จับตา “เมียนมา” มีคนป่วยติดเชื้อโควิด-19 พุ่งกว่า 600 ราย ในห้วง 2 สัปดาห์ ระบาดหนักในรัฐยะไข่ แต่ทางการให้ประชาชนอยู่บ้านและประกาศเคอร์ฟิว ผู้เดินทางออกจากยะไข่จะถูกกักตัวรวมทั้งหมด 21 วัน มหาดไทยสั่ง ผวจ.จังหวัดชายแดนไทย-เมียนมา คุมเข้มจุดผ่านแดน เฝ้าระวังแรงงานผิดกฎหมายทะลักเข้า เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสอันตรายเข้าไทย รัฐบาลแจงยังไม่ให้ต่างชาติเข้าภูเก็ต เผยยังอีกหลายขั้นตอนกว่ามาตรการจะสะเด็ดน้ำ ชาวโลกยังคงถูกไวรัสมัจจุราชกลืนกินชีวิตและติดเชื้อรายวันจำนวนมหาศาลที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 27 ส.ค.นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า ไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศมากว่า 3 เดือนแล้ว ระยะหลังเป็นผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักตัว จำนวน 473 ราย ส่วนในอาเซียน เวียดนามมีการระบาดระลอก 2 ในช่วงเดือนกว่าที่ผ่านมาแต่สถานการณ์ดีขึ้น ด้านมาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่น้อยลง ขณะที่เมียนมา ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการติดเชื้อในประเทศ มีรายงานแล้ว 602 ราย โดยระบาดในรัฐยะไข่ ทั้งนี้ ฝั่งตะวันตกของประเทศเมียนมายังมีพรมแดนติดกับบังกลาเทศและอินเดียที่มีการระบาด มาตรการสำคัญที่เมียนมาทำอยู่ คือให้ประชาชนอยู่กับบ้าน เหมือนที่ไทยเคยทำและประกาศเคอร์ฟิว เวลา 21.00- 04.00 น. คนเดินทางออกจากยะไข่จะถูกกักตัว 14 วันและให้กักในที่พักอีก 7 วันรวม 21 วัน“พื้นที่พรมแดนของไทย มีการเข้มงวดป้องกันการเข้ามามากขึ้น มีการเฝ้าระวังโควิดในแรงงานต่างด้าวในพื้นที่พรมแดน แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ไทยมีพรมแดนทางบกหลายร้อย กม.ทำให้ยากลำบากที่จะเฝ้าระวัง บริเวณพรมแดนมีด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ แต่การลักลอบเข้ามาจะอยู่นอกช่องทางเข้าออกทางการฝ่ายมั่นคง ทั้งทหารและปกครอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับมอบหมายในระยะนี้ให้เพิ่มความถี่และเข้มงวด ในการตรวจตรา เพื่อป้องกันการลักลอบ หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่พรมแดน อสม.ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านช่วยกันสอดส่องคนแปลกหน้าในพื้นที่ หากพบให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เมื่อมีการจับตัวจะมีการตรวจหาเชื้อว่ามีหรือไม่เพื่อประเมินความเสี่ยง” นพ.โสภณกล่าวนพ.โสภณกล่าวว่า สำคัญที่สุด คือ ประชาชนช่วยกันหลีกเลี่ยงเดินทางในพื้นที่ที่พบการระบาด ชะลอการนำแรงงานมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน คือรัฐยะไข่ ส่วนพื้นที่ที่ไม่มีการระบาดยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชะลอ เนื่องจากเมียนมามีการล็อกดาวน์รวดเร็ว พื้นที่จังหวัดตากมีบริษัทก่อสร้างนำเข้าแรงงานจากพม่า 400 ราย อยู่ระหว่างการจัดทำสถานกักกันโดยองค์กร หลาย ประเทศเริ่มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นระยะนี้ เช่น ยุโรป หลายรัฐของสหรัฐอเมริกา ทวีปอเมริกาใต้ เอเชียก็มีหลายประเทศกำลังมีผู้ป่วยเพิ่มระลอกสอง เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เวียดนาม ดังนั้นคนไทยต้องเคร่งครัดมาตรการป้องกันตัว วันเดียวกัน น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลที่เปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในไทย โดยใช้ภูเก็ตโมเดลเป็นต้นแบบนั้น โครงการดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนหารือรายละเอียด ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะต้องมาพิจารณา ต้องใช้เวลาอีกพอสมควรกว่าจะมั่นใจได้ว่าเมื่อเปิดรับชาวต่างชาติแล้ว จะไม่นำมาซึ่งความเสี่ยงการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ขอให้ชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวชาวไทยสบายใจได้ว่าตอนนี้ยังไม่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ การดำเนินการจะทำอย่างรัดกุมมากที่สุด ภูเก็ตโมเดลจะเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่กำหนดพื้นที่ให้ท่องเที่ยวแบบจำกัด มีการกักตัว 14 วันก่อนให้เดินทางท่องเที่ยวอย่างแน่นอน ที่สำคัญจะพิจารณาเฉพาะประเทศที่ปลอดโควิดนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า กรณีศบค.