่ำลงแทบจะทุกชนิดแต่มะละกอกลับสวนกระแส ราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ทั้งมะละกอดิบและมะละกอสุก จนถือได้ว่าเป็นปีทองของคนปลูกมะละกอ ที่เกษตรกรสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำโดยแท้ที่สำคัญมีแนวโน้มจะราคาแพงยาวนานไปจนถึงปลายฤดูกันเลยทีเดียว เกิดอะไรขึ้นกับมะละกอชัยพร นันทอุดมพืช เกษตรกรผู้ปลูกมะละกอกว่า 30 ไร่ จ.กำแพงเพชร มีผลผลิตมะละกอขายส่งตลาดทุก 2 วัน ครั้งละ 7-8 ตัน ให้ทรรศนะว่า โดยปกติแล้วมะละกอจะมีราคาแพงมากๆในช่วงเดือน ส.ค.-ต.ค. เนื่องจากผลผลิตน้อยมากเนื่องจากมะละกอที่จะให้ผลผลิตได้ช่วงนี้จะต้องออกดอกประมาณ มี.ค.-เม.ย. ซึ่งมีอากาศร้อน ทำให้ดอกมะละกอร่วงไม่ติดผล ส่งผลให้มะละกอในช่วง ส.ค.-ต.ค.ขาดตลาดฉะนั้น มะละกอที่จะเก็บผลผลิตได้ในช่วงแพงจะต้องลงปลูกกันในช่วง ธ.ค.– ม.ค. และปลูกช่วง มี.ค.–เม.ย.ในพื้นที่อากาศไม่ร้อนจัด ที่สำคัญต้องขึ้นกับการดูแลบำรุงรักษา และการบริหารจัดการพื้นที่นับแต่สถานการณ์โควิดมาจนถึงปัจจุบัน ปริมาณผลผลิตน้อยมาก โดยเฉพาะปีนี้ เนื่องจากพื้นที่ปลูกลดลงอย่างมาก เนื่องจากชาวสวนเจ็บตัวจากราคาที่ตกต่ำเมื่อปี 2563 ปีแรกที่เจอสถานการณ์โควิดตลาดปิด ล็อกดาวน์คนไม่เดินตลาด จำต้องกลืนน้ำตาขายผลผลิตเข้าโรงงานราคาที่ถูกกว่าขายเข้าตลาดขายผลสดมาก ปี 2564 เกษตรกรจึงลดพื้นที่ปลูกและเลิกปลูกกันไปจำนวนมากประกอบกับช่วงปลายปีที่แล้ว แหล่งปลูกใหญ่อย่าง จ.กำแพงเพชร ชุมพร และตาก เจอมรสุมลมพัดต้นหักและน้ำท่วมแปลงปลูกเสียหาย ทำให้ปีนี้ทั้งพื้นที่ปลูกและปริมาณผลผลิตมะละกอลดลงไปมาก ได้ราคา กก.ละ 13–20 บาท จากที่เคยได้ไม่ถึง 10 บาท ปีนี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้ปลูกมะละกอ.สะ–เล–เต