ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า เพื่อแก้ปัญหาการไร้ที่ดินทำกินของเกษตรกร การรุกล้ำเขตป่าสงวน และการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่สงวนหวงห้ามของรัฐ รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ขึ้น เพื่อจัดสรรที่ดินให้กับผู้ยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกินและอยู่อาศัย มีที่ทำกินและใช้ประโยชน์ในที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดในหลายๆ แห่ง และอำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เป็นหนึ่งในโครงการที่ ส.ป.ก. ได้ดำเนินการนำที่ดินแปลงว่าง ซึ่งเดิมองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) เคยขอใช้ประโยชน์และหมดอายุสัญญาเช่า ส.ป.ก.จึงนำพื้นที่ดังกล่าวมาจัดที่ดินลักษณะแปลงรวม ไม่ให้กรรมสิทธิ์ ให้บริหารจัดการที่ดินในรูปแบบกลุ่มหรือสถาบันเกษตรกรตามเงื่อนไข โดยพื้นที่โครงการแบ่งออกเป็น 8 ชุมชน รองรับเกษตรกรจำนวน 486 ราย “ปี 2558-2563 ส.ป.ก. สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด ขอเช่าที่ดินจาก ส.ป.ก. เนื้อที่ประมาณ 2,423-0-84 ไร่ และจัดให้สมาชิก 369 ราย ที่ดินให้เข้าทำประโยชน์ในรูปแบบการทำเกษตรแบบแปลงรวม ร่วมกันทำประโยชน์ โดยเกษตรกรแต่ละครอบครัวจะมีพื้นที่ปลูกผักเท่ากัน มีการบริหารจัดการทั้งวางแผนเลือกชนิดพืช ช่วงเวลาการเพาะปลูก ทั้งปลูกพืชผักอายุสั้น ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ปลูกมันสำปะหลัง และ ส.ป.ก.เข้าไปปรับโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ จัดสร้างสระเก็บน้ำในแปลงเกษตรกรรม ส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตก้อนเชื้อเพาะเห็ดนางฟ้า ปลูกผักอินทรีย์ ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป็นผ้าทอ พร้อมทั้งจัดหาตลาดรับซื้อผลผลิต ทำให้เกษตรกรมีรายได้ประกอบอาชีพมีรายได้อย่างยั่งยืน” นายมงคล เงินกลม ประธานแปลงใหญ่ผักหนึ่งในสมาชิก คทช.จ.อุทัยธานี บอกว่า เมื่อก่อนปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพด ในพื้นที่สวนป่า กระทั่งถูกรัฐเรียกคืน จึงสมัครเข้ามาอยู่ในพื้นที่ คทช. ซึ่งได้รับการจัดสรรที่ดิน 4 ไร่ 2 งาน แบ่งพื้นที่สร้างที่อยู่อาศัย ขุดสระน้ำไว้ใช้หน้าแล้ง ขุดบ่อเลี้ยงปลาดุก ซึ่งต่อไปเมื่อถึงเวลาขายจะเป็นเงินก้อน และปลูกผักอายุสั้น โดยเลือกชนิดผักที่ชุมชนต้องการ อาทิ มะระขี้นก พริก คะน้า ผักชี ผักกาด ซึ่งจะทำให้ขายได้ง่ายและรวดเร็วเป็นเงินรายวัน และพื้นที่เหลือปลูกไม้ผล (เงาะ) มะละกอ และมะนาว การจัดการพื้นที่ทั้งหมดจะช่วยให้มีรายได้เข้ามาตลอดทั้งปี.