รายงานข้อมูลผู้ติดเชื้อในเมียนมาจากการระบาดระลอกที่ 2 จำนวน 580 ราย ได้เน้นย้ำและสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-เมียนมา จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี แม่ฮ่องสอน ระนอง ราชบุรี ให้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ 1.การเดินทางเข้ามาในประเทศผ่านช่องทางการเข้าออกด่าน จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรนในพื้นที่รับผิดชอบ ให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปฏิบัติของการป้องกันโรค ตามคำสั่ง ศบค.อย่างเคร่งครัด 2.บูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนเพื่อเพิ่มความเข้มงวด เฝ้าระวัง ป้องกันการเดินทางเข้าพื้นที่ของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ผ่านช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน ที่ด่านพรมแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก วันเดียวกัน พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมคณะไปตรวจความพร้อมการรับมือโควิด-19 ที่กำลังระบาดรอบใหม่ในเมียนมา มี พล.ต.อุกฤษฎ์ นุตคำแหง ผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวร และเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมประชุมชี้แจง พล.ท.ฉลองชัยกล่าวว่า มาตรการทุกอย่างที่จังหวัดตากดำเนินการมา ดูแล้วรัดกุมทุกจุด มีเพียงว่าด่านขนส่งสินค้าจำเป็นต้องปรับให้รถที่ผ่านเข้าออกและมีคนเมียนมาคันละ 2 คนติดรถ จะหามาตรการคุมไม่ให้มีการลงรถ ให้ขนถ่ายสินค้าขึ้นรถแล้วกลับเลย ส่วนท่าข้ามธรรมชาติ เพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ให้ อสม.เข้ามาร่วมลาดตระเวนด้วย เรื่องการส่งตัวผู้ป่วยของเมียนมาคงต้องมีอยู่ แต่หากพบมีบุคคลต้องสงสัยต้องกักตัว หลายฝ่ายเสนออยากให้ปิดด่านทั้งหมด ต้องรอดูท่าทีหากถึงเวลาเราจะหามาตรการรองรับ เช่น ให้มีการขนถ่ายสินค้าตามแนวชายแดนหรือขนถ่ายกันหน้าด่านพรมแดน โดยไม่ให้รถเข้ามาในพื้นที่ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้นด้านนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มป้องกันบุคคลต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้านลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอำเภอชายแดน อ.สังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยค เมืองกาญจนบุรี และอำเภอด่านมะขามเตี้ย ขณะที่บรรยากาศที่จุดผ่อนปรนชั่วคราวบ้านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรีและด่านผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน อ.เมืองกาญจนบุรี คึกคักแค่การเปิดด่านศุลกากรให้บริการนำเข้าและส่งออกสินค้าได้ตามปกติ แต่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่มีให้บริการแก่ชาวไทยและต่างชาติในการเข้าออกประเทศพ.อ.ชาตรี สงวนธรรม ผบ.ฉก.ม.2 กล่าวว่า กองกำลังผาเมืองและ กอ.รมน.ภาค 3 เพิ่มมาตรการตรวจเข้มชายแดนไทย-เมียนมา อีก 7 มาตรการ ป้องกันแรงงานและคนไทยที่ตกค้างลักลอบข้ามชายแดนโดยไม่ผ่านการคัดกรอง ตลอดชายแดน 4 อำเภอ คือแม่สาย แม่จัน แม่ฟ้าหลวง เชียงแสน ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝั่งท่าขี้เหล็กได้ขอระงับการรับตัวชาวเมียนมาที่อยากกลับบ้านไว้ก่อน เพื่อสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 แรงงานเมียนมาจึงข้ามไปมาไม่ได้อย่างเด็ดขาดสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในไทย กรมควบคุมโรคและศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ การวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ รายงานว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้น 6 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้ากักตัวในสถานที่ของรัฐจัดให้ โดยมาจากเยอรมนี 2 ราย จากเอธิโอเปีย 2 ราย จากฟิลิปปินส์ 1 ราย จากอุซเบกิสถาน 1 รายทางด้านสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ผู้ติดเชื้ออยู่ที่ยอดกว่า 24.6 ล้านคน ผู้เสียชีวิตกว่า 8.36 แสนราย หายป่วยแล้วกว่า 17.1 ล้านราย