คืนกลับสู่จอเที่ยวนี้เหมือนเตรียมตัวจัดหนัก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบช.สตม. พ้นชายคาสำนักปทุมวันไปนั่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดศึกชนรุ่นพี่ที่เคยรักและเคารพอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

นายพลตำรวจโทคนหนุ่ม นรต.รุ่น 47 เลือกเล่นบท “ไม่หวานเจี๊ยบ” กระโจนฟัดนายพลตำรวจเอกวัยใกล้เกษียณ นรต.36 หลังรถเก๋งของตัวเองถูก “มือมืด” รัวยิงใส่ขณะจอดอยู่หน้าร้านนวดย่านถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม.

ฟันธงชนวนเหตุมาจากผู้สูญเสียผลประโยชน์ในโครงการจัด ซื้อเครื่องไบโอแมทริกซ์ หรือเครื่องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลลายพิมพ์นิ้วมือและภาพถ่ายใบหน้าของ สตม. วงเงิน 2,100 ล้านบาท ที่ตัวเองกำลังจะไปให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดแก่ ป.ป.ช.

เสมือนลูกปืน “เปิดหัว” ลากไปสู่ประเด็นร้อนเกี่ยวกับการทุจริตในหน่วยเก่าเขย่าเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” ที่ดันเข้าไปมีชื่อพัวพันด้วย

ไล่เลี่ยกันมีขบวนการปล่อยคลิปเสียงสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กับ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ด้วยอารมณ์ดุเดือดเกี่ยวกับคดียิงรถเก๋งของอดีตนายพลคนดัง

บ่งถึงสัญญาณร้าวฉานของ “พี่แป๊ะ” กับ “น้องโจ๊ก” ตอกย้ำความจริงในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้าว่าด้วยเรื่อง “พลตำรวจโท” ทำตัวใหญ่กว่า “พลตำรวจเอก”

งานนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่ได้จัดฉาก” และมั่นใจในความดีของตัวเองที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ลั่นวาจาท้าทายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ออกมารับผิดชอบ หากไม่สามารถจับ “คนลั่นไก” ได้

...

สุมไฟขัดแย้งใน “ยุทธจักรสีกากี” ที่มีอายุราชการของทั้งคู่เป็นเดิมพัน

อีกคนนับวันถอยหลัง ส่วนอีกคน “หลังพิงฝา” แม้จะมีเวลาเหลือกว่า 11 ปี

กระสุนยิงใส่รถเปล่ามันดูแม่นเข้าเป้าเก้าอี้ “แม่ทัพ” อย่างจัง.

"สหบาท"