ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ผลของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยระดับโลกใน THE (Times Higher Education) Impact Rankings 2021 ที่ใช้วัดความสำเร็จของมหาวิทยาลัยทั่วโลกในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN) ที่มหาวิทยาลัยไทยหลายแห่งได้รับการจัดอันดับอยู่ในระดับโลกและถือเป็นดัชนีชี้วัดประเทศที่ช่วยให้เกิดการตัดสินใจลงทุนจากต่างประเทศนั้น อว.ได้เตรียมยุทธศาสตร์ในการพลิกโฉมหรือยกระดับมหาวิทยาลัยตามความเชี่ยวชาญ โดยมีการแบ่งกลุ่มตามความถนัดและศักยภาพ เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างก้าวกระโดดและตอบโจทย์ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ BCG และกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ระบบโลจิสติกส์ ระบบราง ยานยนต์ไฟฟ้า หรือเทคโนโลยีในอนาคต เช่น เทคโนโลยีการคำนวณเชิงควอนตัม เทคโนโลยีอวกาศ เป็นต้นรมว.อว.กล่าวต่อว่า การพลิกโฉมมหาวิทยาลัย เนื่องจากมหาวิทยาลัยของไทยจำนวนหนึ่งมีพื้นฐานที่ดีในการทำงานที่ตอบโจทย์ของประเทศรวมทั้งความยั่งยืนที่กำหนดโดยสหประชาชาติ แต่อย่างไร ก็ตาม ในด้านความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยไทยจำเป็นที่จะต้องทำการบ้านเพื่อยกระดับคุณภาพให้สูงขึ้นอีก มหาวิทยาลัยไทยหลายๆแห่งมีศักยภาพในหลายสาขาวิชาซึ่งมีความแตกต่างกัน เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความเชี่ยวชาญในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งติดอันดับโลก เช่น วิศวกรรมปิโตรเลียม ติดอันดับที่ 51-100 รวมถึงการแพทย์ รัฐศาสตร์เป็นต้น ม.มหิดล ด้านการแพทย์ติดอันดับที่ 116 ของโลกม.เกษตรศาสตร์ อันดับที่ 63 ของโลกด้านเกษตรและป่าไม้ ม.เชียงใหม่ (มช.) เชี่ยวชาญทางด้านเกษตรและป่าไม้ เภสัชศาสตร์และเภสัชวิทยาและวัสดุศาสตร์ ม.ขอนแก่น (มข.) เชี่ยวชาญทางด้านเกษตรและป่าไม้ เภสัชศาสตร์และเภสัชวิทยา ส่วน ม.สงขลานครินทร์(ม.อ.) มีความถนัดทางด้านเกษตรและป่าไม้ และการแพทย์ เป็นต้น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าทั้ง 3 แห่งที่มีจุดเด่นในด้านวิศวกรรมศาสตร์หลายสาขาศ.ดร.เอนก กล่าวอีกว่านอกจากนี้ยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่มีสาขาวิชาที่มีจุดเด่น แต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับให้มีคุณภาพสูงขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญของ อว.ในการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย การพัฒนามหาวิทยาลัยเป็นกระบวนการที่ไม่หยุดนิ่งและต้องทำแบบก้าวกระโดดเพราะหากช้าก็จะกลายเป็นถอยหลัง เนื่องจากมหาวิทยาลัยอื่นๆทั่วโลกมีพัฒนาการที่รวดเร็ว.