สหรัฐอเมริกายังครองตำแหน่งชาติที่มีคนติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดกว่า 6 ล้านราย มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.85 แสนราย ตามด้วยบราซิลผู้ติดเชื้อกว่า 3.7 ล้านราย เสียชีวิตกว่า 1.18 แสนราย อันดับ 3 คือ อินเดีย ผู้ติดเชื้อกว่า 3.4 ล้านราย ผู้เสียชีวิตกว่า 6.17 หมื่นราย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯประกาศทุ่มงบประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จัดซื้อชุดตรวจสอบการติดเชื้อโควิด-19 ที่มีราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ แจกจ่ายหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทราบผลตรวจสอบภายใน 15 นาที ขณะที่ยุโรป รัฐบาลอังกฤษ เริ่มผ่อนปรนให้ผู้คนกลับเข้าทำงานตามสำนักงาน ท่ามกลางมาตรการเฝ้าระวังด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด สหราชอาณาจักร พบผู้ติดเชื้อกว่า 3.3 แสนราย ผู้เสียชีวิตกว่า 4.14 หมื่นราย สเปนก็เริ่มทยอยเปิดชั้นเรียน ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งประเทศ อยู่ที่กว่า 4.51 แสนราย ผู้เสียชีวิตกว่า 2.9 หมื่นราย ส่วนรัสเซีย พบผู้ติดเชื้อทั้งประเทศกว่า 9.8 แสนราย ผู้เสียชีวิตกว่า 1.7 หมื่นรายสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียโดยรวมยังไม่น่าไว้วางใจ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อ 28 ส.ค. โดยเฉพาะอินเดียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มในวันเดียวมากถึง 77,266 รายทุบสถิติโลก ส่วนอินโดนีเซีย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,003 ราย เสียชีวิต 105 ราย ฟิลิปปินส์พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3,999 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 91 ราย ขณะที่เมียนมา เพิ่มมาตรการคุมเข้มหลายพื้นที่ในประเทศ หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากพื้นที่รัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกมากราว 200 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ไม่แสดงอาการป่วย ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศเมียนมา อยู่ที่ 602 ราย เสียชีวิต 6 ราย ที่เกาหลีใต้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 371 รายส่วนใหญ่อยู่ทางกรุงโซล เสียชีวิต 3 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ถือเป็นตัวเลขเพิ่ม 3 หลัก ติดต่อกันวันที่ 15 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศอยู่ที่เกือบ 2 หมื่นราย เสียชีวิตสะสมรวม 316 ราย ทางการสั่งปิดสถานศึกษาในเขตกรุงโซลทั้งหมดจนถึง 11 ก.ย.และบังคับใช้มาตรการคุมเข้มการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล การสวมใส่หน้ากากอนามัยตามที่สาธารณะทั้งในร่มและกลางแจ้ง ขณะเดียวกัน ชาวเกาหลีใต้ที่เคยป่วยและหายป่วยจากโควิด-19 เกือบ 200 คน พากันไปบริจาคเลือดและพลาสมา เพื่อใช้เป็นข้อมูลการวิจัยรักษาโรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นที่ญี่ปุ่น ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 6.5 หมื่นราย ผู้เสียชีวิตกว่า 1,226 ราย ทางการญี่ปุ่นพยายามเร่งเปิดเมืองเพื่อฟื้นสภาพเศรษฐกิจโดยเร็ว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.จะอนุญาตชาวต่างชาติที่เคยพำนักในญี่ปุ่นเดินทางกลับเข้าประเทศได้ แต่ต้องผ่านการตรวจสอบด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด และรัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ระหว่างเตรียมสำรองวัคซีนโควิด-19 ถึง 5 ชนิด มากถึง 521 ล้านโดส ให้ได้ภายในช่วงปีหน้า ทั้งที่ประชากรญี่ปุ่นมีอยู่เพียง 126 ล้านคนส่วนที่จีน ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศยังทรงตัวอยู่ที่กว่า 8.5 หมื่นราย ผู้เสียชีวิตกว่า 4,634 ราย พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อ 28 ส.ค. จำนวน 9 ราย รัฐบาลจีนอนุมัติความช่วยเหลือเงินกู้แก่บังกลาเทศ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้แก้ปัญหาเยียวยาสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 บังกลาเทศพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 3.04 แสนราย ผู้เสียชีวิตกว่า 4,127 ราย