ปลายหนาวต้นร้อน กลางคืนเย็น กลางวันแดดแรง กรมวิชาการเกษตรเตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชผักตระกูลกะหล่ำและผักกาด อาทิ กวางตุ้ง กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก คะน้า ผักกาดขาว ผักกาดหอม และบรอกโคลี เตรียมรับมือการระบาดของโรคราน้ำค้าง ที่สามารถพบได้ทุกระยะการเจริญเติบโต

อาการในระยะต้นกล้า ใบเลี้ยงจะเกิดจุดแผลสีน้ำตาล ทำให้ลำต้นเน่าหรือแคระแกร็น

ระยะต้นโตจะพบอาการบริเวณด้านบนใบเป็นจุดแผลสีเหลือง หรืออาจเป็นปื้นสีเหลือง กรณีสภาพอากาศชื้นในตอนเช้า ถ้าพลิกดูด้านใต้ใบมักจะพบเส้นใยเชื้อราสีขาวหรือเทา คล้ายปุยฝ้าย

หากพบโรค ระบาดรุนแรง แผลจะลามขยายใหญ่ ทำให้เนื้อใบเป็นสีน้ำตาลและแห้งตาย ส่วนในกะหล่ำดอกและบรอกโคลี ถ้าพบเชื้อราเข้าทำลายรุนแรง ก้านดอกจะยืดและดอกอาจจะบิดเบี้ยวเสียรูปทรงได้

หากพบโรคเริ่มระบาด ให้ฉีดพ่นด้วย เมทาแลกซิล 25% ดับเบิลยูพี อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดเมโทมอร์ฟ 50% ดับเบิลยูพี อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แมนโคเซบ 80% ดับเบิลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แมนโคเซบ+เมทาแลกซิล-เอ็ม 64% +4% ดับเบิลยูจี อัตรา 80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิลยูพี อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้ทั่วทั้งด้านบนใบและใต้ใบ ทุก 5-7 วัน

ส่วนการป้องกันเกษตรกรควรเลือกใช้เมล็ดพันธุ์สะอาดที่มีคุณภาพดีจากแหล่งปลอดโรค ก่อนปลูกควรแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 ํC (ต้มน้ำจนเดือดแล้วเติมน้ำปกติลงไปผสม 1 เท่า) นาน 20-30 นาที หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วย เมทาแลกซิล 35% ดีเอส อัตรา 10 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม

และควรปลูกให้มีระยะห่างพอสมควร ไม่เบียดแน่นจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความชื้นสูง อากาศไม่ถ่ายเท และโรคระบาดได้รวดเร็ว หลังการเก็บเกี่ยวเรียบร้อยแล้ว ควรเก็บเศษซากพืชส่วนที่หลงเหลือในแปลง และหมั่นกำจัดวัชพืชในแปลง นำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดการสะสมเชื้อราสาเหตุโรค

...

หลีกเลี่ยงการปลูกพืชชนิดเดียวกันซ้ำในพื้นที่แปลงเดิม ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน และทำความสะอาดเครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตรที่ใช้กับต้นเป็นโรคก่อนนำกลับมาใช้ใหม่กับต้นปกติทุกครั้ง.

สะ-เล-เต