นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยในการสัมมนา วิชาการสังเคราะห์องค์ความรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ว่า วันนี้ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อฟันฝ่าวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลก ที่เพิ่มขึ้นแม้เพียง 1 องศาเซลเซียส ก็ส่งผลกระทบมากมายต่อทรัพยากรธรรมชาติสภาวะ สิ่งแวดล้อม ปะการังฟอกขาว การเพิ่มสูงขึ้นของน้ำทะเล การดำรงชีวิตของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งมีความเปราะบาง มีชายฝั่งทะเล มีชุมชนตั้งถิ่นฐาน และถูกจัดลำดับว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นลำดับที่ 9 ดังนั้น หากปล่อยให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส จะเกิดผลกระทบหลายเท่าตัว ดังนั้น การสร้างความตระหนักรู้และการเรียนรู้จะทำให้เราสามารถปรับตัวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมีภูมิคุ้มกันได้
รองปลัด ทส.กล่าวอีกว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้นานาชาติรวมถึงประเทศไทยต้องร่วมกันหารือเพื่อควบคุมอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภายในปี 2573 ซึ่งในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญา สหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 ประเทศไทยจะดำเนินงานเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2065 โดย ทส.จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่.